Chapter 4 เจ้านายคนใหม่
“ขอบใจนะ”
เหล่าต้นไม่ต่างไหวลู่ราวกับมีลมแรงกรรโชกทั้งที่บริเวณนั้นปราศจากสายลมโดยสิ้นเชิง
“ละ...แล้วเจ้านายทั้งสามของข้าเล่า”
ผลไม้สาวเอียงใบหน้าไปมาอย่างงุนงง ก่อนจะแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อรอเจ้านายทั้งสามมารับอย่างภักดี
นานแสนนานที่นางเฝ้ารอ ความเบื่อหน่ายทำให้นางขับขานบทเพลงด้วยเสียงที่ไพเราะจนเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ ต่างพากันเดินตามเสียงหวาน รายล้อมหญิงงามเปลือยเปล่าเอาไว้อย่างน่าประหลาดใจ
“พวกเจ้าชอบหรือ”
นางหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นฝูงกวาง ฝูงลิง กระต่าย กระรอก ต่างนั่งมองนางตาปริบๆ
เจี๊ยก!
ลิงตัวหนึ่งใจกล้ากว่าตัวอื่นๆ มันกระโจนเข้าหาก่อนจะยื่นผลไม้สีแดงขนาดเล็กให้ นางรับมาถือไว้ด้วยความงุนงง ลิงจึงชูผลไม้ในมือตนอีกลูกแล้วกัดกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยเป็นตัวอย่างให้หญิงสาวดู
“อ๋อ”
นางพยักหน้าแล้วกัดกินผลไม้นั้นบ้าง ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อรสหวานซ่านลิ้น รสชาติถูกปากทำให้นางรู้สึกมีความสุข ยิ้มกว้างจนตาเล็กหยี
สัตว์น้อยใหญ่รับรู้ได้ว่านางเป็นมิตร อีกทั้งต้นไม้นานาพรรณก็ต่างโน้มกิ่งเข้าหา กระรอกตัวเล็กๆ จึงปีนป่ายขึ้นไปเกาะที่ไหล่ นกน้อยใช้จะงอยปากจิกปลายผมยาวสลวยของนางไปมา กวางบางตัวถึงกับหมอบนอนอย่างสบายใจบนพื้น หญ้า กระต่ายป่าสีขาวขนปุกปุยหลายสิบตัวกระโดดโลดเต้นไปมารอบๆ
“พวกเจ้าช่างน่ารักจัง”
จังหวะนั้นมีผีเสื้อสีม่วงแสนสวยกระพือปีกบินผ่านใบหน้าไป ก่อนจะบินวกกลับมาเกาะอยู่ที่ปลายจมูกเชิดรั้นของหญิงสาว
“สวยจัง”
นางเอียงคอน้อยๆ มองสิ่งมีชีวิตที่มีปีกสีสันสดใสด้วยความสนใจ ราวกับถูกมนต์สะกดให้หลงใหลนางลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อยๆ ย่างเท้าเปลือยเปล่าตามผีเสื้อ ยิ่งไล่มันยิ่งบินหนี นางจึงออกวิ่งแล้วเอื้อมมือสูงหมายจะไขว่คว้าเจ้าปีกสวยมาครอบครอง
ทว่ามันกลับบินไป...บินไป...
“อย่าหนีข้าสิเจ้าผีเสื้อตัวน้อย”
นางหัวเราะร่วนด้วยความสนุก เสียงของนางใสกังวานก้องป่าราวกับเสียงนกเยี่ยอิง ดวงตากลมโตเล็กหยี ริมฝีปากอวบอิ่มฉีกยิ้มจนเห็นฟันเรียงเม็ดสวยราวกับเมล็ดข้าวโพด แก้มสีลูกท้อระเรื่อสดใส ผมดำขลับจดพื้นระไปกับยอดหญ้าพลิ้วไหวลู่ล้อไปกับแรงลม ยิ่งนางออกวิ่งทรวงอกคู่สวยก็ยิ่งกระเพื่อมไหวได้อย่างน่ามอง
“นั่นใคร!”
เสียงห้วนตวาดลั่นเมื่อรับรู้ได้ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในเขตพื้นที่หวงห้าม
เสียงน่าเกรงขามทำให้ร่างเล็กชะงักฝีเท้าก่อนจะค่อยๆ หมุนตัวกลับมา ดวงตากลมโตไร้เดียงสาจ้องมองชายร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าบูดบึ้ง เขามีผมขาวสีงาช้างยาวจดเอวสอบ
พลันดวงตาของนางก็ไหวระริกอย่านึกสนุก จึงสาวเท้าเข้าหาคนตัวสูงแล้วคว้าหมับจับเข้าที่ผมสีงาช้างเต็มมือ
“สวย”
“นี่เจ้า!”
จ้าวฉงซานตะลึงงันจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูด จู่ๆ ก็มีหญิงงามปานล่มสวรรค์เปล่าเปลือยไร้อาภรณ์ห่อหุ้มมาปรากฏกายขึ้นในเขตหวงห้ามของเขา ที่สำคัญนางงดงามจนเขาแทบหยุดหายใจ อีกทั้งนางยังกระโจนเข้าหาแนบชิดอย่างไม่สงวนท่าทีจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมที่อวลกรุ่นอยู่รอบเรือนกายอรชร
“เจ้านาย...ท่านคือเจ้านายใหม่ของข้า”
ดวงตากลมใสซื่อมองใบหน้าหล่อเหลาเบื้องหน้าอย่างไร้เดียงสา ไร้พิษภัย ไร้การเสแสร้งปรุงแต่ง นางดูบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับเด็กทารกแรกเกิดก็ไม่ปาน
นาทีนั้นเองที่เทพภูเขาประมวลความรู้และเหตุการณ์ทุกอย่างในสมองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบิกตาโพลงจ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างไม่ละสายตา
“จะ...เจ้าคือบุปผานารีผล!”
“นายท่าน”
บุปผานารีผลยิ้มกว้างจนดวงตาเล็กหยี จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงของชายตรงหน้าไม่วางตา นางเอียงใบหน้าเล็กน้อยแล้วค้อมกายคำนับผู้เป็นเจ้านายใหม่ด้วยความยินดี
“ข้าไม่ใช่เจ้านายของเจ้า!”
จ้าวฉงซานสะบัดเสียงห้วนราวกับไม่ชอบใจ พยายามผินหน้ามองไปทางอื่นด้วยไม่อยากเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าแสนเย้ายวนของนารีผลตรงหน้า ให้ตายเถอะ...เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าพวกเซียนหนุ่มทั้งหลายถึงได้ยอมเอาชีวิตไปทิ้งเพียงเพื่อจะได้เชยชมบุปผานารีผล
ก็นางนั้นงดงามจนแทบลืมหายใจ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมยวนเย้า การเคลื่อนกายมีเสน่ห์น่าหลงใหล น้ำเสียงอ่อนหวานราวกับระฆังแก้วนั่นอีกเล่า หากว่านางส่งเสียงครางออดอ้อนข้างใบหู ไม่ว่าชายที่มีจิตใจเข้มแข็งเพียงใดก็คงอ่อนยวบราวกับไขผึ้งลนไฟเป็นแน่
“เจ้าค่ะ”
นางน้อมรับแล้วพยักหน้า พลางกะพริบเปลือกตาจนแพขนตางามงอนตวัดขึ้นลง ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ทำให้จ้าวฉงซานถึงกับปวดศีรษะ
“นายท่านไม่ใช่เจ้านายของข้า”
“ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่ใช่เจ้านายของเจ้า!”
“เจ้าค่ะนายท่าน”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ราวกับเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ทว่ากลับเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ ทุกคำ เมื่อเขาเดินหนีนางก็เดินตาม เขาไปทางซ้าย นางก็ตามไปทางซ้าย เขาหมุนตัวกลับเดินหนีไปทางขวา นางก็เดินตามไปทางขวาต้อยๆ ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ท้ายที่สุดเทพแห่งภูเขาก็ถึงกับโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ หันมาตวาดเสียงดังหมายจะให้นางหวาดกลัวจนวิ่งหนีไป
“เลิกตามข้าเสียที!”
“เจ้าค่ะนายท่าน ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว เรามานั่งพักกันเถอะเจ้าค่ะ”
บุปผานารีผลไม่พูดเปล่าแต่ปราดเข้าไปเขย่าแขนชายหนุ่มชวนให้นั่งพัก ทว่าเขากลับปัดมือนางออกราวกับว่าการแตะต้องเรือนกายกันและกันนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม
ทว่า...ให้ตายเถอะ! มือนางที่สัมผัสลงบนแขนช่างนุ่มนิ่มเสียจนคิดว่าเป็นสัมผัสจากผ้าไหมชั้นดีเสียกระนั้น
“ข้าไม่นั่ง!”
“เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะยืนเป็นเพื่อนนายท่าน”
นางขยับมายืนข้างๆ เขา ทำตาปริบๆ ส่งยิ้มหวาน ราวกับจะอวดอ้างว่านางเป็นข้ารับใช้ที่ดี ไม่ว่าเขาจะสั่งให้นางทำสิ่งใดนางไม่เคยโต้เถียง อีกทั้งยังปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดอีกด้วย
เทพอาวุโสรู้สึกปวดตุบๆ ที่ขมับ เขาจะสลัดบุปผานารีผลที่แสนน่ากินตนนี้ออกไปอย่างไรดี ขืนนางเดินตามเขาด้วยสภาพเปลือยเปล่าเย้ายวนเช่นนี้ เกรงว่าการบำเพ็ญเพียรถือศีลไม่ยุ่งเกี่ยวกับอิสตรีมานับแสนปีจะแตกสะบั้นลงก็คราวนี้