Chapter 6 ได้โปรดอย่าทิ้งข้า
“ทำเลยสิเจ้าคะนายท่าน ข้าพร้อมแล้ว”
“....”
เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ นางจึงลืมตาขึ้น กะพริบตาปริบๆ มองเจ้านายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ นางพยายามประมวลความรู้ในสมองอีกครั้ง ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อมั่นใจว่าเจ้านายกำลังต้องการสิ่งใด
“หรือว่านายท่านอยากให้ข้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเจ้าคะ ให้ข้าขึ้นขี่ท่าน...”
“พอได้แล้ว!”
เขารีบหยัดกายออกจากการกอดรัดเรือนร่างนุ่มนิ่มน่าหลงใหล พยายามตะคอกเสียงดังๆ ตีหน้ายักษ์จนแทบจะแยกเขี้ยวเพื่อปิดบังความรู้สึกที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายใน
“อะ...อ้าว ไม่ทำแล้วหรือเจ้าคะ”
“ไม่!”
จ้าวฉงซานรู้สึกราวกับว่าธาตุไฟในกายกำลังจะแตกซ่าน ลมหายใจของเขาติดขัดขาดห้วง เขาเป็นเทพอาวุโสที่มีอายุมากเป็นอันดับสองรองจากอดีตองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ทั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและใต้หล้าบรรณพิภพใครต่างก็เคารพยำเกรง
แต่คิดดูสิว่า...เขามีชีวิตอยู่มาจนป่านนี้ ยังไม่เคยพบเจอกับสิ่งมีชีวิตใดที่รับมือยากเช่นนี้มาก่อนเลย
นางเหมือนจะพูดรู้เรื่อง แต่ก็ไม่รู้เรื่อง ทำเหมือนจะเข้าใจ แต่กลับไม่เข้าใจอะไรเลย บางคราก็ดูใสซื่อไร้เดียงสา แต่บางครากลับยียวนกวนประสาท
นี่มันเรื่องบ้า หรือบาปเคราะห์อันใด เขาจึงต้องมาเจอกับสิ่งมีชีวิตที่น่าปวดหัวตนนี้!
“ว้าว!”
จู่ๆ บุปผานารีผลก็ร้องออกมาเสียงดัง ทำให้คนตัวโตอดไม่ได้ที่จะหันกลับไป ด้วยไม่รู้ว่านางกำลังจะแผลงฤทธิ์ทำสิ่งใดอีก หากแกล้งเพิกเฉยแล้วบานปลายขึ้นมาจะยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่
“นายท่านเป็นเหมือนข้าเลยเจ้าค่ะ”
นางเบิกตาโพลงด้วยความตื่นเต้น รีบสาวเท้าเข้าหาผู้เป็นนาย ทว่าเขากลับหวาดกลัวความบ้าบิ่นของนางจนเผลอถอยร่นไม่เป็นกระบวน กว่าจะรู้ตัวแผ่นหลังกว้างก็แนบไปกับต้นไม้ใหญ่ ไร้หนทางหลีกหนีเสียแล้ว
“จะ...เจ้าหมายถึงอะไร!”
“ก็นายท่านมีก้อนเนื้อ มะ...ไม่ใช่สิ”
นางก้มมองหว่างขาของเจ้านายหนุ่มอย่างครุ่นคิด พยายามประมวลชุดความรู้ในสมองก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า
“ไม่ใช่ก้อนเนื้อ ‘เจ้านี่’ น่าจะเรียกแท่งเนื้อต่างหาก เพราะมันเป็นแท่งๆ กลมๆ ยาวใหญ่เป็นลำคล้ายกระบอกไม้ไผ่เลยเจ้าค่ะ”
นางบรรยายสรรพคุณแก่นกายของเซียนภูเขาเสร็จสรรพ ยังผลให้เจ้าของกระบอกไม้ไผ่แท่งโตถึงอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“ท่านก็มีแท่งเนื้อค่อยๆ ขยายโตขึ้น เหมือนก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายของข้า แล้วแบบนี้มันจะเต้นตุบๆ เหมือนกันหรือเปล่า”
ไม่พูดเปล่านางยื่นมือไปคว้าหมับจับแท่งเนื้อของชายหนุ่มเอาไว้เต็มมือ ก่อนจะอมยิ้มเมื่อรู้สึกว่ามันอุ่นและแข็งอย่างน่าประหลาดใจ
“ปะ...ปล่อย”
เขาเค้นเสียงแหบแห้งออกจากลำคออย่างยากลำบาก แน่นอนว่าบุปผานารีผลที่แสนเชื่อฟังรีบปล่อยมือตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่มอย่างว่าง่ายทันที
นางยิ้มกว้างราวกับจะอวดว่า ‘เห็นหรือไม่ ข้าเป็นบ่าวรับใช้ที่ดีแค่ไหน’ ซึ่งแน่นอนว่าจ้าวฉงซานไม่ได้ชื่นชมไปกับความภาคภูมิใจของนางเลยสักนิด
เขาหมุนตัวหันหลังให้กับบุปผานารีที่ยังคงยืนยิ้มแป้น ก่อนจะแหกปากตะโกนดังลั่นป่าจนเหล่าสกุณาน้อยใหญ่แตกตื่นพากินโผบินขึ้นเต็มท้องฟ้า
“ข้า! อยาก! จะ! บ้า! ตาย!”
“เจ้าจงฟังให้ดี”
จ้าวฉงซานรวบรวมพลังปราณที่เกือบจะแตกซ่านให้กลับมาสงบนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยราวกับไร้ความรู้สึกอย่างผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายแสนปีสวรรค์
“เจ้าค่ะ”
บุปผานารีผลรับคำด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมโตกะพริบไปมาจนแพขนตางามงอนกระพือรัวๆ
“ข้ากับเจ้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน เจ้าจงไปตามทางของเจ้า โน้น...” พูดพลางชี้ไปยังทิศตะวันตก “เดินตามพระอาทิตย์ไปเรื่อยๆ เจ้าก็จะพบทางออกจากอาณาเขตของข้า ที่นั่นจะมีบุรุษมากมายพร้อมจะเป็นเจ้านายของเจ้า”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
“ไม่เจ้าค่ะ”
ผลไม้สาวปฏิเสธเสียงแข็ง เรียกได้ว่านี่คือครั้งแรกที่นางปฏิเสธ เพราะโดยปกติแล้วไม่ว่าเขาจะบอกให้นางทำสิ่งใด นางก็จะทำตามโดยไม่มีปากเสียง ทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไป
“ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่กับนายท่านซึ่งเป็นผู้มอบหัวใจให้กับข้า ข้าจะมีท่านเป็นเจ้านายเพียงผู้เดียวไปชั่วชีวิต ข้าจะยอมให้นายท่านกอด จูบ และลูบไล้แต่เพียงผู้เดียว บุรุษอื่นอย่าหวังว่าจะได้แตะต้องร่างกายของข้า”
นางเชิดหน้าขึ้น ยืดอกเหยียดแผ่นหลังตรงอย่างผึ่งผาย ฉายชัดว่านางไม่ได้พูดเล่น นางพูดจริงและจะทำเช่นที่ลั่นวาจาออกไป
“แต่ข้าไม่ต้องการเจ้า!”
หวังว่าคำพูดตัดรอนจะทำให้ผลไม้สาวเจ็บปวดจนหนีไป ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรี ขึ้นชื่อว่าสตรีนั้นอารมณ์ของพวกนางประกอบไปด้วยน้ำตาและความแง่งอนเอาแต่ใจกว่าสี่ในห้าส่วนเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ นายท่านไม่ต้องการข้า แต่ข้าต้องการนายท่าน แค่นี้ก็เพียงพอที่ข้าจะติดตามนายท่านไปทุกหนทุกแห่ง”
พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วขยับปลายเท้าเข้าไปยืนใกล้ๆ จนแทบเบียดชิด จ้าวฉงซานเห็นท่าไม่ดีแน่ เขาควรสลัดนางออกไปจากชีวิตก่อนที่นางจะสร้างเรื่องปวดหัวให้เขาไปมากกว่านี้
“ตามใจเจ้าเถอะ!”
จู่ๆ เทพภูเขาก็เหาะขึ้นไปบนฟ้า ทำให้หญิงสาวถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ด้วยไม่คิดว่าจะถูกเจ้านายทอดทิ้งเป็นครั้งที่สอง
“นะ...นายท่านอย่าทิ้งข้า!”
ผลไม้สาวตะโกนเรียกเจ้านายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางออกวิ่งสุดแรงหมายจะตามเขาให้ทัน แต่ยิ่งวิ่งเขากลับยิ่งหายลับไปจากสายตา กระนั้นนางกลับไม่ละความพยายาม
“นายท่าน! นายท่าน!”
นางวิ่ง วิ่ง และวิ่งอย่างไม่ย่อท้อ ริมฝีปากสวยร้องตะโกนเรียกจนเสียงแหบแห้ง
“นายท่าน! อย่าทิ้งข้า!”
นางหมุนมองไปรอบกาย ภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นกบหน่วยตา ก่อนจะรินไหลอาบแก้มอิ่มเป็นสาย
“นายท่านเจ้าขา!”