บทที่ 8 เลือกไม่ได้

2865 คำ
ปิ่นมุกมาถึงโรงพยาบาลก็สอดสายตามองหาอาจารย์ณัฐกฤตเลยทันที เขายังมาไม่ถึงกระมัง ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายที่มีคนเรียนต่อยอดสาขาศัลยกรรมหัวใจและหลอดเลือดแค่สองคนคือเธอ และเพื่อนของเธอ “ปิ่น!” เสียงคุ้นหูดังขึ้น เป็นนพณัชที่เดินเข้ามาหา เขาวาดวงแขนคล้องคอเธอเหมือนกับที่ผ่านมา ทว่าเวลานี้ปิ่นมุกไม่สะดวกใจทำตัวสนิทสนมกับเพื่อนชายคนนี้ได้อีก “ว่าไง” เอ่ยพูดพร้อมกับดึงแขนของคนเป็นเพื่อนออก ท่าทีของหล่อนนั้นตอบคำถามหลายอย่างของตัวเองได้เป็นอย่างดี เธอคงรู้แล้วว่าเขานั้นรู้สึกอย่างไร “ก็ไม่อะไร แค่...ทักทายไง” “หึ โอเค ก็นึกว่ามีไร” “ไม่มี แล้วเธอกินข้าวยัง ไปกินข้าวกัน” ว่าแล้วก็เดินนำหน้า แต่ทว่าเธอกลับไม่เดินตาม “กินมาแล้วเหรอ” “เปล่า” เธอมองเพื่อนคนเดียวคนนี้ด้วยสายตาว่างเปล่า “พอดีไม่ค่อยหิวน่ะ” “แต่ถ้าไม่กินตอนนี้เดี๋ยวออกตรวจก็ไม่ได้กินเลยนะ” ปกติไม่หิวก็ต้องกิน เพราะถ้าไม่กินเดี๋ยวจะไปหิวตอนทำงาน ถึงเวลานั้นมันหยุดงานเพื่อไปกินไม่ได้ ปิ่นมุกน่าจะรู้เรื่องนี้ดี แต่เธอกลับส่ายหน้าปฏิเสธเขา ทว่าขณะนั้นเอง “ปิ่นมุก!” เสียงทุ้มลึกคุ้นหูของคนที่เธอมองหาตั้งแต่เช้าก็ดังขึ้น ณัฐกฤตเห็นสองคนนี้คุยกันตั้งแต่ระยะไกล ท่าทีลำบากใจของปิ่นมุก ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเดินมาแทรกกลาง “อาจารย์...” เธอยิ้มให้เขา ลำตัวบิดเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาแล้วภาพเมื่อวานตอนมีอะไรกันมันก็ชัดเข้ามาในหัว “คุยอะไรกัน” เขาเอ่ยถามพลางหันหน้าไปมองหมอนพณัช ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้หลบสายตาแม้นว่าเขาจะเป็นรุ่นพี่สตาฟก็ตาม “พอดีนพมาชวนไปกินข้าวน่ะค่ะ” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เอ่ยพูดความจริง ไม่ได้ปกปิดอะไรเขา “แล้วคุณไม่อยากกินข้าวกับนพใช่ไหม” “เปล่า ปิ่นบอกไม่หิว” นพณัชเอ่ยขึ้น ไม่หิวกับไม่อยากกินด้วยความหมายมันต่างกัน เขามองหน้ารุ่นพี่คนนี้ไม่วางตาเลยทีเดียว ชายหนุ่มเรียนแพทย์ต่อยอดก็จริง แต่อาจารย์ที่รับผิดชอบเขาไม่ใช่คนนี้ “ไม่รู้จริงเหรอ” “ไม่รู้ไร” “พูดดี ๆ หน่อยครับ ผมอายุมากกว่าคุณกี่ปี” นพณัชกระตุกยิ้มมุมปาก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะวางอำนาจขนาดนี้ “ระบบโซตัสมันไม่มีแล้วครับ ไม่ต้องบังคับให้ผมไหว้รุ่นพี่ ทำความเคารพเหมือนสมัยก่อน คนเท่ากัน” “นพ...” ปิ่นมุกเห็นท่าไม่ดี เดินเข้ามาขวางหน้าคนทั้งคู่ เธอมองใบหน้าของเพื่อนชาย ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสับสน “ฉันจะไปกินข้าวกับอาจารย์” “หา!!...” นพณัชตกใจที่เธอตอกหน้าเขาด้วยคำพูดนี้ เป็นคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินกับเพื่อนที่คบหากันมาเกือบสิบปี “เธอบอกจะไปกินข้าวกับผมครับ” ณัฐกฤตรีบตอบให้อีกฝ่ายได้ยินให้ชัดเต็มสองรูหู ทำเอานพณัชไม่พอใจมากกว่าเดิม “ถ้างั้นฉันไปด้วย” กระนั้นเขาก็ไม่อยากให้ทั้งสองไปด้วยกัน แต่ทว่า “ผมไม่สะดวกใจให้คุณไปด้วย” เอ่ยพูดเสียงดังฟังชัด ณัฐกฤตเอื้อมมือไปคว้าฝ่ามือบางของปิ่นมุกมาจับไว้ ยิ่งเห็นอย่างนั้นนพณัชยิ่งไม่พอใจ “อาจารย์ไม่ควรจับมือลูกศิษย์นะครับ” “หึ เคารพผมเป็นอาจารย์แล้วเหรอครับ” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่ปิ่นมุกจะกระตุกฝ่ามือของณัฐกฤตให้เดินออกไปได้แล้ว กระนั้นทั้งคู่ก็ยังส่งสายตาฟาดฟันกันไม่หยุด เขาทำอย่างกับหวงเธอ ปิ่นมุกอดที่จะใจฟูไม่ได้ หล่อนเลื่อนสายตามองฝ่ามือหนาที่ยังไม่ปล่อยมือออกจากฝ่ามือของเธอ “เห็นไหมครับ ว่าเพื่อนคุณน่ะ คิดไม่ซื่อ” เขาเอี้ยวใบหน้ามองคนตัวเล็ก ก่อนที่จะปล่อยมือเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ทั้งสองอยู่ที่โรงพยาบาล คนไข้หรือญาติคนไข้คงไม่คิดอะไร คงคิดว่าเป็นคู่รักทำนองนั้น แต่เพื่อนร่วมงาน แม้นว่าเขาจะเพิ่งมาใหม่ แต่ก็คุ้นเคยกันมาบ้างแล้ว คงไม่เหมาะเท่าไรหากเขาเดินจูงมือเฟลโลแบบนี้ “ค่ะ เริ่มคิดแล้ว” “คุณชอบหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามทันที ณัฐกฤตไม่อยากให้เธอเป็นแฟนกับเฟลโลคนนั้น ไม่ใช่เพราะตนอยากเป็นแฟนเอง แต่เขาจะเหงาน่ะสิ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดแบบนั้น “เปล่าค่ะ” เธออมยิ้ม คิดว่าเขาคงหวงแน่ ๆ “ดีมาก” ชายหนุ่มตอบ เขาฉีกยิ้มกว้างให้เธอ แค่นี้ก็สบายใจขึ้นมา เมื่อวานมันดีมาก ๆ และเขาก็ชอบหากจะมีสัมพันธ์กับเธอต่อไป นอกจากจะรู้สึกดีแล้วก็ทำให้เขาหายคิดถึงสลิลทิพย์อีกด้วย “เอ่อ อาจารย์ยังไม่กินข้าวเหรอ” “ครับ” “งั้นไปกินกัน” เธอเดินนำหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินตาม ปิ่นมุกมีสีหน้าสดใสกว่าก่อนหน้านี้มาก ๆ เขาคิดถูกแล้วแหละที่เข้าไปแทรก แม้นจะเป็นการหักหน้านพณัช แต่ก็เรียกรอยยิ้มจากปิ่นมุกกลับคืนมา ให้เธอไม่อึดอัด... หลายวันต่อมา... ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนในตอนเช้าแบบนี้ เธอคุ้นชินแล้วว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา หลายอาทิตย์ที่เขาส่งข้อความหา กินข้าวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน แม้นแต่วันนี้ที่เขาชวนไปเที่ยว แต่ไปได้แค่วันเดย์ทริป ด้วยความที่ทั้งคู่นั้นงานล้นมือเลยไปได้แค่วันเดียว ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก [ถึงแล้วนะครับ] ข้อความของเขาทำให้เธอกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพิมพ์ข้อความกลับไป “เสร็จแล้ว กำลังลงไปค่า” เธอพิมพ์ข้อความเป็นกันเองมากขึ้น ทั้งสองสนิทสนมกันมากกว่าลูกศิษย์กับอาจารย์เสียด้วยซ้ำ ปิ่นมุกเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะรีบออกจากห้อง เธอแต่งตัวสบายด้วยเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนขาสั้น และรองเท้าผ้าใบ เป็นการแต่งกายสบาย ๆ แต่กลับน่ารักในสายตาคนมอง วันนี้เธอต่างไปจากสลิลทิพย์ “มองอะไรขนาดนั้นคะ” เธอเขิน พอมาที่โรงจอดรถก็เห็นคนตัวโตยืนพิงประตูรถอยู่ เขาเลื่อนสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเอาคนถูกมองเขินไปกันใหญ่ “เปล่าครับ แค่ไม่เคยเห็นคุณแต่งตัวสบาย ๆ แบบนี้” “หือ สบายไปเหรอ นี่แบบสไตล์สาวเกาหลีไงคะ” มันไม่ได้สบายหรอก ต้องแมตช์หลายสีด้วย และไม่ได้ง่ายเลยหากจะใส่เสื้อผ้าให้เข้ากันได้ “หึ ครับ” เขาเห็นหน้างอน ๆ ของเธอก็เลยหัวเราะออกมา “แต่ยังไงก็สวยครับ” “อ๊ะ! บะ บ้า” เธอเขิน ปิ่นมุกยกมือขึ้นทัดผมกับใบหู เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะเดินตัวบิดไปเปิดประตูรถของเขา ช่วงนี้ใช้รถของเขาบ่อยเป็นว่าเล่น ใช้บ่อยกว่ารถตัวเองเสียอีก “หวังว่ารถจะไม่ติดนะ” เขาพึมพำระหว่างขับรถออกจากคอนโดมิเนียมของเธอ เวลานี้เป็นเวลาเช้าตรู่แถมยังเป็นวันหยุด คนคนตื่นเช้ากัน “ที่นี่คงไม่ติด แต่ถ้าไปไกลกว่านี้คงติดค่ะ” “นั่นสิ คนอื่นคงไปเที่ยววันหยุดเหมือนกันกับเรา” ณัฐกฤตพยักหน้าเบา ๆ เขาเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ “ว่าแต่ทำไมอาจารย์ถึงเลือกที่นี่ล่ะคะ” นครนายกเธอไม่เคยมาเที่ยวเลย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงอยากมา “เห็นว่าใกล้ดี ละก็แค่ไม่อยากอยู่ห้องเงียบ ๆ เลยคิดว่ามาเที่ยวดีกว่า” อันที่จริงเขาก็แค่พาเธอมาเที่ยวแก้เหงา ชายหนุ่มไม่มีเพื่อนที่นี่เลย การมีปิ่นมุกคอยอยู่เคียงข้างมันดีเอามาก ๆ เธอเป็นทั้งเพื่อน และคู่ขาบนเตียง “อ้อค่ะ” กระนั้นปิ่นมุกก็อดที่จะเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า เขานั้นอยากให้เธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา เลยชวนมาเที่ยวด้วยกัน ...