“ความเย่อหยิ่งของท่านดยุคนี่จะทำให้นายเสียเธอไปจริง ๆ นะ”
ลอร์ดริชาร์ดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะมองเอ็ดเวิร์ดที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ สายตาของริชาร์ดนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยและความเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนของเขากำลังเผชิญอยู่
เอ็ดเวิร์ดหันมามองริชาร์ดอย่างเงียบ ๆ แต่แววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความสับสน เขารู้ดีว่าคำพูดของริชาร์ดนั้นถูกต้อง และเขาก็รู้ดีว่าความเย่อหยิ่งของตนเองนั้นมักทำให้เขาปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริง แต่ความภาคภูมิใจและความระมัดระวังที่เขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง ก็กลายเป็นกำแพงที่ทำให้เขาไม่อาจเข้าใกล้วิเวียนได้อย่างที่ใจต้องการ
“ฉัน… ไม่อยากแสดงความรู้สึกให้อ่อนแอ” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเสียงเบา ราวกับเขายอมรับในสิ่งที่ตัวเองยังไม่เคยกล้าพูดออกมา “แต่ทุกครั้งที่เห็นเธออยู่กับคนอื่น ฉันรู้สึกเหมือนบางสิ่งในใจฉันกำลังพังทลาย”
ริชาร์ดถอนหายใจ หยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่มพลางมองเพื่อนรักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ “นายต้องถามตัวเองแล้วว่า… เธอมีความหมายกับนายมากแค่ไหน เอ็ดเวิร์ด หากเธอสำคัญขนาดนั้น นายต้องละทิ้งความเย่อหยิ่งและกล้าพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา ไม่เช่นนั้น นายอาจต้องเห็นเธอเดินไปกับคนอื่นจริง ๆ”
คำพูดนั้นของริชาร์ดทำให้เอ็ดเวิร์ดนิ่งไป เขาหลุบตาลงอย่างครุ่นคิด รู้ดีว่าความจริงที่ริชาร์ดพูดนั้นเจ็บปวด แต่ลึก ๆ แล้ว มันคือสิ่งที่เขารู้สึกมาตลอด
“เพื่อนเกลอเอ๋ย” เสียงหัวเราะของลอร์ดเฮนรี่ เพื่อนสนิทอีกคนดังขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง เขายิ้มอย่างขบขัน ขณะสบตากับเอ็ดเวิร์ดและริชาร์ด สังเกตได้ถึงความเคร่งเครียดที่คลุมบรรยากาศอยู่ก่อนหน้านี้
“พวกนายกำลังถกเถียงอะไรกันอยู่หรือ?” ลอร์ดเฮนรี่มองไปที่ทั้งสองคน ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้าแหย่ “อย่าบอกนะว่านายสองคนกำลังวางแผนสอนท่านดยุคผู้หยิ่งทะนงให้รู้จักกับคำว่า ‘การแสดงความรู้สึก’ อย่างนั้นหรือ?”
