ตอนที่ 1
แล้วนี่ ชีวิตของหล่อน ทำไมมันถึงต้องเป็นอย่างนี้หนอยายพีรียาเอ๊ย เครียดจนรู้สึกนอนไม่หลับเอาเสียเลยก็เลยทำให้หญิงสาวนั้นต้องตื่นเพื่อลุกมาเดินอย่างที่จิตใจกระสับกระส่ายเดินวนไปมาหลายครั้งแล้วหน้าที่นอนเพราะเนื่องจากจิตมีแต่อารมณ์พลุกพล่านนั่น มันเป็นเรื่องที่ชวนประสาทเสีย อย่างมากที่สุด เครียดอย่างหนักหน่วง กับการที่พีรียานั้น กำลังจะถูกมารดา ท่านสั่งบงการ และบังคับให้หล่อน จะต้องรีบหมั้นและแต่งงาน
แบบนี้ถือว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับพีริยาเลยทำให้นิ่งนอนใจไม่ได้หล่อนเลยแทบจะปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที อย่างคนที่หมดความอดทน
หญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงสีโอล์ดโรส ตั้งใจจะออกพ้นไปจากบ้าน เพราะนอนไม่หลับ
“เฮ้อ” หญิงสาวถอนใจ หล่อนจะฉวยออกจากบ้านในเวลานี้ บิดามารดา ท่านคงหลับสนิทแล้วรู้สึกว่ามือเรียวของหญิงสาวนั้นยังคงสั่นระริก เสียงดังกริ๊ก นี่ไม่ใช่หน้าหนาวด้วยซ้ำ แต่กลับรู้สึกว่า เหมือนหนาวยะเยือก ผิดฤดูกาล หากเมื่อหล่อนทำการกดล็อกประตูห้องเพื่อจะออกไป กลัวจะได้ยินไปถึงห้องของมารดา ที่หลับสนิท
และเบื้องนอกนั้นอากาศหนาวอย่างที่คาดไม่ผิด
ม่านรัตติกาลพรายพรมด้วยสีนิลรอบด้านไปหมด หากแต่บนเวิ้งฟ้าไกลโน่นก็คงจะแต่ความเหงาเหมือนหล่อนในยามนี้ ใช่ไหม ฮึ แสงไฟริมถนนในซอยหมู่บ้านจัดสรรย่านรามอินทรา และบนถนนรามอินทรา ในปัจจุบันนั้น ไม่แตกต่างไปจากใจกลางกรุงเทพฯ เพราะเต็มไปด้วยความเจริญ ทั้งศูนย์การค้า ร้านอาหาร ผับบาร์ สถานท่องเที่ยวยามราตรีของหนุ่มสาว และหล่อนก็คิดอีกครั้งว่า ไม่แน่หรอก เพราะหล่อนอยากจะเปลี่ยนแปลงบุคลิกของตัวเอง ด้วยการเปลี่ยนรูปโฉม ซอยผมสั้นๆ เพื่อให้ดูคล่องตัวกว่านี้
และอีกทั้งถึงแม้มารดาของเธอ ท่านไม่ชอบก็ตาม แต่ พีรียาก็จะทำ แล้วใครจะว่าหรือจะทำไมหล่อน?
คิดว่ายิ่งขัดใจแม่มากเท่าไหร่นั้น นั่นละคือสิ่งที่พีรียาต้องการที่จะทำ ดังนั้นหล่อนจึงหยิบแว่นตาสีม่วงเข้มมาสวมอำพรางใบหน้า และเพื่อให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวเสียหน่อย ขณะนี้บนท้องฟ้าดูระยิบระยับกระพริบพร่างพราวแสง ราวกับเกล็ดดาวที่ถูกโปรยอยู่เหนือม่านเมฆและผืนผ้ากำมะหยี่สีดำ เมื่อขับรถมาได้ไกลพอสมควร และสถานที่หล่อนตั้งใจจะไปนั้นคือ ผับของเพื่อนแถวเอกมัย เพราะเคยไปครั้งก่อนมาแล้ว จำเส้นทางได้ ไม่หลง
และที่นั่น มีเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารกึ่งผับในย่านนั้น มีชื่อว่า วาดวลี รายนี้เป็นขาเที่ยวคนหนึ่ง ถึงแม้เป็นหญิงแต่ ก็มีหัวใจแข็งแกร่งเหมือนว่าตัวเองเป็นบุรุษเพศ รู้สึกสุขใจ ที่ออกพ้นจากบ้านมาได้ ถ้าขืนยังอยู่ในบ้าน หล่อนคงเครียดหนักแน่ ที่สำคัญหล่อนจะนอนไม่หลับ โทร.หาเพื่อน เพื่อให้รู้ว่า ใกล้จะมาถึงแล้ว
“นั่นวาดหรือเปล่าจ้ะ นี่ฉันเองนะ เพี๊ยช เอ้อ ฉันกำลังจะไปหาแกที่ร้านอยู่พอดี มีเรื่องด่วนน่ะ ช่วยรอฉันอยู่ที่นั่นนะ อย่าเพิ่งปิดร้านหนี”
พีรียาเอ่ยเสียงอ่อนหวาน เหมือนสั่งเพื่อน
และมีเสียงตอบกลับมา จากเพื่อนหญิง ที่มีจิตใจมาดแมนเหมือนผู้ชาย
“อ๋อ ฮะ มาที่ร้านได้เลย ร้านยังไม่ปิดหรอก เราจะรอเพี๊ยชอยู่ที่ร้านล่ะ ไม่รีบปิดร้านหนีหรอก นานๆจะมา”
“ขอบใจนะไอ้วาด แล้วเจอกัน”
พีรียาตอบและพยักหน้ารับ ก่อนที่จะปิดเครื่อง
ท้องถนนนั้นดูโล่งปราศจากรถราตรงหน้าคือ สถานบริการประเภทผับ ที่มีการละเล่นดนตรี จากศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งส่วนมากเป็นประเภทขาแด๊นซ์
ในขณะนั้น เหล่านักเที่ยว ทั้งชายและหญิงก็แทบจะกรูเข้ามาแทบทะลักเหมือนสายน้ำ เพื่อจะเข้ามาชอมคอนเสิร์ต จากศิลปินต่างประเทศ ถือว่าที่นี่เป็นแหล่งสุดท้ายที่พวกเขาจะเดินทางมาเที่ยว ก่อนที่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน เพื่อหลับนอน แต่ในวันนี้มีโปรแกรมเด็ด คอนเสิร์ตดังจากศิลปินชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นนักร้องเพลง ประเภทสากล ซึ่งบรรดาหนุ่มสาวนักท่องเที่ยวราตรีตัวฉกาจทั้งหมดนั้น ทั้งชื่นชอบ ศรัทธาและคลั่งไคล้
และพีรียาก็ได้ยินเสียงที่ลอดผ่านหูเข้ามานั่นคือเสียงของหนุ่มสาวที่เฮลั่น เสียงดังเกินแปดสิบเดซิเบลด้วยซ้ำ และร้องกรี๊ดลั่นสนั่นหู ยังดังมาไม่ขาดระยะ
พีรียาไม่ชอบน้ำเสียงที่อึกทึกครึกโครม ปานฟ้าจะถล่มและดินทลายอย่างนี้ ทำให้พีรียาพยายามเลี่ยง และหาที่จอดรถให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เข้าไปพบเพื่อนเร็วๆ
และระหว่างที่หล่อนนั้นกำลังจะหยุดรถจอดตรงหัวมุมถนน มีที่ว่างตรงนั้น พอดีกับรถของหล่อน
แต่ก็มืดเหลือเกิน จนหญิงสาวนึกกลัวเพราะมันดูเปลี่ยว หากแต่ข้างหน้านั้นยังมีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ท่าทางพวกมันดูไม่น่าไว้วางใจเลย
ความหวาดนั้นเกิดขึ้นในใจของหล่อน เหมือนร่างของหล่อนนั้นได้ถูกสอดส่ายจับจ้องจากคนแปลกหน้า และสายตาใต้แสงไฟนั้น โลมเลียอย่างน่ารังเกียจ
“นี่ปล่อยฉันนะ”
พวกมันคนหนึ่งพยายามตรงเข้ามาใกล้ตัวหล่อน จนพีรียาสะบัดตัว และร้องห้าม
“มาเที่ยวหรือไงจ้ะน้อง แล้วมาคนเดียวเสียด้วย”
ซุ่มเสียงนั้นดังขึ้น ในหมู่หนุ่มวัยรุ่นคะนองที่จงใจแซวหล่อน น้องหรือ? พีรียาคิดว่าตัวเองหูผึ่ง และได้ยินสรรพนามที่พวกมันเอ่ยถึงหล่อน ก็ นึกขำและอยากจะอ้วกใส่พวกมันในคราวเดียวกัน ที่ช่างไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย เพราะหล่อนนั้นแก่กว่าพวกมันตั้งหลายปี จึงตอบโต้กลับ
“ฮึ เรียกฉันว่าน้องหรือ ไอ้หนู นี่พูดดีๆนะ วัยของฉันแก่กว่าพวกนาย และไม่ใช่น้องนุ่งของใคร อย่ามาหาเรื่อง ถ้าเมาก็กลับบ้านซะ อีกอย่าง วัยอย่างฉันนั้นสามารถเป็นน้าเป็นป้าของพวกนายยังได้เลย”
เมื่อพีรียาอดไม่ได้ก็เลยแย้งเสียงเถียงใส่ฉอดๆทันควัน หล่อนคิดว่าพวกมันคงหน้าด้านหน้าหนาอย่างที่สุด
และก็เห็นสีหน้าที่บึ้งตึงจากพวกมันเหมือนว่าระคายใจในคำพูดและไม่พอใจหล่อน
“ ถ้าเป็นป้า แหม ถ้าหุ่นแบบนี้ น่าควง พาไปไหนต่อไหนด้วย ถ้าสน ว่าแต่ป้าเหอะ แวบมาหาเด็กบังหน้าหรือเปล่าป้า แล้วสนผมไหมล่ะ เพราะตอนนี้ไม่มีใครเลี้ยงดู ”
ดูสิ มันพูดหยาบคายยิ่งนัก สุดที่พีรียาจะยืนทนฟังได้ หล่อนสาดใส่คำพูดแบบสาดเสียเทเสียทันที