ทั้งสองฮัมเพลงบนรถ เอ่ยพูดคุยกันไปตลอดการเดินทางกว่าสองชั่วโมง บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้มเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่นั้นดังก้องกังวานภายในรถเก๋งอีโคคาร์ “ผมชอบนะเพลงนี้ ตลกดี” “อาจารย์ฟังลูกทุ่งด้วยเหรอคะ” “ก็มีบ้าง ได้ยินตามสถานที่สาธารณะบ้าง เลยเข้ายูทูบไปฟังน่ะ” “เหรอคะ แต่ฉันชอบฟังมากเวลาอ่านหนังสือหนัก ๆ แล้วอยากผ่อนคลาย ก็จะเปิดเพลงลูกทุ่งเต้นค่ะ​ ฮ่า ๆ” “หึ อยากเห็นครับ อยากเห็นคุณเต้นเพลงลูกทุ่ง” “ไม่เอาอะ เขิน...” เธอไม่กล้าหรอก ตอนนี้แค่หายใจยังกลัวว่าเขาจะรำคาญเลย คงเป็นเพราะเขาคือคนที่เธอชอบ ก็เลยกลัวว่าถ้าทำอะไรไม่น่ารัก แล้วเขาจะไม่รัก ...รถไม่ติดอย่างที่กังวล พอมาถึงเขื่อนขุนด่านปราการชล บรรยากาศของที่นี่ทำให้หายเหนื่อยเลยทีเดียว “โห สวยมาก” ทั้งทะเลสาบที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นเขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกโอบล้อมรอบด้วยภูเขาสีเขียวขจี น้ำก็ใสแถมคนก็ไม่ได้เยอะอย่างที่กังวล ทุกอย่างช่างเป็นใจเสียจริง “ถ่ายรูปไหม ผมถ่ายให้” เสียงของเขาดังขึ้นทางด้านหลัง ก่อนที่เธอจะเอี้ยวใบหน้าไปมอง “ถ่ายค่ะ!” โพล่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้เขาถ่ายรูปให้ เธอไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่จะถ่ายรูปมีรสนิยม หญิงสาวแค่ยืนฉีกยิ้มให้กับกล้องถ่ายรูปแค่นั้น แต่พอมองเธอผ่านเลนส์โทรศัพท์ ความน่ารักของเธอก็ทำให้เขาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ “ถ่ายเสร็จยังคะ ไม่เห็นพูด” “ยังครับ” เขาชอบ เขาชอบที่จะมองเธออยู่อย่างนี้ “อ้อ โอเค ตอนนี้ฉันคงอ้าปากอยู่แน่ ๆ เลย นับด้วยสิคะ” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเริ่มนับหนึ่งสองสาม เรียบร้อยแล้วก็คืนโทรศัพท์ให้เธอ ซึ่งรูปที่เขาถ่ายก็ทำให้เธอพอใจมากเลยทีเดียว “โห สวยมากเลยค่ะ” เขาฉีกยิ้มรับคำชมที่ถ่ายให้เธอสวย ซึ่งกว่าจะถ่ายรูปได้สวยขนาดนี้นั้นโดนแฟนเก่างอนมาหลายครั้ง ซึ่งฝีมือของเขาก็พัฒนามาเรื่อย ๆ กระนั้นก็ไม่ได้ถ่ายให้เธอจนถึงวันนี้ “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” อยู่ดี ๆ เขาก็หน้าหงอยขึ้นมา ทำเอาคนมาด้วยรู้สึกไม่ดี เขาเป็นอะไรของเขา ทว่าเรียกเท่าไรก็ไม่ได้ยิน “อาจารย์คะ!” “ครับ!” พอเธอขึ้นเสียงเขาก็ตอบกลับเร็ว เสียงดังฟังชัด ทำเอาคนตัวเล็กอดที่จะหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ “เป็นอะไรคะ...” “เปล่าน่ะ ไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดว่าวิวสวยดีนะ” ได้ยินอย่างนั้นปิ่นมุกก็หันไปมองวิวทางด้านหน้าตามที่เขาพูด ซึ่งมันก็สวยสะกดสายตาจริง ๆ “ผมไปอ่านรีวิวมา เดินลงไปข้างล่างก็จะมีเรือพาไปเขาช่องลม” “เขาช่องลม? ที่เขารีวิวเยอะ ๆ ตามเฟซบุ๊กใช่ไหมคะ!” เธอโพล่งออกมาเสียงดัง หญิงสาวไม่ได้ดูมาก่อนเลยว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้าง แต่เขาทำการบ้านมาอย่างดี สมกับเป็นแพทย์เกียรตินิยม “ใช่ครับ แต่เดี๋ยวผมไปซื้อตั๋วก่อน” ว่าแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วเดินเรือกับซุ้มจำหน่ายตั๋วที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งแผ่นหลังหนาที่ห่างออกไปนั้นทำให้เธอยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปแผ่นหลังของเขาไว้ อยากอัปรูปลงโซเชียล อยากอวดเขาให้เพื่อนที่โรงพยาบาล ให้เพื่อนสมัยเรียนได้รู้ว่าเธอกำลังจะมีแฟนแล้ว แต่ก็กลัวว่าเขาจะมาเห็นแล้วไม่พอใจ “เรียบร้อยครับ เดี๋ยวเราลงไปขึ้นเรือเลย” เขายื่นมือมาจูงมือของเธอ ท่าทีของเขาและเธอไม่ต่างจากแฟนกันเลย ปิ่นมุกอมยิ้มหน่อย ๆ ระหว่างเดินลงบันไดที่ทอดยาวลงไปที่เขื่อน “เหนื่อยไหม” เขาหันมาถาม “หือ...ไม่เหนื่อยเลย” เธองง เพราะเดินลงมาชิล ๆ แทบไม่มีเหงื่อออกสักเม็ด ทว่าพอเอี้ยวใบหน้ามองไปทางด้านหลังเท่านั้นแหละ “โห เราเดินมาไกลขนาดนี้เลย” “ใช่น่ะสิ ผมถึงถามไงว่าคุณเหนื่อยไหม” เธอมองหน้าเขาที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ “คงเป็นเพราะเดินมากับอาจารย์มั้งคะ ลืมความเหนื่อยเลย” เอ่ยพูดเสียงแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะยิ้มให้เธอบาง ๆ “แต่คุณมีเหงื่อนะ” “อ้อ คงเพราะอากาศร้อนน่ะค่ะ แต่ไปต่อได้” ว่าแล้วก็เดินลงบันไดขั้นต่อไปโชว์เขาไป ท่าทีของเธอทำให้ใบหน้าหล่อเหลาฉาบด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวขาเดินตาม ...และในที่สุดทั้งสองก็ได้ขึ้นเรือ “ทำไมมีแค่เราคะ” “อ้อ ผมเหมาน่ะ” เธออ้าปากเหวอหน่อย ๆ แต่ก็ไม่อยากขัดใจเขาเลยปล่อยไป แถมยังรู้สึกประทับใจในอกอีกด้วย ...เรือหางยาวแล่นท่ามกลางหุบเขา ปิ่นมุกเลื่อนสายตามองด้วยความตื่นตาตื่นใจ เช่นเดียวกับณัฐกฤตที่รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย แต่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว เขาช่องลม เป็นเหมือนกับน้ำตกขนาดเล็กที่ไหลไปตามช่องว่างระหว่างภูเขาสองลูก ลำธารที่ทอดยาวนั้นมีสายน้ำไหลอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีโขดหินสีขาวที่จัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบตามธรรมชาติ ทว่ากลับสวยงามลงตัวราวกับมีคนสร้างสรรค์ขึ้นมา “สวยมาก” เธอเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่อาจเก็บความสวยนี้ไว้ในใจ ซึ่งณัฐกฤตเองก็พยักหน้ารับ “ไม่เสียแรงที่ขับรถมาแต่เช้า” “จริงด้วย” เธอหันมามองเขา “ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่พามาเที่ยว” “_” ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบา ๆ เขาแค่ไม่อยากอยู่ห้องเบื่อ ๆ พลอยทำให้นึกถึงอดีตคนรัก การได้ออกมาข้างนอก พยายามหากิจกรรมทำให้เขาลืมไปได้บ้าง “เอ่อ ถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ” เธอรวบรวมความกล้าเอ่ยพูดขึ้น เม้มริมฝีปากอย่างลุ้น ๆ “ผมไม่ชอบถ่ายรูปเลย” “หือ...” “ไม่ชอบเห็นหน้าตัวเองบนกล้องน่ะ” อันนี้เขาเป็นจริง ๆ ไม่ได้บ่ายเบี่ยง รูปโพรไฟล์ในโซเชียลของเขายังเป็นรูปท้องฟ้าใบไม้อยู่เลย แต่พอเห็นใบหน้างอ ๆ ของเธอ เขาก็ใจอ่อนขึ้นมา “แต่ก็ถ่ายได้นะ มาสิ” พอได้ยินเสียงของเขาจากใบหน้างอ ๆ ก็กลายเป็นฉีกยิ้มขึ้นมา ปิ่นมุกยกโทรศัพท์ขึ้นเปิดกล้องเซลฟีทันที เธอฉีกยิ้มให้กล้องเช่นเดียวกับคนตัวโต ใบหน้าของทั้งคู่นั้นแนบชิดติดกัน แชะ~ “อีกรูปได้ไหมคะ ฉันไม่สวยเลย” คงเป็นเพราะเขาหล่อเลยทำให้เธอขาดความมั่นใจ กระนั้นณัฐกฤตก็ไม่ได้อิดออดให้เธอถ่ายใหม่ เขาฉีกยิ้มอีกครั้ง แชะ~ “โอเค สวยแล้ว” ปิ่นมุกฉีกยิ้มให้กับรูปภาพที่เห็น เธออยากอัปลงโซเชียล ซึ่งเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเขา เจ้าตัวคงอนุญาต “อัปลงไอจีนะคะ” “หือ...” “อัปรูปน่ะค่ะ” เขามองหน้าเธอ รูปเมื่อครู่ถ้าใครมาเห็นก็คงคิดว่าเป็นแฟนกัน ซึ่งชายหนุ่มกลัวว่าอดีตคนรักจะมาเห็น “ลงได้ แต่ไม่ต้องแท็กนะ” “คะ?” หน้าเธอชาวาบเลยทันที มันชัดเจนแล้วสิ่งที่เขาพูด แต่เธอก็อยากจะถาม “ทำไมคะ” “เอ่อ มันคงไม่เหมาะน่ะ ถ้าเราสองคนที่เป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ไปเที่ยวกันสองต่อสองแบบนี้” “แต่ว่า...” ทุกคนคงรู้หมดแล้ว ก็อยู่ที่โรงพยาบาลก็ตัวติดกันตลอด เขาจะมากังวลเอาตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่อง “เข้าใจผมนะ” เขาส่งสายตาขอความเห็นใจ ก่อนที่เธอจะยอมในที่สุด ใจเจ็บแปล๊บ ใบหน้าก็ชาวาบ เธอเสียใจแต่ก็ต้องทำเป็นฝืนยิ้ม กล้ำกลืนความเสียใจไว้ข้างใน ซ่อนแววตาความเศร้าหมองนี้ไว้ไม่ให้เขาเห็น ก็เธอเลือกไม่ได้นี่...เขาไม่ให้เลือก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม