ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งเจ้าของห้องไม่ได้ยิน และยังอยู่ในห้องน้ำอยู่ ประตูจึงเปิดเข้ามาโดยผู้ช่วยของตฤณแทน
“สงสัยท่านประธานจะเข้าห้องน้ำ คุณไปนั่งรอก่อนนะครับ” ก้อง การุณบอกกับหญิงสาวอย่างสุภาพ
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างขอบคุณ ก่อนจะก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วเดินไปหยุดยืนอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ เธอไม่กล้ากวาดตามองอะไรเพราะประหม่า เนื่องจากห้องนี้คือห้องของประธานบริษัท ทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อจะได้ลดความตื่นเต้น จากนั้นจึงนั่งก้มหน้า จังหวะเดียวกันนั้น ก็ได้ยินเสียงชักโครกดังออกมา รับรู้ได้ว่าท่านประธานน่าจะกำลังออกมา เธอนั่งก้มหน้าแต่หลังตรง ใจเต้นแรง มือจับเอกสารเอาไว้แน่น ตามด้วยเสียงเปิดประตู พร้อมกับเจ้าของห้องที่ก้าวเท้าเดินอย่างหนักแน่น
“ขอโทษที่ทำให้รอครับ” ตฤณเอ่ยด้วยประโยคชินปาก
เสียงของเขาทุ้มนุ่มน่าฟัง ดูอบอุ่นแต่น่าเกรงขาม จนหญิงสาวถึงกับเงยหน้าหันไปมองพร้อมที่จะเอ่ย ทว่าราวกับเห็นผี เธอตกใจชะงักปากในทันที เขาก็อึ้งระคนดีใจแปลกๆ แต่เธอนี่สิ
“ไม่จริงอะ! คุณ! คุณ! ฉัน! ไม่! ฉันไม่ทำงานที่ ฉันไม่ทำแล้ว เชิญคุณเรียกคนอื่นเลย” เธอบอกรัวๆ พร้อมกับหอบเอกสารลุกขึ้น แต่เขากลับเดินไปขวางหน้าเอาไว้
“แต่ผมรับคุณ!” ตฤณตอบทันที ซึ่งตอนแรกยังไม่ได้ตัดสินใจหรอกว่าจะรับหรือไม่ แต่พอเห็นหน้าเท่านั้นแหละ
“ฉันไม่ทำ! ลาก่อน” เธอว่าก่อนจะเอี้ยวเพื่อจะเดินไปเปิดประตูห้อง ทว่าคราวนี้เขากลับเดินไปคว้าเอกสารจากเธอเอาไว้เสียดื้อๆ
“ผมรับคุณ! รับเดี๋ยวนี้ด้วย” ตฤณยิ้มยียวนอีกต่างหาก
“เอาคืนมา! เอกสารของฉัน” เธอเดินไปยื้อแย่ง ทว่าเขาไม่ให้แถมยังเดินกลับไปนั่งอีก
“ก็คุณเป็นเลขาผม ผมต้องเก็บเอกสารไว้สิ” ตฤณหน้ามึนมาก เธอคิดพลางกัดฟัน
“ฉันไม่ทำงานที่นี่ เอาเอกสารมา ฉันจะกลับ”
“จะไม่ทำเหรอครับ มันมีความเสียหายเกิดขึ้นนะ ค่าเสียเวลาน่ะมันเกิดขึ้นเยอะเลย” เขาขู่ยิ้มๆ และเมื่อเธอพิจารณาดีๆ มันเสียเวลาหลายขั้นตอนจริงๆ นั่นแหละ แต่เธอจะไม่ทำงานกับคนที่เธอด่าเมื่อเช้าแน่ๆ
“ฉันทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ย”
“ทำไมไม่คิดว่าตัวเองมีบุญบ้างล่ะครับ หืม ผมเป็นประธานบริษัทนะ คุณเป็นเลขาผม นับว่าบุญมาก ผมรับคนยากมากด้วย” นี่เขาชมตัวเองเหรอเนี่ย
“ฉันซวยตั้งแต่เช้าเพราะคุณ”
“ตอนนี้ไม่ซวยแล้วจ้ะ ผมรับคุณเข้าทำงาน ง่ายดีออกจะได้ไม่ต้องบ่น”
