ใบหน้าของอาจารย์ณัฐกฤตลอยไปลอยมาในหัวของเธอ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ส่วนสูงน่าจะสูงมากถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเชนติเมตร รูปร่างของเขานั้นทำให้หลายคนหันมามอง ดึงดูดสายตาของใครต่อใครได้ไม่ยาก ส่วนใบหน้าก็คมคายและดูอ่อนเยาว์กว่าที่จะบอกว่าเขาอายุสามสิบห้าแล้ว ผิวก็ขาวจั๊วะ คิดว่าตัวเองขาวแล้วแต่พอเจอเขาบอกได้คำเดียวว่าเธอเทียบไม่ติด ทว่าขณะที่เธอกำลังเหม่ออยู่นั้น
“นี่! ปิ่นโว้ย!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อของเพื่อนชายก็ทำให้เธอสะดุ้งโหยง ปิ่นมุกยื่นมือไปตีไหล่เพื่อนแรง ๆ
“แกจะตะโกนทำไมเนี่ย!”
“ก็เรียกแล้วเธอไม่ได้ยิน จะบ้า...”
“อ้าว! แกเรียกฉันเหรอ ไม่ได้ยินเลย” เธอยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ เพราะไม่ได้ยินเพื่อนเรียกจริง ๆ
“เหม่อไรวะ”
“ปะ เปล่า ไม่ได้เหม่ออะไร”
“แน่ะ แล้วทำไมต้องเลิ่กลั่กทำตัวมีพิรุธด้วย” นพณัชเอ่ยพร้อมกับหรี่ตาอย่างจับผิดเพื่อนสาว เขาพอดูออกว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไร และเป็นความคิดที่เขากลัวมาก เพราะตนนั้นแอบรักเพื่อนคนนี้อยู่
“ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ”
“หืม...แล้วแกคุยอะไรกับอาจารย์วะ ตอนออกจากห้องผ่าตัด”
“เห็นด้วยเหรอ”
“อืม” ตอบรับเสียงเรียบ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ เขาใจคอไม่ดีเลย
“ก็...แลกไลน์กันน่ะ”
“แลกไลน์!”
“นพ!! แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย!” ปิ่นมุกอยากจะเอาแฟ้มเอกสารตรงหน้าทุ่มใส่ศีรษะคนเป็นเพื่อนจริง ๆ ก็อีกฝ่ายเล่นพูดเสียงดังจนแพทย์คนอื่นหันมามองกันให้ควั่ก
“แล้วมันไม่จริงตรงไหนที่พูดไป”
“ก็แลกไลน์ไว้คุยกันเรื่องวิจัย เรื่องงานอะไรแบบนั้น”
“เออ ก็รู้หรอกน่า แต่แกก็แก้ตัวอย่างกับกลัวอะไรบางอย่าง” นพณัชอารมณ์หงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพื่อนคนนี้กำลังมีท่าทีแปลก ๆ
“เออ ก็แค่นั้นแหละ” ว่าแล้วก็หันไปสนใจงานเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า แม้นในหัวจะไม่ได้คิดตามเอกสารที่อ่าน เพราะมันเอาแค่คิดถึงใบหน้าของอาจารย์หนุ่มคนนั้น...