ริชาร์ดหัวเราะเล็กน้อยก่อนพยักหน้า “ใช่เลยเฮนรี่ เพื่อนของเราคนนี้นี่แหละ ดวงตามองวิเวียนอย่างมีความหมายทุกครั้ง แต่กลับเก็บงำความรู้สึกไว้เสียจนคนอื่นเข้าใจผิด”
เอ็ดเวิร์ดได้แต่ถอนหายใจ สบสายตาเพื่อนทั้งสองที่เต็มไปด้วยแววตาเย้าแหย่และให้กำลังใจ แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดของพวกเขากระตุกความคิดในใจของเขา เฮนรี่ยื่นมือไปแตะไหล่ของเอ็ดเวิร์ดอย่างเป็นมิตร “เพื่อนรัก ความรักไม่ใช่สนามประลองศักดิ์ศรี การเปิดใจไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่มันคือความกล้าหาญที่สูงส่งที่สุดเชื่อฉันเถอะ”
ทั้งสามนั่งลงพร้อมกับเสียงหัวเราะและการเย้าแหย่เล็กน้อย เอ็ดเวิร์ดที่เคร่งขรึมมาตลอดอดไม่ได้ที่จะคลายยิ้มอย่างรู้สึกซาบซึ้งในมิตรภาพที่เพื่อนทั้งสองมีให้
เฮนรี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากริชาร์ดและเอ็ดเวิร์ด เขาเอนตัวไปด้านหลัง ยกแก้วสก๊อตขึ้นดื่มพลางหัวเราะอย่างขบขัน
“นี่ฉันพลาดไปหลายอย่างเลยนะ” เขากล่าวพร้อมกับยิ้มมุมปาก “ชีวิตรักของท่านดยุคผู้ยิ่งใหญ่ช่างซับซ้อนกว่าที่ฉันคาดคิดไว้เสียอีก”
ริชาร์ดหัวเราะตาม “ใช่เลยเฮนรี่ นายไม่ทันได้เห็นช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นหรอก” เขาตบหลังเอ็ดเวิร์ดเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ “เพื่อนเรานี่เขามีวิธีเก็บซ่อนความรู้สึกได้แนบเนียน แต่บางทีเขาก็ปิดมันไว้เสียจน…เกือบลืมว่าตัวเองมีหัวใจ”
เอ็ดเวิร์ดเพียงแต่ถอนหายใจ พร้อมกับมองเพื่อนทั้งสองด้วยแววตาที่สะท้อนความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งกังวลและลังเล แต่คำพูดที่เฮนรี่และริชาร์ดบอกก็ทำให้เขาตระหนักได้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องปลดปล่อยความรู้สึกนี้ออกมา
เฮนรี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง “ฟังนะเอ็ดเวิร์ด บางทีนายก็ต้องกล้าพอที่จะเดินเข้าไปหาเธอ ไม่ใช่ให้ทุกสิ่งนี้จบลงเพราะความเย่อหยิ่ง เข้าใจไหม?”
เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าช้า ๆ คำแนะนำจากเพื่อนทำให้เขามั่นใจมากขึ้น เขามองแก้วในมือและตัดสินใจว่าคงถึงเวลาที่ต้องทำบางสิ่งเพื่อคนที่เขารู้สึกอย่างแท้จริง
"ฉันว่าเขากลัวเสียหน้าน่ะสิ" เฮนรี่เอ่ยย้ำขึ้นพร้อมยิ้มเย้าแหย่ เขาจ้องเอ็ดเวิร์ดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความขบขันเล็กน้อย ราวกับรู้ดีถึงอารมณ์และความลังเลที่ซ่อนอยู่ในใจของเพื่อน
เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วเล็กน้อย มองกลับไปที่เฮนรี่อย่างไม่สบอารมณ์ แต่ในความเป็นจริง คำพูดนั้นกระแทกใจเขาเต็ม ๆ เพราะเขารู้ดีว่ามันมีความจริงซ่อนอยู่ “ฉันไม่ได้กลัวเสียหน้า” เขาพูดเสียงเรียบ แต่เฮนรี่และริชาร์ดต่างหัวเราะเบา ๆ เหมือนไม่เชื่อคำพูดนั้นเลยแม้แต่น้อย
“นายจะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรีเหรอ เอ็ดเวิร์ด?” ริชาร์ดเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ “เพราะเรารู้จักนายดี และเราเห็นว่าทุกครั้งที่นายอยากจะแสดงความรู้สึกออกไป… นายก็มักจะปิดมันลงเพราะความกลัวนี้เสมอ”
เอ็ดเวิร์ดสูดหายใจลึก มองไปยังแก้วสก๊อตในมือเหมือนจะครุ่นคิด เขารู้ดีว่าคำพูดของเพื่อนทั้งสองเต็มไปด้วยความจริง ความกลัวที่จะสูญเสียการควบคุม ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ทุกอย่างผูกพันกับศักดิ์ศรีที่เขาสร้างขึ้นมา แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ดีว่าหากเขายังคงปล่อยให้ความเย่อหยิ่งนั้นครอบงำเขาต่อไป ความสัมพันธ์กับวิเวียนก็อาจเป็นเพียงเรื่องที่เขาเสียไปตลอดกาล
“หนุ่ม ๆ ทั้งหลาย” เสียงของเลดี้เอลิซาเบธดังขึ้นอย่างนุ่มนวล แต่ก็แฝงด้วยความเฉียบคมในที ขณะเธอก้าวเข้ามาในห้องโถงพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า ท่าทางสง่างามของเธอทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที เธอมองกลุ่มเพื่อนเกลอทั้งสามที่นั่งอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและแววขบขันเล็กน้อย
"คุยอะไรกันอยู่หรือจ๊ะ?" เธอถามพลางเลิกคิ้วอย่างสนใจ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องคงหนีไม่พ้นหัวใจของท่านดยุคผู้ไม่เคยยอมรับความรู้สึกของตนเอง
เฮนรี่ยิ้มรับ “เรากำลังพยายามช่วยท่านดยุคผู้หยิ่งทะนงของเรา ให้ยอมรับความจริงในใจที่ซับซ้อนอยู่ภายใน”
เลดี้เอลิซาเบธหัวเราะเบา ๆ มองไปที่เอ็ดเวิร์ดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู “เอ็ดเวิร์ด ที่รัก คุณรู้ไหมว่าความรักไม่ใช่สิ่งที่ต้องอับอายหรือปิดบัง ความรักนั้นเป็นสิ่งงดงามและเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ไม่ใช่ความอ่อนแอ”
เอ็ดเวิร์ดเงียบไป รู้สึกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเลดี้เอลิซาเบธ เสียงอ่อนโยนของเธอทำให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดใจ แม้ว่าเขาจะลังเลและยังคงมีความภาคภูมิใจที่กดทับอยู่ แต่คำพูดของเธอก็เป็นเครื่องเตือนใจให้เขาตระหนักว่าบางครั้ง การแสดงความรู้สึกอาจเป็นการกระทำที่กล้าหาญที่สุด
“และผู้หญิงน่ะ ชอบคนที่เอาใจใส่และอ่อนหวาน” เลดี้เอลิซาเบธกระซิบเบา ๆ ขณะก้าวเข้ามาใกล้เอ็ดเวิร์ด รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้า ขณะเธอมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความหวังดี ราวกับจะส่งต่อคำแนะนำที่ไม่อาจเอ่ยออกเสียงให้ชัดเจนกว่านี้ได้อีก
เอ็ดเวิร์ดหันไปมองเลดี้เอลิซาเบธอย่างลึกซึ้ง คำพูดของเธอเหมือนสะกิดบางสิ่งในใจเขา ความเย่อหยิ่งและความภาคภูมิใจที่เขาสร้างขึ้นมานานปี ถูกกระตุ้นให้เริ่มคลายลงทีละน้อย
“บางที…” เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความลังเล แต่ลึก ๆ แล้วเขาเริ่มเข้าใจถึงความหมายของคำแนะนำนี้ ริชาร์ดและเฮนรี่สบตากันอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าคำพูดของเลดี้เอลิซาเบธอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่เอ็ดเวิร์ดต้องการ
เลดี้เอลิซาเบธเพียงยิ้มบาง ๆ และแตะเบา ๆ ที่แขนของเขา “อย่ากลัวที่จะเปิดใจให้คนที่สำคัญกับคุณ เอ็ดเวิร์ด บางครั้งการปล่อยให้ตัวเองอ่อนโยน อาจเป็นการมอบความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับทั้งตัวคุณและเธอ”
คำพูดนั้นทิ้งไว้ในอากาศ ราวกับเป็นคำแนะนำสุดท้ายที่เธอต้องการมอบให้เขา