“ฉันไม่เหมาะกับที่นี่ ฉันเรียนไม่เก่งด้วย เกรดไม่ดีไม่ได้เรื่อง”
“ฮ่าๆ แต่ด่าเก่ง” อันนี้เขาก็พูดความจริงอีก
“มานั่ง แล้วคุยกันดีๆ” เขาชี้บอก
“ฉันโกรธคุณมาก โมโหมาก จะให้คุยกันดีๆ ได้ยังไง ใครมันจะปรับอารมณ์ทัน และฉันไม่ทำงานกับคุณ เอามา” ว่าแล้วเธอก็ยื่นมือไปแย่งเอกสารอีกแต่เขาไม่ยอมปล่อย
“เมื่อเช้าเห็นอยากได้งานอยู่เลย แถมยังด่าที่ผมทำให้เสียงานอีก” เขาพูดพลางกระชากเอกสารแต่กลับทำให้เธอพุ่งเข้ามาใกล้
“ไม่อยากทำกับคุณ ใครจะรู้ว่าฉันจะซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้ เอามาค่ะ ปล่อยได้แล้ว อีกอย่างเงินเดือนน้อยนิดแค่หมื่นแปดเอง ฉันไปสมัครที่อื่นดีกว่า”
“งั้นผมให้สามหมื่น”
“นี่คุณอาเงินมาล่ออีกแล้วนะ”
“ห้าหมื่นละกัน แต่ถ้าตัดสินใจช้าก็เหลือสามหมื่นเหมือนเดิม เริ่มงานพรุ่งนี้ เอ๊ะ! ไม่ดีกว่า เริ่มวันนี้เลย”
“ไม่เอา เงินคุณไม่ได้มีค่ากับทุกคน”
“แต่มีค่ากับคุณผมรู้ คุณแค่จองหอง”
“คุณก็แค่เอาเงินฟาดหัวคนเก่ง” สิ้นคำเธอก็แย่งเอกสารสำเร็จแล้วขยับออกมาให้ห่าง เขาจึงลุกตามแล้วเดินไปขวางประตูซะอย่างนั้น
“ผมรู้ว่าเงินสำคัญกับคุณ ไม่งั้นจะอยากทำงานทำไม ไม่งั้นจะสนอนาคตทำไม จริงไหม”
“ใช่ฉันอยากทำงาน แต่ไม่ทำกับคุณ ถอยไปค่ะจะกักขังหน่วงเหนี่ยวเหรอ”
“หึๆ ผมไม่ขังใคร แต่มีวิธีการอย่างอื่นแทน”
“คุณคิดว่าฉันจะยอมทำ เพราะเงินสามหมื่นห้าหมื่นเหรอ”
“ทำไมคุณโกรธผมขนาดนั้น ผมขอโทษและคุณได้ทำงานแล้วด้วย”
“ก็... ฉันโกรธอยู่ ทำไมล่ะ ขอโทษแล้วจะให้หายดีตอนนี้เลยหรือไง”
“เขาเรียกว่าหยิ่งจองหอง”
“คุณรับฉันไว้เพราะอยากจะโถ่โทษความผิดมากกว่า คุณยังไม่รู้สึกว่าอยากจะรับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเก่งหรือเปล่า”
“ฝ่ายบุคคลของผมเก่ง เขาส่งมาให้ผมนั่นแปลว่าคนนั้นผ่านที่สุดแล้ว เขาไม่ได้รับคุณ เพราะรู้เรื่องเมื่อเช้าของเราหรอกนะ เมื่อเช้าผมไม่ได้ตั้งใจริงๆ แล้วผมก็รีบมาประชุม แล้วบริษัทที่คุณมาก็บริษัทผม”
“กรรมของฉัน” เธอว่าพลางเชิดหน้าขึ้น
“ผมก็เพิ่งรู้ว่าเป็นคุณ”
“ถ้าฉันไม่ทำ มีปัญหาหรือเปล่า ฉันต้องจ่ายอะไร” เธอใจแข็งเสียจริง
“จ่ายค่าเสียเวลา เวลาของผมคิดเป็นนาที ไหนจะเวลาของฝ่ายบุคคลอีก คัดกรองกว่าจะได้มา”
“ฉันต้องจ่ายยังไง ผ่อนจ่ายได้ไหม”
“ก็... ถ้าคุณไม่อยากเป็นเลขาของผมจริงๆ ล่ะก็ ก็ผ่อนได้”
“เท่าไหร่ บอกมาเลยฉันจ่ายเดือนละห้าพันก็ได้”
“ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอกน่า อย่าคิดมาก แค่...”
“แค่อะไรคะ”
“แค่ ไปกินมื้อค่ำกับผมติดต่อกันสัก 2 เดือน น่าจะเพียงพอ” นี่เขาเป็นคนแบบนี้หรือเนี่ย ให้ตายสิ
“นี่คุณ ทำไมเป็นคนแบบนี้ เจ้าเล่ห์ ขี้หลีมากเลย งั้นฟ้องร้องฉันเลยเถอะ ฉันไม่ทำอย่างที่คุณบอกแน่ จบ! พอ! ลาก่อน” เธอว่าก่อนจะดันเขาให้พ้นทางแล้วผลักประตูออกไปโดยที่เขาไม่ได้ห้ามเลย
“พรุ่งนี้เจอกันครับ ตรงต่อเวลาหน่อยนะ ผมไม่ชอบคนมาสาย แล้วก็... ซื้อน้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋หน้าปากซอยมาฝากด้วย” เขาเอ่ยไล่หลัง ทำเอาเธอชะงักแล้วหันกลับมามอง
“ฉันจะไม่มาทำงานกับคุณ จำไว้ด้วย” เธอตอบอย่างหนักแน่น แต่เขากลับยิ้มกริ่มเนี่ยนะ
“เดี๋ยวคุณก็ได้มา สาวน้อย” เขาบอกพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ เท่านั้นแหละเธอก็สะบัดหน้าแล้วเดินจากไปทันที
“หึหึ ซวยซ้ำซ้อนเหรอ ใครจะคิดว่าที่คุณไป คือที่นี่ เขาเรียกว่าพรหมลิขิต ก้องมานี่ซิ” ตฤณเอ่ยเรียกผู้ช่วยหนุ่ม ซึ่งโต๊ะทำงานอยู่ติดกับประตูด้านหน้า
“ครับท่าน” ก้องการุณรีบเดินมาหาเจ้านายทันที
“ผู้หญิงคนนั้น อยู่ซอยเดียวกับบ้านเรา ตอนนี้ให้คนตามเธอ อยากรู้ว่าจะไปไหนทำอะไรบ้าง บ้านหลังไหน ที่สำคัญโสดหรือเปล่า แต่ก็น่าจะโสดแหละไม่งั้นต้องมีแฟนมาส่ง”
“เกี่ยวอะไรกับโสดหรือไม่โสดเหรอครับ” ก้องการุณถามพลางหรี่ตามอง เจ้านายหนุ่มชะงักไปนิด ก่อนจะตอบแบบยิ้มๆ
“อยากได้” ตอบเสร็จเขาก็เดินกลับเข้าห้องทันที
“อยากได้เหรอ ชอบผู้หญิงร้ายๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่” ก้องการุณเอ่ยเบาๆ แต่ก็ไปตามที่สั่ง