...เวลาเลิกงาน วันแรกก็ไม่ได้แย่ ณัฐกฤตเคยทำงานหนักมากกว่านี้ ด้วยความที่โรงพยาบาลที่ภาคเหนือนั้นเป็นศูนย์ใหญ่ประจำภูมิภาค แน่นอนว่าคนไข้หลาย ๆ จังหวัดหลั่งไหลไปใช้บริการกันให้ถ้วนหน้า
เขาขับรถเก๋งอีโคคาร์คันเก่ากลับบ้าน ชายหนุ่มเป็นคนมัธยัสถ์ แม้นว่าที่บ้านนั้นจะรวยล้นฟ้าก็ตามแต่ อาจจะด้วยเหตุผลนี้ที่ทำให้แฟนเก่าตัดสินใจบอกเลิกเขาไป เธอไปแต่งงานกับพ่อเลี้ยง เจ้าของไร่ชาเลื่องชื่อประจำจังหวัด ทิ้งรักเจ็ดปีที่คบหากัน ความทรงจำเหล่านั้นแทบไร้ประโยชน์
เขาแทบไม่กล้าเข้าไปส่องเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอ ทว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่รู้จักทั้งเขาและเธอก็ไปงานแต่งมา รูปภาพงานแต่งของสลิลทิพย์นั้นไม่ต่างจากของมีคมที่กรีดลงกลางใจของเขา เจ็บปวดเหลือคณานับ
“อ้าว! คุณหมอกลับมาไวจังคะ!” เสียงแม่บ้านเอ่ยทัก เมื่อเจ้าของร่างหนาเท้าแตะพื้น เขายิ้มบาง ๆ ให้กับเจ้าของเสียง
“พ่อแม่ล่ะครับ”
“คุณผู้หญิงคุณผู้ชายอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ” เขาพยักหน้ารับเบา ๆ โดยบ้านวัชราสกุลนี้เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่สูงสองชั้น โดยรอบนั้นมีดอกไม้นานาพรรณส่งกินหอมโชยตลอดเวลา พ่อและแม่รับราชการทั้งคู่ เช่นเดียวกับเขาที่เป็นข้าราชการ พ่อกับแม่ค่อนข้างเนี้ยบ คาดหวังในตัวเขาสูงในทุก ๆ ด้าน และที่สำคัญ พ่อแม่ไม่ค่อยชอบสลิลทิพย์เท่าไรนัก และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ขอเธอแต่งงานเสียที
เขาก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ที่ฝันอยากมีลูก อยากแต่งงาน มีคนรักไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าว นอนหลับ ไปเที่ยวด้วยกัน เขาก็แค่ฝันแค่นั้น
“อ้าว ตาณัฐ กลับบ้านทำไมไม่บอกแม่ก่อน แม่จะได้ทำกับข้าวมาให้” มารดาเห็นเขาเป็นคนแรก ท่านลุกจากโซฟาเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกมาหมายจะคว้าต้นแขนของลูกชาย แต่คนเป็นลูกก็ถดแขนหนี
“ผมเหนื่อยครับ” ตอบแค่นั้นก็เดินหนี ท่าทีของลูกชายคนเดียวทำให้ผู้เป็นพ่อไม่พอใจ
“ไอ้ลูกคนนี้! กว่าจะเลี้ยงมันโตมา ต้องสูญเสียอะไรบ้าง ละดูมันทำกับแม่มัน”
กึก!
ฝ่าเท้าหนาหยุดชะงัก เขามีสีหน้าเอือมระอา ที่พ่อแม่เอาแต่ลำเลิกบุญคุณ
“แล้วทำผมเกิดมาทำไมครับ หรือแค่อยากหาคนมาช่วยตอบสนองสิ่งที่ตัวเองต้องการแค่นั้น” ว่าเสียงแข็งน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“อึก ไม่ใช่อย่างนั้นนะลูก พ่อแม่มีลูกมาเพราะความรัก ฮึก ที่เราสองคนตั้งใจ” กนกจันทร์เอ่ยพูดเสียงสั่นเครือ ไม่อยากให้ลูกชายคิดอย่างนั้น
“ไม่ต้องไปพูด มันไม่เข้าใจหรอก เรียนมาซะสูง คิดอะไรไม่ได้สักอย่าง” ด้านชัยณรงค์ไม่ยอม บอกตรง ๆ ว่าไม่ชอบเลยที่ลูกชายมีสายตาขึงขังแบบนี้
“ก็แล้วแต่พ่อจะคิด”
“ไอ้ณัฐ” เขาไม่พอใจพ่อแม่ที่บังคับเขาทุกอย่าง ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้น แม้นแต่เรื่องของแฟนสาวที่ท่านทั้งสองอยากให้เลิก
“พ่อกับแม่ต้องการอะไรอีกครับ”
“ณัฐ...” กนกจันทร์เห็นแววตาลูกชาย เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ความผิดหวัง “เรื่องนั้นลูกยังโทษพ่อแม่อยู่เหรอ ทั้ง ๆ ที่สลิลทิพย์เป็นฝ่ายทิ้งลูกไป”
“ทิพย์ไม่อยากทิ้งผมไปหรอกครับแม่ แต่เพราะพ่อแม่ไม่ให้ผมแต่งงานสักที เธอก็เลยต้องไปแต่งงานกับคนอื่น”
“เลิกพูดสักที ปล่อยให้มันโง่ไป ขนาดนี้มันยังไม่รู้อีกว่าผู้หญิงคนนั้นเห็นแก่เงินมากแค่ไหน”
“พ่อ!!” ณัฐกฤตกำมือแน่น ไม่ชอบเลยที่พ่อยังเอาแต่ต่อว่าผู้หญิงที่เขารัก ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเดินหนีขึ้นบ้านชั้นสองไป เขาไม่ชอบเท่าไรนักที่พ่อแม่เอาแต่กีดกันเขากับสลิลทิพย์ และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขากลับบ้านแทบจะนับครั้งได้ ถ้าไม่ติดต้องลืมแฟนเก่าก็คงไม่กลับมาอยู่บ้านหรอก
ณัฐกฤตทิ้งตัวลงนอน เขายกมือขึ้นขยับปมเนกไท มองเพดานห้องก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาที่หางตา คิดถึง เขาคิดถึงคนรักเก่ามาก ป่านนี้เธอจะเป็นเช่นไรหนอ กินได้นอนหลับเหมือนเดิมไหม อยากบอกเหลือเกินว่าเขานอนหลับไม่สนิทเลย ข้าวปลาก็กินแทบไม่ลง กล้ามเนื้อที่ปั้นมาเองกับมือก็เริ่มเหลวจากการขาดสารอาหาร เขาอยากกลับไปดูแลตัวเองอีกครั้ง แต่มันก็ไร้เรี่ยวแรงเสียเหลือเกิน ชายหนุ่มนอนมองเพดานจนผล็อยหลับไปในที่สุด...
วันต่อมา...
เห็นหน้าปิ่นมุกทีไรก็ทำให้นึกถึงใบหน้าของคนรักเก่า ทำไมหน้าเหมือนกันขนาดนี้ เหมือนจนอดไม่ได้ที่เขาจะเดินเข้าไปทักทายหล่อน
“สะ สวัสดีค่ะอาจารย์” เป็นปิ่นมุกที่ทักทายเขาก่อน หญิงสาวเห็นก็ต้องเอ่ยทักเป็นธรรมดา แถมเขายังมีท่าทีเหมือนจะเข้ามาคุยกับเธออีกด้วย
“หวัดดี” ตอบเสียงเรียบ ล้วงมือเข้ากระเป๋าทั้งสองข้าง แม้นว่าจะรับรู้ว่าเธอคนนี้กับอดีตแฟนสาวนั้นเป็นคนละคนกัน แต่พอได้พูดคุยกับเธอคนนี้ก็รู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจ
“ได้วันยัง ว่างตอนไหน” เปลือกตาบางของปิ่นมุกกะพริบปริบ ๆ ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นอาจารย์ เธอจะแอบคิดว่าเขากำลังมาจีบเธออยู่
“เอ่อ เอาที่อาจารย์สะดวกดีกว่าค่ะ”
“ผมได้หมด”
“หือ...”
“หมายถึงถ้าคุณว่างไง” เขาทำให้ใจของเธอสั่นอีกครั้ง เวลาเขาพูดก็ชอบจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ ปิ่นมุกไม่อยากคิดไปเอง สถานะของเขาและเธอนั้นมันไม่ควร
“ถ้างั้นก็...เย็นนี้ได้ค่ะ”
“โอเค” ตอบรับไว เวลาได้คุยกับปิ่นมุก เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะใบหน้าจิ้มลิ้มของหล่อนที่เหมือนกับอดีตคนรักราวกับแกะคนนี้
...อาจารย์หนุ่มเดินไปไกลแล้ว แต่ใจก็ยังไม่หยุดเต้นแรง เขามีอานุภาพที่ทำให้เธอใจสั่นได้อย่างง่ายดาย แทบไม่ต้องออกแรง หรือทำตัวดีด้วย
“ไม่เอาน่า” เธอส่ายหน้าเบา ๆ พลางยกมือขึ้นกุมหน้าอกทางด้านซ้าย จังหวะการเต้นของหัวใจที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้ใบหน้านวลแดงก่ำ เลือดในกายสูบฉีดอย่างแรงจนยากที่จะหักห้าม
เธอตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว
นี่น่ะหรือ...อาการตกหลุมรัก
เป็นรักที่ควบคุมไม่ได้ ใจเต้นแรงตั้งแต่แรกเห็น แรก ๆ คิดว่าเป็นเพราะเขาหล่อเกินต้าน แต่ตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าเขานั้นกำลังเข้ามาในหัวใจของเธอ
ขณะเดียวกันณัฐกฤตเดินไปที่ห้องพักของตัวเอง เขากระตุกยิ้มมุมปากเบา ๆ การได้คุยกับปิ่นมุกนั้นไม่ต่างจากคุยกับสลิลทิพย์เลย ทั้งคู่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกัน ถ้ารู้สึกดีแบบนี้...ต่อไปคงได้คุยกับหล่อนบ่อย ๆ เสียแล้ว
แค่กินเลี้ยงธรรมดา แต่ปิ่นมุกก็อดไม่ได้ที่จะอาบน้ำแต่งตัว พรมน้ำหอมสุดฤทธิ์ ในหัวคิดว่าไม่เหมาะสมหากจะแต่งตัวเซ็กซี่นิด ๆ ไปกินข้าวกับอาจารย์ แต่เธอก็ไม่เชิงว่าเป็นอาจารย์กับนักศึกษา ออกไปทางรุ่นพี่รุ่นน้องมากกว่า
หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดเดรสยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย ทางด้านบนเป็นสายเดี่ยวที่เห็นแล้วอย่างเอานิ้วก้อยไปเกี่ยวให้หลุดออก เธอไม่ได้ดันหน้าอก แต่เพราะสัดส่วนของเธอมันใหญ่จนมองเห็นเนินขาวอวบ กระนั้นเธอก็มองว่าไม่เหมาะไม่ควร ปิ่นมุกจึงคว้าเอาเสื้อคลุมติดมือมาด้วย
ร้านอาหารญี่ปุ่นใจกลางเมืองเป็นร้านอาหารที่เขานัดเจอ ณัฐกฤตสวมเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็กสีคราม เขาไม่ได้แต่งตัวต่างจากเดิมเท่าไรนัก จนคนที่แต่งตัวสวยมาวันนี้รู้สึกอายเล็กน้อย
“มาแล้วเหรอ” เขาลุกขึ้นยืน ร้านอาหารไม่ได้หรูระดับภัตตาคาร แต่ราคาน่าจะแพงใช้ได้
“ขอโทษที่ให้รอนะคะ”
“ไม่เป็นไร ผมรอได้” เขาผายมือให้เธอนั่งลงฝั่งตรงข้าม ยิ่งปิ่นมุกแต่งตัวแบบนี้แล้วก็ยิ่งเหมือนสลิลทิพย์ไปกันใหญ่ ทำเอาณัฐกฤตเกือบเรียกชื่อผิด...