หญิงสาวผิวขาวดุจหิมะคลี่ริมฝีปากแดงระเรื่อชวนให้ผู้พบเห็นหลงใหล นัยน์ตากลมโตที่ใช้สะกดผู้คนเปล่งประกายแวววาวยามเมื่อเห็นบุรุษที่ตนนั้นรักกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่กลางสวนท้อที่ผลิดอกบานสะพรั่ง บุรุษรูปงามใบหน้าของเขาทำให้นางหลงใหลได้ทุกเมื่อยามเพ่งพินิจ เรือนกายสูงใหญ่ไหล่กว้างกำยำกว่าคนทั่วไปดูองอาจ สมกับเป็นบุรุษผู้เพียบพร้อม
จางซือหลงอายุเพียงสามสิบทว่ากลับร่ำรวยกว่าคนอายุคราวเดียวกัน ความฉลาดเฉลียวของเขาเป็นสิ่งที่ผู้คนรู้กันทั่ว กิจการมากมายของเขาล้วนมีชื่อ เหล่าเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง ผู้มีอำนาจล้วนอยากสานสัมพันธ์กับเขาทั้งสิ้น
“พี่หลงของหลินเอ๋อร์ช่างรูปงามเสียจริง”
ดรุณีแสนงามพึมพำกับตนเอง นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของท่านราชครู มารดาเป็นหมอหญิง บิดาของนางกับบิดาของจางซือหลงรู้จักกัน นางจึงเข้านอกออกในเรือนหลังงามของจางซือหลงได้บ่อยครั้ง
นับตั้งแต่จำความได้ในหัวใจนางรักเพียงพี่ชายผู้นี้มาตลอด แม้เขาจะชอบดุนางบ่อยครั้งแต่ผู้ใดสนกัน นางรักพี่ซือหลง หากทำเป็นเหนียมอายเมื่อใดจะได้ครอบครอง
“คุณชายไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าพบขอรับ”
บ่าวผู้เฝ้าหน้าประตูเรือนกล่าวกับคุณหนูตรงหน้าตามหน้าที่ เขาเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ไม่อยากละเลยหน้าที่ของตน
ใบหน้างามล่มเมืองฉีกยิ้มให้บ่าวคนใหม่ นางมาที่นี่เป็นประจำ บ่าวในนี้รู้จักกันทุกคน
“ยกเว้นข้า ข้าคือจ้าวฟางหลินคนรักของพี่หลง หากเจ้าอยากได้ดีในภายหน้าก็หลีกทางข้า ท่านพี่หลงนั่งคอยข้าอยู่นานแล้ว”
จ้าวฟางหลินกล่าวอย่างภาคภูมิใจในความงามของตนเอง
สตรีงามอันดับหนึ่งเช่นนางไม่จำเป็นต้องถ่อมตนในเรื่องนี้ นางงดงามก็ย่อมชื่นชมตนเองและขอบคุณบิดามารดาที่ถ่ายทอดความงามและเสน่ห์แสนเย้ายวนให้แก่นาง บุรุษผู้ใดก็ต้องตาต้องใจนางทั้งนั้น
“ขออภัยบ่าวเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ไม่รู้ความ ขออภัยคุณหนูด้วยขอรับ” บ่าวผู้เฝ้าประตูตกใจรีบขออภัยสตรีตรงหน้า นางงดงามเพียงนี้ย่อมเป็นสตรีคนรักของนายท่านเป็นแน่
“ข้าไม่ได้ถือสาเจ้าหรอกนะ ทำงานเจ้าต่อเถิด”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดีก่อนจะรีบตรงดิ่งไปหาคนที่ตนแอบมองอยู่ก่อนหน้านี้
ร่างงามยั่วยวนค่อย ๆ ย่องไปทางด้านหลังพร้อมกับเอามือปิดปากของตนเองไว้ นางก้าวช้า ๆ จากนั้นใช้มือปิดตาจางซือหลงที่นั่งนิ่งไม่แสดงอาการตกใจใด ๆ
“ผู้ใดเอ่ยงดงามเป็นที่หนึ่ง ว่าที่ภรรยาของจางซือหลง”
เสียงหวานกระซิบข้างหูของคนที่ตนนั้นปิดตา
เสียงถอนหายใจดังเบา ๆ ของจางซือหลงไม่ได้ทำให้นางรู้สึกเศร้าเพราะเขาก็วางมาดเช่นนี้มาตลอด บางทีเขาอาจขุ่นเคืองที่นางหายหน้าไปสามวัน
“หยุดเล่นแล้วมานั่งดี ๆ ฟางหลิน!” น้ำเสียงดุส่งผลให้นางสะดุ้งเล็กน้อย จ้าวฟางหลินคลายมือออกจากอีกฝ่ายก่อนจะขยับนั่งข้างกายเขา
“หลินเอ๋อร์ไปเรียนมาตั้งสามวันพี่หลงไม่คิดถึงกันบ้างหรือเจ้าคะ” ใบหน้างามแนบกับท่อนแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัด
“เงียบหูเสียมากกว่า แม้ไม่มาแต่เจ้าก็มีความผิดอย่าคิดว่าข้าไม่รู้” นางช่างร้ายกาจกล้าไปป่าวประกาศว่าชอบเขาขณะที่ไปเรียน สามวันที่นางหายไปเขาได้ยินข่าวว่านางตบตีและก่อเรื่องทุกวัน
“พี่หลงจะได้ไม่ต้องลำบากใจเวลาสตรีเหล่านั้นมายั่วยวนอย่างไรเล่า ข้าช่วยพี่หลงอยู่นะเจ้าคะ”
ข่าวลือก็เกินจริง นางแค่ผลักอีกฝ่ายล้มเท่านั้นเอง คนเล่าเรื่องก็แต่งเติมประหนึ่งนางเอามีดจ้วงแทงอีกฝ่าย
สตรีเหล่านั้นชอบนินทาและหาเรื่องนาง หากทำตัวอ่อนหวานก็รังแต่จะโดนรังแก ความงดงามของนางล้วนเป็นบ่อเกิดความริษยา สตรีอื่นมองมาก็เกลียดนางทั้งที่นางไม่ได้ทำสิ่งใด
“ขยับออกไป” จางซือหลงส่ายหัวอย่างระอากับความร้ายกาจของดรุณีน้อยผู้นี้
“พี่หลงเจ้าขา…ข้าเดินมาเหนื่อยขอพิงสักครู่นะเจ้าคะ”
นางหลับตาพิงอีกฝ่ายแม้จะโดนดุแต่ก็ไม่คิดจะลุก ท่านพี่คงเขินอายนางเป็นแน่
ท่านพี่หลงก็ไล่นางเช่นนี้ทุกครั้งยังไม่ชินหรืออย่างไรกัน…