06 ไม่ใช่

2010 คำ
-KEY TALK- “ไปดูหนังกันไหม” ผมเปลี่ยนเรื่องพูดอีกครั้ง “ไม่สบายรึเปล่าคะ” มือบางยื่นมาแตะอังที่หน้าผากของผม มือที่ต้นแขนมีรอยสักมากมายไปหมด คู่หมั้นที่แสนสวยของผม เธอเปลี่ยนไป และเหมือนจะไม่ได้เปลี่ยนแค่ภาพลักษณ์ ซึ่งผมรู้สึกไม่ชอบใจที่เธอเป็นแบบนี้ “พี่สบายดี ก็แค่อยากดูหนัง จีนดูกับพี่ได้ไหม” ผมไม่เคยขอเธอแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ปกติเป็นเธอตลอดที่จะอ้อนผม เธอนั่งมองหน้าผมสักพัก “งั้นขอเวลาแป๊บนะคะ” เธอบอกแล้วก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือของตัวเอง อาการของเธอเหมือนมีคนอื่น แต่ถ้ามีก็ไม่แปลก เพราะเราไม่เจอกันเป็นปี และผมแทบไม่โทรหาเธอ ซึ่งเธอก็ไม่โทรหาผม ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ผมไม่โทร เธอก็จะเป็นฝ่ายโทร ถ้าหากว่าผมไม่รับ เธอก็จะส่งข้อความมาแทน แต่หนึ่งปีนิด ๆ ที่ผ่านมา มันไม่ใช่ จิลลาไม่เหมือนเดิม เธอไม่ใช่จิลลาคนเดิมของผม “วันนี้คงไม่ได้จริง ๆ ค่ะพี่หมอคีย์ ขอโทษนะคะ” จิลลาเงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกกับผม “จีน” “พรุ่งนี้ไหมคะ หรือพรุ่งนี้พี่หมอคีย์จะกลับแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเราค่อยดูตอนที่พี่หมอคีย์กลับมาที่นี่อีกครั้งนะคะ” ผมยังไม่ได้บอกไหมวะว่าจะกลับพรุ่งนี้ “พรุ่งนี้เลิกเรียนกี่โมง เรียนตึกไหน” “พรุ่งนี้จีนไม่มีเรียน แต่จีนมีธุระ” “งั้นเย็นนี้ไปบ้านปู่พี่ ไปนอนที่นั่นด้วยกัน” ทำไมผมต้องยื้อวะ จิลลาเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ต่างคนต่างอยู่ผมควรจะดีใจสิ แต่ทำไมผมไม่ดีใจกับสิ่งที่เธอเป็นอยู่ “ไม่ได้ค่ะ พรุ่งนี้จีนมีธุระจริง ๆ” “พรุ่งนี้พี่ก็มาส่งได้ไง” “เรียนหนักเกินไปรึเปล่าคะพี่หมอคีย์” จิลลาเธอลุกขึ้นและเดินมานั่งฝั่งเดียวกับผม “ทำไม” “ก็พี่หมอคีย์ดูไม่เป็นตัวเองเลย ทำไมต้องพูดเหมือนอยากอยู่กับจีน” “แล้วทำไมเราต้องทำเหมือนไม่อยากอยู่กับพี่” “จะบ้าเหรอคะ คิดแบบนี้ได้ยังไง จีนรักพี่หมอคีย์จะตาย ทำไมจีนจะไม่อยากอยู่ด้วยคะ แต่พี่หมอคีย์กลับมาแบบไม่บอกจีน จีนก็มีธุระของจีนนะคะ” จิลลาเธอกอดแขนและเอนซบที่ต้นแขนของผม “ทำไมธุระของจีนพี่ถึงรู้ไม่ได้ ท่าทางของจีนเหมือนมีคนอื่น พี่รู้สึกแบบนั้น” “อย่าเอาความรู้สึกของพี่หมอคีย์มาตัดสินจีนสิคะ ผู้ชายที่ทำให้จีนหวั่นไหวได้มีแค่พี่หมอคีย์คนเดียวเท่านั้นค่ะ... อย่ามาทำเหมือนใส่ใจ ทั้งที่จริงดีใจสิคะ” “จีน” “ล้อเล่นค่ะ ไม่เครียดสิคะ แค่ที่มอพี่หมอคีย์ก็น่าจะเครียดมากแล้ว อย่าเอาเรื่องไร้สาระของจีนมาคิดเลยค่ะ” “เราหมั้นกันมาหลายปีแล้วนะจีน อย่าคิดทำอะไรที่มันไม่ดี จีนรู้ใช่ไหมว่าผู้ใหญ่อยากให้เราแต่งงานกัน” ทำไมผมต้องขุดเรื่องนี้ขึ้นมาพูดวะ “ถ้าพี่หมอคีย์ไม่อยากแต่ง ไม่ต้องแต่งก็ได้นะคะ จีนจัดการได้” ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าคำเหล่านี้จะหลุดจากปากของจิลลาที่คอยขอให้ผมเอาใจเธอตลอด “เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ จะให้พี่ไปส่งที่ไหน” เป็นผมเองที่เปลี่ยนเรื่อง “ส่งที่บ้านค่ะ จำทางไปบ้านยายของจีนได้ใช่ไหมคะ” บางทีผมก็เกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของจิลลา เหมือนจะไร้เดียงสา แต่ที่จริงมันร้ายเดียงสา “จำได้ครับ” จิลลาเป็นผู้หญิงจิกกัดเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ เมื่อหนึ่งปีก่อน เธอไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ เมื่อก่อนนั้น เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงงี่เง่า เอาแต่ใจ ที่ต้องการให้ผมอยู่ด้วยบ่อย ๆ คอยตามใจเธอทุกอย่าง แต่ตอนนี้เหมือนมันจะไม่ใช่แบบนั้น -บ้านยายของจิลลา- “พรุ่งนี้ธุระเราเสร็จกี่โมง” ผมเอ่ยถามจิลลาที่เดินออกมาส่งผมหน้าบ้าน หลังจากที่ผมเข้าไปทักทายตายายและน้าจา “อืม... ไม่รู้สิคะ จีนกำหนดไม่ได้ ทำไมคะ” ทำไมต้องทำท่าคิดนาน ทั้งที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน “ก็พี่จะมารับไปหาปู่ไง ปู่บ่นคิดถึงจีน” “มันอาจจะดึกมั้งคะ จีนไม่แน่ใจ ถ้ายังไงเดี๋ยวจีนโทรบอกพี่หมอคีย์นะคะ” “อย่าปล่อยให้คนแก่รอนานนะจีน ปู่ของพี่รอหลานสะใภ้อยู่ อย่าขี้ลืมเข้าใจไหม” ผมยื่นมือไปจับที่แก้มของเธออย่างอ่อนโยน “ไม่มีทางที่จะลืมอีกแล้วค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ จีนรักพี่หมอคีย์น้า...” จิลลาเธอซบแก้มลงที่มือของผมและเดินหันหลังเข้าบ้านไป ผมยืนมองเธอจนเธอหายเข้าบ้านไป ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่จิลลาคนเดิมอีกแล้ว ตื๊ด ตื๊ด... (ว่าไงวะ ได้ข่าวว่ากลับบ้านมาหาเมีย) ไอ้คนที่ผมโทรหา มันพูดทันทีที่มันกดรับสายของผม “วันนี้เล่นร้านไหนวะ” ผมไม่ได้สนคำที่มันถาม (เบรกรัก มาไหม หรือเมียหวง) “เออ ๆ ส่งโลให้หน่อย เดี๋ยวกูออกไปเลย” (เออ) หลังจากที่เพื่อนของผมวางไปไม่นาน แจ้งเตือนไลน์ของผมก็ดังขึ้น ผมกดดูและขับรถไปตามเส้นทางที่เพื่อนส่งโลเคชั่นมาให้ ประมาณหนึ่งชั่วโมงผมก็มาถึงร้านที่เพื่อนของผมมันมาร้องเพลง “หน้าเครียดกว่าเสียงอีกเว้ย ยังไงวะ” ไอ้โน่มือกีต้าร์มันเอ่ยทักเมื่อผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของนักดนตรี “ไม่ยังไง แล้วนี่พวกมึงเล่นกี่โมง” ผมทิ้งตัวนั่งที่โซฟา “ห้าทุ่มสิบนาที แล้วมึงนี่ยังไง ทำหน้าอย่างกับรู้ว่าเมียมีชู้” ไอ้ครีมนักร้องนำมันตอบและพ่วงคำถามต่อท้าย “หมายความว่ายังไง” คำพูดของมันทำให้ผมต้องถามกลับ “แสดงว่ายังไม่รู้” ไอ้ทีมันแสยะยิ้มที่มุมปาก ไอ้นี่มันเป็นมือกลอง “พวกมึงอย่าลีลา อธิบายมาทำว่าถึงหาว่าจีนมีชู้” ผมมองหน้าพวกมันเรียงตัว “ก็เมียมึงมันมีชู้ ควงผู้ชายเข้าผับ เข้าร้านเหล้าไม่ซ้ำหน้า เจอกับพวกกูแทบทุกครั้ง” นี่เสียงของไอ้พุกมือเบสมันพูด “ใครเป็นชู้จีน พวกมึงตลกแกล้งกูรึเปล่า” “รู้จักกันมาตั้งแต่ประถมไหมไอ้คีย์ เรื่องเหี้ยทำด้วยกันมาตั้งเยอะ เรื่องตลกก็ส่วนเรื่องตลก แต่นี่พวกกูจริงจัง เมียที่น่ารักของมึง รอยสักเต็มตัว ควงผู้ชายเปลี่ยนหน้าบ่อยจะตายไป” ไอ้พุกมันยื่นแก้วเหล้าที่เพิ่งจะชงมาให้ผม “...” ผมรับมาแล้วกระดกดื่มรวดเดียว “แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ ยังไงมึงก็ไม่ได้รักจีน แบบนี้ก็ดีแล้ว มึงจะได้ไม่ต้องแต่งกับจีนไง” ไอ้โน่ว่าเสริม “แต่จีนเป็นเมียกู” “เมียที่มึงไม่รัก จะหวงทำเหี้ยอะไร กูก็เห็นผู้หญิงที่มอของมึงมีตั้งเยอะที่มึงเย็xแล้วทิ้ง” ไอ้ครีมมันท้วงบ้าง “แต่กับจีนมันไม่ใช่ มึงก็รู้ว่าเพราะอะไร” “อะ ดูให้เต็มตา นี่ที่พวกกูถ่ายเก็บไว้ได้” ไอ้ทีมันโยนมือถือมาที่ตักของผม ผมกดเปิดดูรูปที่เพื่อนกดค้างไว้ มันคือรูปคู่หมั้นของผมในหลาย ๆ อิริยาบถที่มีต่อผู้ชายหลายคน และทุก ๆ คนที่เธอนั่งเคียงข้าง เธอยิ้มและแสดงความสนิทสนมอย่างชัดเจน “จะว่าไป เอาอันนี้ไปให้ปู่ของมึงกับของปู่จีนดูก็จบนะ ถ้ามึงไม่อยากแต่งกับจีน” ไอ้พุกพูดขึ้นอีกครั้ง “จีนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่กูจะแต่งงานด้วย” “แม้ว่าหัวใจของมึงจะรอลินด์อะนะ มึงไม่มีทางรักจีนได้ ถ้ามึงยังไม่เลิกรอลินด์” ไอ้ทีพูด “...” “ยอมรับเถอะไอ้คีย์ มึงเป็นหมอฟันเพราะอยากสานฝันที่มีร่วมกับลินด์ มึงอยากทำอาชีพเดียวกันกับลินด์อย่างที่พวกมึงสองคนเคยสัญญากันไว้” ไอ้โน่เสริม “...” “แล้วอีกไม่นานลินด์ก็จะเรียนจบและกลับมาไทย มึงเอารูปนี้ไปให้ปู่มึงดูว่าจีนต่างหากที่มีคนอื่น แค่นี้ทางมึงก็ไม่ผิดแล้วไหม” ไอ้ครีมเอ่ยขึ้นบ้าง “กูเลิกรอลินด์นานแล้ว และกูไม่อยากทำร้ายใจจีนอีก แค่ที่ผ่านมามันก็มากเกินพอ” “มึงจะบอกว่ามึงรักจีน” ไอ้ครีมพูดอีกครั้ง “ไม่รักสิแปลก ต่อให้มันเย็นชาแค่ไหน แต่จีนสวยน่ารักขนาดนั้น แล้วมันยังเป็น...” “พอ ๆ กูกลับก่อนนะ ไอ้ทีวานมึงช่วยส่งรูปเข้าไลน์ให้กูด้วย พรุ่งนี้กูจะไปจัดการจีน” ผมตัดบทแล้วลุกเดินออกจากห้องพักของนักดนตรี ‘ลินด์’ เป็นลูกสาวของแม่บ้านที่ทำงานอยู่บ้านของปู่ ลินด์ไม่ใช่คนสวยมากมาย แต่ลินด์ตอนนั้นเป็นคนดี น่ารัก ลินด์ขยัน อดทน ทำงานช่วยแม่ของเธอ ผมกับลินด์เราเคยแอบคบกัน เคยมีความฝันร่วมกัน แล้วมันก็พังลง เพราะย่าจับได้ ย่าบอกให้ผมเลือกว่าจะให้ช่วยเหลือลินด์ต่อแล้วส่งให้เธอไปอยู่ไกล ๆ หรือให้ย่าตัดอนาคตเธอแล้วส่งเธอขายข้ามประเทศ แน่นอนว่าผมเลือกอย่างแรก และเราต้องเลิกกัน แต่คนอย่างปู่กับย่าไม่ช่วยใครฟรี ๆ อยู่แล้ว ‘แกต้องหมั้น หมั้นกับคนที่ฉันหาให้’ นั่นคือคำที่ปู่พูด ผมจำใจตกลง แล้วจากนั้นผมก็เหมือนโดนขังโดยอัตโนมัติ ผมเกลียดคู่หมั้นของผมโดยที่ยังไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ ไม่ต้องถามถึงพ่อกับแม่ เพราะพวกท่านเสียไปนานมากแล้ว ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงผม และย่าเพิ่งจะจากไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคประจำตัว ตอนนี้จึงเหลือปู่แค่คนเดียว และผมต้องตามใจท่านทุกอย่าง เพราะผมไม่อยากให้ท่านเครียดจนต้องจากผมไป ผมอยากมีร่มโพธิ์ร่มไทร ส่วนลินด์ ผมลืมเธอไปนานแล้ว เธอก็แค่ผู้หญิงหลงเงิน ไม่ภักดี ไม่ซื่อสัตย์ เสียแรงที่ผมเคยรู้สึกกับเธอ จนทำเรื่องบ้าบอ โง่เง่าสิ้นดี (KEY: พรุ่งนี้พี่ไปรับ 5 โมงเย็น) (KEY: ยังไงก็ต้องว่าง) ผมกดส่งข้อความไปหาจิลลา มันคือการมัดมือชก และเธอต้องทำตาม หรือบางทีก็อาจจะไม่ทำตามเพราะจิลลาไม่ใช่คนที่จะฟังผมทุกอย่างอีกแล้ว ผมคงจะปล่อยเธอไว้นานเกินไป เธอถึงได้มีคนอื่น ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรถ้าเธอจะไปมีใคร แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ นั่นมันเมียผม ผมยอมไม่ได้ที่เธอจะไปเป็นของคนอื่น แม้ตอนนี้ตามตัวจะมีแต่รอยสักก็เถอะ ยังไงจิลลาก็ยังเป็นจิลลาของผม และไม่มีทางที่เธอจะเป็นของคนอื่นเด็ดขาด!!! -END KEY-
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม