“กลิ่นแก้มเธอหอมไม่เบา” กล่าวชมแผ่วผ่าน แล้วอุ้งมือสากระคายก็คว้าหมับเอาแขนเล็ก รั้งแรงๆ เข้าหาตัวเพื่อให้อกอิ่มของเจ้าหล่อนกระแทกบดเบียดกับแผงอกกำยำของตัวเอง และความนุ่มหยุ่นอันแนบแผงอกอยู่นี้ทำให้ปากหยักยกยิ้มพอใจ พริบตาเดียวก็คว้าเอาข้อมือเล็ก รั้งร่างของเจ้าหล่อนออกจากห้องทำงาน เดินเลยผ่านโต๊ะเลขาหนุ่มซึ่งนั่งชะแล่ม เดินเตลิดไปถึงลิฟต์แล้วหายเข้าไปด้วยกันทั้งคู่
เลยผ่านร่วมครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็ก้าวยาวๆ ตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม คว้าวิสกี้มาเทจนครึ่งแก้วแล้วกรอกลงลำคอ ผ่านไปนับสิบนาทีเต็มนั่นแหละถึงได้เดินตัวปลิวไปคว้าเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คตัวใหม่ แต่งกายเรียบร้อยหล่อเหลาเนี๊ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก็ก้าวออกจากห้อง มุ่งลงลิฟต์ตรงไปที่ห้องทำงานเช่นเดิม
ร่างสูงกำยำก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องหนุ่ม ร้อนจนจอห์นต้องเบิกตาอย่างงุนงง เพราะปกติถ้าผู้เป็นนายลากหญิงเข้าไปจัดการยังห้องพักก็คงจะเลยเถิดไปจนสว่างของอีกวัน แต่นี่กลับมายืนหน้าหงิกอยู่ตรงหน้า แถมทำท่าจะสั่งงานเป็นการเป็นงานเสียอีก และสิ่งที่จอห์นครุ่นคิดก็เกิดขึ้นโดยไม่รีรอ
“มีรายงานเรื่องพี่พอร์ชเข้ามาบ้างหรือเปล่า”
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยครับ” บอดี้การ์ดพ่วงเลขาตอบพร้อมส่ายหน้าดิก
“ทำงานประสาอะไร สืบกันตั้งแต่ฉันอายุหนึ่งวันจนยี่สิบเก้าปี สงสัยฉันคงแก่ตายก่อนมั้งกว่าจะได้เห็นหน้าพี่ชาย”
“พวกนักสืบก็ทำงานเต็มที่แล้วนะครับ ผมอ่านในรายงานของพวกเขาแล้ว มันเหมือนมีเส้นบางๆ มากั้น จึงทำให้พลาดข้อมูลล่าสุดไปตลอด สืบค้นอีกทีก็ไร้ร่องรอยไปแล้ว”
“พูดเหมือนมีคนมาปัดฝุ่นก่อนที่เราจะสาวถึงอย่างนั้นแหละ”
ดวงตาคมๆ นั้นหรี่แคบลง “หรือว่าจะมีผีห่าซาตานที่ไหน มาบังตาเข้าให้”
“เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับเจ้านาย” หนุ่มเมืองนอกซึ่งชื่นชอบหนังผีเป็นชีวิตจิตใจว่าแล้วยิ้มน้อยๆ แต่ต้องหุบยิ้มฉับพลัน เมื่ออุ้งมือหนักๆ ของเจ้านายหนุ่มตะปบเข้าบริเวณหัวไหล่กระด้างเต็มแรง
“ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องส่งผีไปสืบแล้วล่ะ” มือของคนพูดบีบเสียจนกระดูกไหล่ของจอห์นแทบหัก “เป็นนายดีไหมจอห์น”
ลูกน้องส่ายหน้าวืดๆ พร้อมยิ้มแหย ก่อนจะทำใจกล้ายกปลายนิ้วแกะอุ้งมือใหญ่พร้อมเบี่ยงไหล่หนีคนเป็นนาย หากปล่อยให้บีบอยู่แบบนี้ จอห์นอาจต้องกลายเป็นผีพิการเดินไหล่เบี้ยวแน่ๆ เมื่อร่างกายเป็นอิสระ ร่างสูงเพรียวของเลขาหนุ่มก็ลุบพึ่บห่างจากเก้าอี้ หนีระยะเอื้อมมือของผู้เป็นนายร่วมเมตรเศษ
“เอาไว้ผมจะส่งผีตนอื่นไปสืบนะครับเจ้านาย” บอกแล้วก็กระโจนจ้วงออกไกลห่าง เพราะอุ้งเท้าหนักๆ ของเจ้านายกำลังจะยกขึ้น ถ้าอยู่ใกล้ๆ จอห์นคงถูกถีบกระเด็น
ด้านเฟียซได้แต่มองเลขาฯ หนุ่มตาขวาง แต่นึกอีกทีการสืบด้วยไสยศาสตร์ก็น่าลองดูเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมานั้นนักสืบที่ส่งไปก็คว้าน้ำเหลวกลับมาทั้งนั้น ลองหลายๆ วิธี มันต้องมีสักทางสิน่า ที่เขาจะพบกับพี่ชายอย่างพอร์ช แฮคตัน ผู้ที่ทุกคนในบ้านรอคอย ถ้าหากพบพี่พอร์ชเขาก็ไม่ต้องมานั่งทำงานงกๆ มีเวลาเหลือเฟือจะเป็นหนุ่มเสเพลยุ่งย่ามอยู่กับอกแท้ๆ ของสตรีทั่วทั้งโลก คนมีความหมายมั่นอยู่ในใจกำลังคลี่ยิ้มร้ายกาจจนคนแอบมองอย่างจอห์นรู้สึกพรึ่นพรึงแปลกๆ
นับสัปดาห์เต็มมานี้ คาสโนวาฆ่าไม่ตายยังคงถูกงานรุมเร้าอย่างหนัก การมานั่งบริหารโรงแรมในเครือที่เมืองไทยเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นจุดด้อยและจุดเด่นของตัวโรงแรมอย่างชัดเจน คราวนี้หนุ่มช่างคิดผู้มีสมองคมกริบฉลาดเป็นกรดไม่แพ้ผู้เป็นพี่ชายคนโตจึงจัดการเนรมิตทุกอย่างของโรงแรมให้ดียิ่งๆ ขึ้น
เอกสารปึกแล้วปึกเล่าถูกมือหนาหยิบขึ้นมาตรวจอ่านอย่างละเอียดยิบ ยอมรับเลยว่าคราวที่แล้วตัวเองทำพลาดไปจริงๆ ที่ปล่อยให้ผิวขาวๆ ของผู้หญิงมาบดบังจนสร้างความฉิบหายให้โรงแรมไปร่วมสิบล้านบาท ร้อนจนคนเป็นพี่ต้องบินมาจัดการ หากคิดดูดีๆ ความผิดพลาดและสะเพร่าในครั้งนั้นก็ดีไม่น้อย เพราะพี่แฟรงค์ของเขาได้ยอดขมองอิ่มอย่างลูกแก้วไปเชยชม และความรักก็หวานชื่นเสียจนเขายังแอบอิจฉาอยู่ลึกๆ แต่เขาไม่มีทางสิ้นคิดแบบพี่ชายเด็ดขาด เรื่องอะไรต้องแขวนความโสดเอาไว้ให้เสียดายด้วยเล่า สู้ใช้ชีวิตสนุกสนานไปเช่นนี้ไม่ดีกว่าหรืออย่างไรกัน
สมองของชายหนุ่มถูกใช้งานอย่างหนักตั้งแต่ช่วงเช้าจนตอนนี้เลยเถิดถึงยามบ่าย แก้วกาแฟเปล่าๆ ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะนับสองแก้ว คุกกี้รสช็อกโกแลตยังคงวางอยู่บนจานกระเบื้องเนื้อดีเท่าเดิม ดวงตาสีดำด้านจับเจ่ายังหน้าของเอกสารซึ่งมุ่งมั่นดูมันอย่างละเอียดมานับสองชั่วโมงเต็ม เสียงเคาะประตูเบาๆ เพียงครั้งพร้อมกับผลักเข้ามานั้น ไม่ได้ทำให้คนที่พุ่งสมาธิกับงานตรงหน้าใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“เจ้านายครับ ผมสั่งมื้อเที่ยงมาให้”
จอห์นว่าแล้วเดินอาดๆ เข้ามา ในมือมีอาหารจานพิเศษที่สั่งตรงจากห้องอาหารของโรงแรมด้านล่างวางไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาได้แล้วก็ชะเง้อหน้ามองคนขยันพลางเอ่ยด้วยเสียงติดจะห่วงใย
“เจ้านายพักกินข้าวก่อนเถอะครับ”
“เอาไว้ก่อน” คนกำลังตั้งหน้าทำงานตอบโดยไม่มอง
“แต่ว่า...”
“หุบปากไปเลยจอห์น ไฟขยันฉันกำลังทำงาน นายอย่ามาดับมันได้ไหม ไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งงานทั้งหมดพวกนี้ แล้วไปกกอีหนูให้สาแก่ใจสักสามเดือนทีเดียว นายจะได้เลิกยุ่งกับฉันสักที”
เงยหน้าขึ้นสบตาพร้อมจ้องเขม็ง ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นเชิงไล่กลายๆ พร้อมกับก้มหน้าลงมาอ่านเอกสารอย่างพิถีพิถันอีกครั้ง ผ่านไปนานอึดใจถึงได้ปิดแฟ้มนั้น รู้สึกว่าข้อมูลตรงหน้ามันเหมือนติดขัดยังไงพิกล ร้อนจงต้องรีบกดโทรศัพท์ออกไปนอกห้อง
“จอห์น คู่แข่งของเรามันเป็นพวกไหน”
“ได้ยินว่าเป็นโรงแรมดังอย่างควีนเวลล์ครับ” จอห์นรายงานเท่าที่รู้มา
“ควีนเวลล์หรือ...” ทวนคำเล็กน้อย
“ใช่โรงแรมที่เพิ่งประกาศตัวเรื่องผู้บริหารคนใหม่ ชื่อ...” หัวคิ้วนั้นชนกันอย่างครุ่นคิด “มาร์ค ควีนเวลล์นั่นหรือเปล่า”
“ครับ มาร์ค ควีนเวลล์ เห็นว่าเป็นหนุ่มหล่อไฟแรง อายุอานามอ่อนกว่าคุณแฟรงค์เพียงสองปี เข้ามานั่งบริหารโรงแรมเพียงไม่กี่ปี ควีนเวลล์ก็สามารถติดหนึ่งในสิบของโรงแรมดัง ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากเข้าพักมากที่สุด”
“ฮึ!” ผู้บริหารหน้าหล่อทำเสียงขึ้นจมูกใส่ “ฉันนึกอยากเจอแล้วล่ะสิ”
“เอาไว้ผมจะหาโอกาสให้นะครับ”
จอห์นตอบและเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงถึงเวลานั้น เพราะไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ได้ข่าวแว่วๆ ว่าบริษัทควีนเวลล์จะทำการเปิดโรงแรมในเครือแห่งใหม่ แถมยังเป็นที่เมืองไทยเสียด้วย ท่าทางจะได้เผชิญหน้ากันในเร็ววันนี้
ได้ยินคำตอบแบบนั้น โทรศัพท์ก็ถูกวางลงตำแหน่งเดิม หัวคิ้วยังคงย่นแทบจะติดกัน ร้อนจนต้องหันหน้าไปมองจอคอมพิวเตอร์แล้วจัดการกรอกชื่อมาร์ค ควีนเวลล์เข้าไป และข้อมูลที่เขาต้องการกลับไม่โผล่มาให้เห็นเลยสักนิด รูปถ่าย หน้าตา ประวัติครอบครัวทุกอย่างเป็นศูนย์หมด กลีบปากหยักจึงได้แต่เม้มเป็นแถบตรง
“ซุกซ่อนประวัติผู้บริหารไว้เสียด้วย”
ไหล่กระด้างไหวน้อยๆ แล้วเลือกหยิบแฟ้มงานใบใหม่ขึ้นมาดู นาทีนี้สมาธิทั้งหมดก็เลยพุ่งไปยังงานตรงหน้า นาทีแล้วนาทีเล่าเลยผ่าน จนตะวันแจ่มชัดนั้นหายลับไปกับท้องฟ้า แสงไฟของห้องส่องสว่างขึ้นตามเวลาดึกสงัด คนที่ยุ่งเหยิงอยู่กับงานเงยหน้าขึ้นมาอีกที ปลายนิ้วเรียวหนาก็ต้องยกขึ้นขยี้ดวงตาเบาๆ จากนั้นร่างสูงกำยำก็ยืดตัวเต็มความสูง
จังหวะเดียวกัน ลูกน้องก็เปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง เพราะนาฬิกาประดับอยู่บนฝาผนังบอกเวลาสามทุ่มพอดี “เจ้านายขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะครับ ผมเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้แล้ว”
“อืม...” คนรับปาก กำลังเอี้ยวตัวบิดซ้ายบิดขวา ก่อนจะโน้มตัวไปคว้าเอาเสื้อสูทซึ่งตัวเองถอดทิ้งตั้งแต่บ่ายมาพาดไว้บนแขน เดินอ้อมออกมาจากโต๊ะทำงาน มุ่งปลายเท้าไปยังประตูห้อง เพียงพ้นออกไปสุ้มเสียงหล่อๆ ของลูกน้องก็ร้องถาม
“เอ่อ...เจ้านายต้องการอะไรคลายเครียดบ้างไหมครับ หลายคืนมานี้ผมยังไม่เห็นเจ้านายหิ้วสาวๆ คนไหนขึ้นไปอิงแอบซบกายเลย”
“ฉันไม่มีแรง” คนตอบนั้นขยับปลายเท้าตรงไปยังลิฟต์ ผ่อนลมหายใจทิ้งเอ่ยลอยๆ “ขึ้นไปถึงห้อง ฉันก็หลับเป็นตายแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นคืนพรุ่งนี้จัดสักหน่อยดีไหมครับ ผมจะเตรียมผิวขาวๆ อกเด้งๆ ไว้ให้”
“อืม...” ครางรับแค่นั้นก็แทรกกายเข้าไปในลิฟต์มุ่งสู่ชั้นบนสุด ปล่อยให้ลูกน้องหนุ่มยืนทำหน้าประดักประเดิด เพราะน้อยครั้งนักที่จะเห็นภาพแบบนี้ มือหนาของจอห์นจึงล้วงโทรศัพท์เพื่อรายงานนายหนุ่มผู้กำลังดื่มด่ำน้ำผึ้งพระจันทร์ซึ่งอยู่อีกฟากของโลกด้วยหน้าเปื้อนยิ้มว่า น้องชายสุดที่รักของเจ้านายที่เคารพโหมทำงานจนลืมสาวๆ ในคลังซึ่งน่ายินดียิ่ง สงสัยมาดามอภิศราและคุณหนูอภิชญาคงต้องจุดพลุยินดีปรีดาแน่ๆ เพราะคนน่าเป็นห่วงนั้นกำลังทำตัวน่ารักขึ้นตามลำดับ
บัดนี้คนตกอยู่ในการสนทนากำลังแทรกกายเข้าไปในห้องพักส่วนตัว มือหนาจัดการโยนเสื้อสูทลงตะกร้าเตรียมซัก พร้อมกับดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากกายจนเปลือยเปล่า แต่เสียงโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกโยนลงบนเตียงก็ทำให้ปลายเท้าซึ่งเตรียมมุ่งเข้าไปในห้องน้ำหยุดชะงัก ดวงตาคมเหลือบมองหน้าจอเล็กน้อย แล้วก้าวมากดรับอย่างรวดเร็ว
“ป๋าเฟียซขา...”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ คนที่เรียกเขาว่าป๋าเฟียซก็คือสาวในสต็อก ผู้ถูกเลี้ยงไว้ดูเล่นๆ “เลนซาเองนะคะ” ยิ่งได้ยินชื่อของนางแบบดังของเมืองแมนฮัตตัน ร่างสูงถึงกับทิ้งตัวลงนั่งบนปลายเตียงในสภาพอิดโรย
“โทรหาผมทำไม”
“เลนซาคิดถึง ป๋าไม่กลับมาที่แมนฮัตตันเลยนะคะ เดี๋ยวนี้ลืมเลนซาแล้วหรือคะ” เจ้าหล่อนกระเง้ากระงอดด้วยเสียงน่ารัก หากคนฟังกำลังทำหน้าหงิกงอ ดวงตาสีดำด้านด้วยเลือดผสมไทยเริ่มคุกรุ่นด้วยความไม่พอใจ
“เธอโทรมาเบอร์นี้ได้ยังไง ฉันเคยสั่งแล้วใช่ไหม ถ้ายังอยากมีเงินใช้ ก็อย่าได้โทรมารบกวน”
“ก็เดือนนี้ป๋าไม่โอนเงินเข้าบัญชีของเลนซา”
หัวคิ้วเข้มๆ ต้องวิ่งชนกันโครมเบ้อเร้อ เลนซาเป็นผู้หญิงคนเดียวซึ่งเขามีสัมพันธ์ด้วยถึงสามครั้ง เพราะเป็นคนแรกที่พรากพรหมจารีของเธอ รวมถึงลีลาน่ารักบนเตียงของเจ้าหล่อน ทำให้เขายอมจ่ายเงินเพื่อซื้อร่างกายนี้ไว้ใช้เพียงคนเดียวเป็นเงินมูลค่าถึงหนึ่งแสนบาทไทยต่อเดือน และเขาก็สั่งให้ธนาคารโอนเข้าให้เธอทุกเดือนนี่ ทำไมเดือนนี้เธอถึงไม่ได้
“ป๋าลืมโอนเงินให้เลนซาหรือคะ”
“เปล่า” ตอบพร้อมส่ายหน้า “เธอไปเช็กดูแล้วใช่ไหม”
“เลนซาเช็กสามรอบแล้วค่ะ” ปลายสายบอกกล่าวด้วยเสียงเนือยๆ พร้อมตัดพ้อ “หรือว่าป๋าจะทิ้งขว้างเลนซา ปล่อยให้เลนซาต้องตกระกำลำบาก พักนี้งานเดินแบบของเลนซาก็น้อยลงเรื่อยๆ”