และหลังจากได้กินอาหารพอไม่ให้หิวเกินไป ซ่างเป่าเหลียนก็ได้พักสงบสติอารมณ์ นางไม่อยากพบผู้ใดเลย แต่ก็นั่นแหละ ได้มีสาวใช้ในค่ายผู้หนึ่งมาก่อนกวน
สิงตู้เหยาคือคนที่มาปรากฏตัว พร้อมท่าทางที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ อีกฝ่ายเรียกว่าจับตาดูซ่างเป่าหยวนตั้งแต่ถูกต้อนมาที่ค่ายเมืองเหนี่ยว โดยอยู่ในฐานะเชลย
ทว่าพอถูกจับแต่งตัว แต่งหน้า นางก็งดงามจนผู้ใดพบเห็นก็ริษยา ซึ่งหนึ่งนั้นก็คือสิงตู้เหยา
“เห็นว่าท่านคงอยากกินของหวาน ข้าเลยแอบนำของว่างมาให้ มีขนมถั่วกวน แล้วก็ลูกผลับแห้ง”
สิงตู้เหยาประสงค์ดีเช่นนั้นหรือ ความจริงก็คือไม่เลย นางอยากมาเห็นสภาพซ่างเป่าเหลียนด้วยตาของตนมากกว่า ว่าเป็นที่โปรดปราณของตงเยี่ยหรงจริงหรือไม่ ด้วยนานแล้วที่เขาไม่เรียกหาใครให้มาปรนนิบัติ และส่วนมากหลังจากอุ่นเตียงด้วยกันแล้ว ก็มักจะถูกส่งตัวไปที่อื่น ไม่ก็หายสาบสูญ หาตัวไม่พบอีก ทว่าซ่างเป่าเหลียนผู้นี้ กลับได้มาพักผ่อนในกระโจมส่วนตัว ด้วยเหตุนี้คนงานอย่างสิงตู้เหยาจึงได้เงินค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ จากคณิกาคนอื่นในค่ายฯ ให้มาสืบเรื่องราว
ดวงตากลมโตมองคนงานหญิง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบๆ ว่า
“ขอบใจ วางไว้ตรงนั้นเถิด และยามนี้ดึกมากแล้ว ข้าอยากพักผ่อน”
บอกสิงตู้เหยาไปอย่างนั้น แต่คนงานหญิงกับมองมาที่นาง และดูเหมือนจะสนใจหลายสิ่ง
“แม่ทัพใหญ่เลือกท่าน... หลังรับใช้เขาแล้วก็กลายเป็นคนโปรดเลย ถามจริงๆ เถอะ แม่นางมีของดีอันใด ใช้ไสยเวทย์หรือไม่”
ซ่างเป่าเหลียนไม่ได้อยากตอบสิ่งใดเด็กสาว และอยากพักผ่อนมาก ทว่าพอจะออกปากไล่สิงตู้เหยา ก็กลายเป็นว่ามีร่างหนึ่งก้าวมาอยู่หน้ากระโจมหลังเล็ก ยามนั้นสายลมเย็นๆ พัดกลิ่นกายบุรุษ กับกลิ่นสุรามาเข้าจมูกของนาง
โอ้ เป็นตงเยี่ยหรง เขาตามมาตอแยนางอีกแล้ว
“เป่าเหลียน จงออกมาต้อนรับข้า”
น้ำเสียงกราดเกรี้ยว และลมหายใจร้อนๆ ก็พ่นแรงจัด
หญิงสาวตัวแข็งทื่อ และหากไม่ออกไปข้างนอก ก็เกรงว่าสิงตู้เหยาจะพลอยมีความผิดที่มาเตร็ดเตร่ที่กระโจมของนางด้วย
“คณิกา...เสี่ยวเหลียน!” เขาเรียกนางเสียงดังเข้ม อีกนิดเดียวก็ใกล้เคียงกับการตวาด และยังไม่หยุดใช้อารมณ์ฉุนเฉียวต่อ “เปลื้องผ้าออกให้หมด แล้วคลานสี่ขาเยี่ยงสุนัขออกมารับใช้ข้าเดี๋ยวนี้”
ซ่างเป่าเหลียนนึกฉุนอีกฝ่าย และนางไม่ได้บ้าจี้คิดทำเรื่องไร้สาระอย่างที่เขาบอก มือเรียวสวยหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับร่างกายทรงเสน่ห์ เสื้อชั้นนอกและในตอนนี้ปกปิดส่วนเว้าส่วนโค้งนางจนมิด และออกจะหนาเทอะทะไปสักหน่อย
อึดใจต่อมาจึงก้าวออกไปด้านนอก ยามนั้นนางพบว่า ข้างแก้มเขาที่เคยฝากรอยแผลไว้เมื่อคืนก่อน ดูน่ากลัวกว่าเดิม ราวกับเขาไม่ได้สนใจทำความสะอาด หรือรักษาให้มันหาย ฝ่ายดวงตาเหยี่ยวจ้องนางกลับ และมุมปากบางยกยิ้มดูร้ายกาจเหลือใจ
“เจ้าทำบัดซบทิ้งแผลไว้บนใบหน้าข้า ความอัปลักษณ์นี้ สมควรเป็นสตรีแพศยาต้องชดใช้”
ฮึ ใบหน้าเขาอัปลักษณ์ก็ดี ต่อจากนี้คงเป็นร่างกายส่วนอื่นที่นางจะทำให้พิการทีละอย่าง และทรมานเขาให้หนัก คนแซ่ตงจะได้ไม่มีปัญญาไล่ตามรังควานสตรีผู้นี้ไปตลอดชีวิตของเขา
ตงเยี่ยหรงปากเสียไม่พอ ยังโยนความผิดให้ผู้อื่นเก่งเสมอ และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ นางเริ่มจดจำได้ว่า ตนมีความสามารถในการช่วยเหลือผู้อื่น ใจไม่อยากยุ่งเกี่ยวเขา แต่ปากไวไปสักหน่อย “ให้ข้าทำความสะอาดแผลท่านเสียก่อน จากนั้น... จะทำร้ายข้า หรือตบตีให้สาแก่ใจ ก็แล้วแต่ท่านแม่ทัพตงเถิด”
“อวดดี คิดหรือว่าเสนอตัวเช่นนี้แล้วข้าจะเมตตาเจ้า รู้หรือไม่ จนป่านนี้ เสี่ยวซียังหาตัวไม่พบ ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าดึงดันอยากแต่งงานกับเขา ทั้งที่ข้าสั่งห้ามไว้ สุดท้ายเขาก็ตกเป็นเครื่องมือของศัตรู”
เขาบอกนางแล้ว ก็แสยะยิ้ม ยามนั้นแผลบนใบหน้าเขาที่นางกัด ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวมากขึ้น ทว่าสำหรับซ่างเป่าเหลียนห่วงอันตรายที่จะตามมามากกว่า
“หากแผลนี้ติดเชื้อ อาจทำให้ท่านเป็นบ้าได้”
นางบอกให้เข้าใจด้วยการใช้ภาษาง่ายๆ ของคนยุคสมัยนั้น แต่ชายหนุ่มถลึงตาใส่ และตวาดเสียดัง พร้อมกับบีบลำคอระหง
“เจ้าหมายความว่า หากข้าไม่ได้รับการรักษา หรือทำแผล จะกลายเป็นสุนัขบ้าเยี่ยงนั้นหรือ”
ซ่างเป่าเหลียนหายใจแทบไม่ออก คนผู้นี้ไฉนชอบบีบคอ และทำร้ายกันไม่หยุด
“ปละ ปล่อย... ท่านแม่ทัพ ขะ ข้า หายใจไม่ออก”
ชายหนุ่มแทนที่จะปล่อยนางดีๆ กับโยนร่างนางไปอีกฝากหนึ่ง ร่างบอบบางเลยชนเข้ากับเสาไม้ใหญ่ และข้อมือเล็กๆ นั้นเคล็ดในทันที และเคลื่อนไหวแทบไม่ได้
ซ่างเป่าเหลียนไม่ได้สำออย และไม่ได้บีบน้ำตาให้เขาเห็น ทว่านางขยับตัวช้าจึงไม่ทันใจเขา เป็นตอนนั้นที่ตงเยี่ยหรง ฉุดแขนเรียวให้ลุกขึ้นยืน ก่อนเอ่ยเสียงห้าวดุดัน
“หึๆ ๆ เมื่อไม่อยากเป็นคณิกา ก็จงเป็นหมอหญิงโง่ๆ ก็แล้วกัน รีบทำแผลให้ไว จากนั้นค่อยไปดื่มสุราเป็นเพื่อนข้า”
เขาบอก และจับข้อมือข้างที่เคล็ดของนาง จึงทำให้ซ่างเป่าเหลียนเสียน้ำตา โดยไม่ได้แสดงท่าทางอ่อนแอสักนิด
“ข้าเจ็บแผล และปวดหัวจะแย่ แต่เจ้ากับร้องไห้ ใจเสาะถึงเพียงนี้ ข้าเกลียดน้ำตาของผู้หญิงมากรู้หรือไม่”
เขายังออกแรงบีบข้อมือนางอยู่เช่นนั้น ซ่างเป่าเหลียนทนไม่ไหว เลยหวีดร้องใส่หน้าอีกฝ่าย
“ข้อมือข้าถูกท่านทำให้บาดเจ็บ ปล่อยก่อนเถิด มิเช่นนั้นข้าอาจพิการ”
“ฮึ เรื่องเล็กน้อย อย่าแสแสร้งนักเลย แล้วก็เป็นเจ้าที่ทำให้ข้าอัปลักษณ์ และยังแช่งให้เป็นสุนัขบ้าด้วย เช่นนี้ใครกันแน่ที่เจ็บหนักกว่ากัน”
ซ่างเป่าเหลียนมองชายหนุ่ม คนผู้นี้เป็นบิดาของผู้อื่นได้เยี่ยงไร อายุก็ไม่น้อยหากทำตัวราวกับเด็กที่เรียกร้องความสนใจเสมอ
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ตั้งสติเพื่อตอบโต้คนตัวโต แล้วบอกเขาด้วยเสียงเรียบๆ
“ข้าต้องการสุราฤทธิ์แรง และผ้าสะอาด”
“ฮ่าๆ ๆ อยากดื่มเหล้ามงคลกับข้าหรือเสี่ยวเหลียน คนผู้นี้เป็นพ่อสามีของเจ้า ลืมแล้วหรือไร แต่ช่างเถอะ... ในเมื่อเราร่วมเตียงกันแล้ว และข้ายอมรับว่าส่วนนั้นเจ้าหวานหอมราวกับน้ำผึ้ง และมันยังดูดดีด้วย”
ซ่างเป่าเหลียนคิดว่าแผลคงได้รับเชื้อบ้างแล้ว ตงเยี่ยหรงเลยสติเลอะเลือน และพูดจาอย่างคนไร้ยางอาย นั่นจึงทำให้นางปิดปากเงียบ ไม่ตอบโต้เขาด้วยถ้อยคำใดๆ อีก
ขณะที่ใช้สุราล้างทำความสะอาดแผลให้ชายหนุ่ม ก็เป็นนางที่พบว่า ตนไม่ได้เป็นแค่วิญญาณมาสวมร่างผู้อื่น หากมีของติดมือมาด้วย
“หลับตาของท่านก่อน เอาแต่จ้องข้าเช่นนี้ ไฉนจะทำแผลได้สะดวกใจ”
“ฮึ หากข้าไม่คอยมองเจ้า ถ้าลูกสะใภ้ใช้มีดปาดคอข้าเล่า บาปกรรมจะตกไปถึงตัวเจ้าจนไม่ได้ผุดได้เกิดรู้หรือไม่”
หญิงสาวยิ้มเย็นให้เขา และเอ่ยว่า
“ข้าเกลียดท่าน แต่เชื่อเถอะ ไม่ว่าผู้ใดเป็นศัตรูเป่าเหลียน ข้าก็จะทำดีกับเขา ไม่ใช่เพราะเชื่อว่าความดีชนะทุกสิ่ง แต่เป็นข้าถือคติที่ว่า ทำในสิ่งที่สบายใจ และการโปรดสัตว์ ย่อมเป็นทานอันประเสริฐสุด”
ยามนี้ซ่างเป่าเหลียนคนใหม่ เริ่มเข้าใจหลายสิ่ง และนางก็ไม่ใช่เด็กสาวเหมือนเจ้าของร่าง อายุจริงนั้นเรียกว่าเข้าสู้วัยผู้ใหญ่ และใกล้เคียงกับตงเยี่ยหรง
“หึๆ ๆ ปากเช่นนี้ สมควรช่วยรีดน้ำขาวข้นของข้าสักสองสามรอบ หากทำไม่สำเร็จ ก็อย่าคิดว่าคืนนี้จะได้นอน”
“แม่ทัพตง... ท่านก็รู้ว่าข้าคือภรรยาของไคซี... ยังจะทำเรื่องบัดซบไม่หยุดอีกหรือ”
นางพูดกับเขา ดวงตากลมโตมีประกายวามวาว นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นสตรีแสนบอบบาง ทว่ามีบางสิ่งดึงดูดให้เขาคลั่งนางยิ่งนัก
แม้ภายนอกดูอ่อนเยาว์ ทว่าซ่างเป่าเหลียนกับซ่อนความลับเอาไว้ ฝ่ายเขาก็สัมผัสได้ว่ามันลึกลับ ทั้งเย้ายั่วให้เขาก้าวสู่หลุมพรางของนาง
“เช่นนั้น ให้ข้าแตกใส่ปากเจ้าก่อน หรือถ้าใจร้อน ก็เป็นกลีบฉ่ำแฉะนั่น เสร็จข้างใน แล้วค่อยเอามาราดหน้า ราดถันเจ้า”
เขาเสนอ แต่ดูเหมือนไม่ต้องการคำตอบ เพราะมือใหญ่แหวกเสื้อคลุมนาง และถลกกระโปรงหนาขึ้นสูง แล้วก็ไล้นิ้วไปที่ส่วนซึ่งอยู่ใต้ร่มผ้า
หื่น... หยาบคาย และมือใหญ่ๆ นั้นก็สากจัด
ซ่างเป่าเหลียนตัวสั่น
กลัวหรือ... มันห่างไกลความรู้สึกนั้นแล้ว นางกำลังหาวิธีจัดการเขามากกว่า
“ทำรักกับข้าให้สาสมใจเจ้าเถิด พรุ่งนี้เราก็จะไม่ได้พบกันตลอดชีวิตแล้ว เหลียนเหลียนน้อย... คงเสียใจมาก ที่ต่อไป เจ้าจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสกุลตง”