EP00 ll Prologue

1967 คำ
♥선생님 Injured Girl ll หมอคะ ถ้าไม่คบ เป็นศพแน่ หลังโรงเรียนสตรี ณ สถานที่ลับตาคน “มึงมายุ่งกับแฟนเพื่อนกูทำไม?” เสียงตะคอกของหัวโจกประจำแก๊งดังขึ้น ผมยาวไปถึงกลางหลัง นัยน์ตาเรียวรีดุดันพร้อมจะงาบหัวอีเด็กน้อยที่อยู่ในชุดมัธยมปลายสตรีโรงเรียนหนึ่ง เธอหน้าซีดแล้วพยายามจะขยับหนีตอนที่ฉัน อีมินท์ และเดย์ยืนล้อมกรอบเธอกับเพื่อนนักเรียนอีกคน “อะ เอ่อ หนูไม่รู้ว่าพี่เค้า...” อีเด็กน้อยอึกอัก เธอมัดผมม้าสูง ติดโบว์สีดำ แต่งตัวเรียบร้อย ในขณะที่พวกเราทุกคนตรงนี้ผิดระเบียบทุกที่ที่ผิดได้ ฉันทาเล็บสีดำ ลิปสีเชอรี่และปล่อยผมยาว ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ เดย์ ส่วนอีมิ้นต์เชิดหน้าและเหลือบตาต่ำ กัดฟันกรอดจนเห็นเส้นเลือดปูด มันพยายามควบคุมอารมณ์อย่างมาก เพราะแฟนเพื่อนที่เดย์หมายถึงก็คือแฟนมัน อีเด็กน้อยโรงเรียนสตรีมามีกิ๊กกั๊กรักกับแฟนมัน “น้อง สมองนี่ลืมไว้ที่บ้านหรือไงคะ” อีมิ้นต์จิ๊ปาก ก่อนจะจิ้มนิ้วชี้เข้าที่กบาลมันแรงๆ จนหัวเด็กสาวโยกไปฝั่งนึง มันยิ้มแหม่งๆ แล้วกรีดเล็บสีนู้ดลงจากขมับไปที่ข้างแก้มจนเป็นรอยแดง ให้อีเด็กน้อยนั่นกลืนน้ำลายดังอึก “สงสัยต้องตบสักที จะได้มีสมองบ้าง!” “พี่ๆ คะ อย่าทำเพื่อนหนูเลยค่ะ มันไม่รู้จริงๆ ว่าพี่เบรฟมีแฟนอยู่แล้ว” “ก็เพื่อนกูนี่ไงแฟนไอ้เบรฟ ทำไมมึงถึงไม่รู้ แหกตาดูสเตตัสในเฟสบุ๊คบ้างว่ามีแฟนแล้วหรือมึงอ่านภาษาไทยไม่ออก!” เดย์ทำท่าจะบีบคออีน้องที่เข้ามาเสือก ยิ่งมันแก้ตัว ยิ่งเหมือนราดน้ำมันใส่กองไฟ “กูจะสอนมึงเอง... ม ม้า สระอี อ่านว่า มี!” มันว่าแล้วผลักหัวอีเด็กน้อยนั่นจนสะบัดไปฝั่งนึง นักเรียนตัวเล็กขยับถอยหลัง มันก็ยังขยับตามแล้วใช้มือข้างเดิมฟาดกบาลอีกรอบ “ฟอฟัน สระแอ นอ หนู อ่านว่า แฟน” “โอ๊ย” ยัยเด็กนั่นร้องตอนที่เดย์ฟาดแรงขึ้น “สระแอ ลอลิง ไม้โท วอ แหวน อ่านว่า แล้ว!” ป๊าป! มันตีอีก และดอกสุดท้ายอีมิ้นต์ก็เดินเข้าไปกระชากหางม้าแรงๆ จนเด็กนั่นกรี๊ดและหัวโดนรั้งลงด้านล่าง ด้วยความที่มิ้นต์สูงกว่าก็เลยก้มหน้าลงไปตะโกนใส่หูเด็กมัธยมนั่นดังๆ “รวมกันเป็นมีแฟนแล้วไง อีโง่!” “เฮ้ย พี่ มันไม่แรงไปเหรอวะ!” อีเพื่อนรักนั่นพุ่งเข้ามาสอด ก่อนที่จะชะงักเมื่อฉันที่ยืนเงียบก้าวเข้ามาขวางแล้วเอียงคอมองมันอย่างหาเรื่อง นัยน์ตาของพวกเราสบกัน ก่อนที่มันจะกลืนน้ำลายขยับไปก้าวนึงตอนที่ฉันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “อย่าเสือกสิจ๊ะ ไม่น่ารักเลยน้า เดี๋ยวพี่ตบให้หรอกกก” ฉันลากเสียงหวานแล้วยื่นมือไปลูบหัวอย่างเอ็นดู “อยู่เฉยๆ นะจ๊ะ โดนตบมาไม่คุ้มน้า” “เกรท มึงก็เล่นอยู่ได้” อีมิ้นต์หันมาดุ “กูควรเอาไงกับอีนี่ดี” อีมิ้นต์สูดลมหายใจเหมือนพยายามระงับอารมณ์ก่อนจะหันไปมองนังเด็กน้อย “ตบแม่ง ถ้าใครเสือกก็ตบมันด้วย” เดย์ออกความเห็นพร้อมกับเหลือบตามองเพื่อนเด็กน้อยนั่นด้วย “เฮ้ย พี่ ก็ขอโทษแล้วไง...” เสียงคนโดนจิกหัวอ่อยเหมือนจะร้องไห้ “เฮ้อ พวกพี่ก็ไม่ชอบจบปัญหาด้วยการใช้กำลังเหมือนกันแหละ” ฉันถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเข้าไปคลำๆ ที่กระโปรงของเพื่อนอีเด็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์สีชมพูหวานนั่นออกมา แหกดูเห็นแบงค์ห้าร้อยใบนึงกับบัตรนักเรียน บัตรธนาคารหนึ่งใบ ฉันหยิบบัตรนักเรียนกับบัตรประชาชนโยนทิ้งแล้วเขี่ยๆ ว่ามีอะไรที่ใช้ได้บ้าง “มีห้าร้อยเองเหรอ ไรว้า โรงเรียนออกจะหรู” ฉันเบ้หน้า “อะไรของมึงเนี่ยเกรท” อีเดย์หงุดหงิด ฉันไม่ได้ตอบมันก่อนจะเดินไปแตะๆ อีตัวเด็กน้อยนั่นอีกคนและหยิบกระเป๋าเงินสีดำ “อุ๊ย มีแบงค์เทาตั้งสองใบ เพิ่งได้เงินจากพ่อมาใช้สินะ” ฉันแหกกระเป๋ามันดู หยิบบัตรไร้ค่าทิ้งทีละใบ “ค่อยสมเป็นโรงเรียนสตรีหรูหราของเมืองนี้หน่อย” “เอ้า” ฉันหยิบแบงค์เทาให้อีมิ้นต์หนึ่งใบ “พวกมึงแบ่งกันสองคน” “ตลกละ มันต้องหารสามดิวะ” อีมิ้นต์ “แหม ช่วงนี้กูไม่มีเงิน ขอหน่อยละกัน” ฉันพูดจบก็เอาเงินที่เหลือเข้ากระเป๋าตัวเองทันที “กูเป็นคนออกความคิดนะ” “กูไม่สนเงิน กูจะตบมัน” อีเดย์ยังคงยืนยันเจตนารมเดิม “งั้นเอามาให้กู กูสน” ฉันเปลี่ยนจากแบงค์เทาแล้วยื่นให้อีมิ้นต์ห้าร้อย อีมิ้นต์ย่นคิ้วกำลังจะด่าว่าฉันไม่ยุติธรรมฉันเลยยัดเงินเข้ามือมันแล้วหันไปยกเท้าถีบเข้าที่ท้องอีเด็กมัธยมนั่นแรงๆ ทีนึง! ปึง! “นี่แน่ะ มายุ่งกับแฟนเพื่อนกูมันต้องโดน!” “โอ๊ย!!” ด้วยแรงที่มากพอสมควรทำให้เธอล้มก้มจ้ำเบ้า “เกรท...” อีมิ้นต์ชะงัก ฉันรีบโพล่งเรื่องอื่น มันจะได้ลืมเรื่องเงินไปซะ “แรดนักเหรอ จะตบให้มึงหายแรดเลย อีนี่!” ฉันพุ่งเข้าไปซ้ำด้วยการเอาตีนเหยียบเข้าที่เสื้อนักเรียน เห็นดังนั้น พวกมันอีกสองคนก็ลืมเรื่องเงินและวิ่งเข้าไปตะลุมบอน อีเด็กน้อยร้องกรี๊ดในขณะที่เพื่อนมันพุ่งเข้ากระชากแขนเพื่อหยุดการตบตี ทุกอย่างวุ่นวาย และสุดท้ายกรรมดันสนองฉันเพราะอีเพื่อนเด็กน้อยนั่นดันหยิบกรรไกรหันมาทางเรา “กรี๊ดดดดดด” มันหวีดร้องแล้วพุ่งเข้ามาที่ฉันที่กำลังขึ้นคร่อมเพื่อนนางอยู่ อีมิ้นต์กับอีเดย์หลบตามปฏิกิริยาของร่างกาย สมองของฉันสั่งการให้หลบ แต่ร่างกายไม่ขยับตามที่คิด ฉันเบิกตาโพลง เอี้ยวตัวไม่ทันและนั่นทำให้ปลายกรรไกรทิ่มเข้าที่ข้างแขนและกรีดขึ้นมาอีกจนเกือบข้อศอก ฉึก! แคว่ก! “อีเกรทททททท!” ณ โรงพยาบาล สุดท้ายเงินที่ฉันอุตส่าห์งุบงิบมาได้ก็ต้องมาจ่ายให้กับโรงพยาบาล อีมิ้นต์กับอีเดย์ไม่ยอมเพราะเลือดของฉันมันไม่มีทีท่าจะหยุดไหลและอีเด็กนั่นก็โดนฉันที่สวมวิญญาณผีร้ายกับพวกมันช่วยกันตบ ไม่รู้หรอกมันช้ำแค่ไหน แต่ฉันตบแรงจนนิ้วจะส้นแล้ว โมโหเรื่องแย่งแฟนอีมิ้นต์ไม่มากเท่าทำให้แขนฉันมีรอยแผลและต้องเสียเงินค่าหมอเลยอีเด็กเปรต! ฉันเข้าห้องฉุกเฉินมีพยาบาลมาคอยดูอยู่แป๊ปนึง ก็มีคุณหมอหน้าตาบอกบุญไม่รับ อายุอานามน่าจะยี่สิบกว่าๆ นัยน์ตาเรียวรี ผมสีดำสนิท สูงราวๆ ร้อยแปดสิบเดินมาทางฉัน ฉันมองตั้งแต่เขาเดินไกลๆ จนเข้ามาใกล้ในระยะที่เห็นหน้าชัดยันรูขุมขน ถึงจะไม่ได้ออร่ามาก ฉันก็เห็นเค้าหล่อและรังสีความรวยเปล่งประกายออกมาจากคนตรงหน้า เพราะแม้เขาจะสวมกราวน์สั้นสีขาวทับ แต่เสื้อยืดด้านในที่เขาใส่อยู่มันคือแบรนด์ Fred Perry รุ่นนี้ราคาหลายพัน นาฬิกาข้อมือสีดำที่ดูพื้นๆ แต่เป็นรุ่นลิมิตเต็ด ราคาหลักหลายหมื่น ไม่นับรองเท้าที่เขาใส่ ซึ่งฉันมั่นใจว่าหลักหมื่นเหมือนกัน อา... หล่อ หน้าตาดี มีสมอง แถมยังใส่ของแบรนด์แท้ ใจสั่นเลย เข้าใจประโยคที่ว่า เงินมาผ้าหลุด ก็ตอนนี้ “โดนอะไรมาครับ” คนตัวสูงชายตาลงมา แขนเสื้อของฉันถูกพยาบาลตัดออกไป เพราะยังไงมันก็แหว่งอยู่แล้ว คุณหมอสุดหล่อและรวยนั่นขยับโต๊ะมานั่งและสวมถุงมือ ไม่แม้แต่จะมองหน้าสวยๆ ที่ฉันพยายามส่งยิ้มให้ “ไม่ยักรู้ว่าพี่หมอที่นี่หล๊อหล่อ” ฉันแกล้งชมเปาะ เผื่อเขาจะเขิน หยอดนิดหยอดหน่อยเผื่ออ่อยแล้วหมอชอบจะได้จ่ายค่ารักษาแทนฉัน หน้าตาก็ดูมีกะตังค์ ฉันช๊อบชอบ “ดีจังเลย หนูชอบคนหล่อนะพี่” ฉันฉีกยิ้มกว้าง คนตัวสูงเหลือบตามองเล็กน้อย “แผลเรียบดี แบบนี้ต้องเย็บนะครับ พี่พยาบาลเตรียมอุปกรณ์ให้หน่อยครับ ขอยาชาด้วย” อีตาหมอนั่นแกล้งทำเมินความสวยของฉันแล้วหันไปสั่งพี่พยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ ฉันถลึงตาเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มอยู่ “ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอ” “โดนของมีคมมาเหรอครับ?” ไม่ตอบแถมเปลี่ยนเรื่อง... “โดนกรรไกรอ่ะพี่ เจ็บโคตรเลยอ่ะ ถ้ามีผู้ชายดีๆ สักคนมาช่วยรักษาน่าจะเวิร์คเนอะ พี่ว่าปะ” ฉันว่าแล้วส่งสายตาอ่อย ไม่ได้พูดตรงๆ แต่ก็ตั้งใจให้เขารู้ว่าฉันอ่อยอยู่ คนตัวสูงมองแล้วเงียบ ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย อะไรวะ... ปกติทุกคนจะต้องยิ้มบ้างหรือไม่ก็เขินฉันแล้ว ฉันก็สวยนะ หน้าตาก็เป็นเทรนด์นิยมของชายไทย ไซส์นมก็ไม่ได้เล็ก อย่ามาเมินกันดิ “เฮ้ยพี่ อย่าเมินกันดิ ชวนหนูคุยหน่อย เห็นนิ่งๆ แบบนี้จริงๆ หนูกลัวเข็มนะเว้ย ปกติหมอต้องชวนคุยให้คนไข้ไม่ประหม่าไม่ใช่อ๋อ” ฉันจิ๊จ๊ะคุณหมอ เขาทำหน้าสับสนไปเล็กน้อยก่อนที่คุณพยาบาลจะหยิบอุปกรณ์มาให้ “ผมไม่ชอบคุยครับ มันเสียสมาธิ” ตัดบทเก่งจัง... พอเขาพูดแบบนี้ทำให้ฉันไปต่อไม่ถูก คุณพยาบาลเดินมาพร้อมกับอะไรสักอย่าง คนตัวสูงจับแขนฉันแบบไม่ให้ทันตั้งตัวก่อนจะใช้อะไรบางอย่างคล้ายๆ แหนบคีบสำลีแล้วมาวนๆ บริเวณรอบแผลของฉันให้ความรู้สึกเย็นวาบ ฉันนั่งจ้องคนตัวสูงสักพักก่อนจะชะงักเมื่อเขาเลื่อนสายตาขึ้นมาเหมือนรู้ว่าโดนจ้องอยู่ “พี่มีแฟนยัง” ฉันตัดสินใจถาม ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจของคนโตกว่า เขาไม่ตอบแล้วยังคงโฟกัสกับแผลฉันต่อไป ฉันไม่สนใจและพูดต่อ “หล่อๆ แบบนี้มีแล้วแน่ๆ ใช่มะ” “เรื่องส่วนตัวครับ” “เค้าบอกว่าอยากเป็นหมอต้องกินเป๊ปทีน อยากเป็นเมียหมอนี่ต้องทำไงอ๋อ” “ไม่รู้ครับ ไม่เคยเป็นเมียหมอ” เขาพ่นลมหายใจอีกรอบ ขอเดาว่าเขากำลังรำคาญ นั่นทำให้ฉันหงุดหงิดปนสนุก หงุดหงิดที่เขาเมินฉัน แต่ก็สนุกที่ได้ก่อกวน... หล่อ รวย แถมหยิ่งซะด้วย เงินในกระเป๋ายังไม่เท่ารองเท้าข้างนึงของหมอเลย “ละตกลงมีแฟนยัง ถ้ายัง หนูสมัครเป็นแฟนได้ปะ” ฉันแกล้งหยอดกวนๆ ด้วยทีจริงทีเล่น คนตัวสูงหยุดมือแล้วเลื่อนสายตาจ้องฉันด้วยท่าทีดุๆ “ไม่ได้ครับ” คุณหมอปฏิเสธแล้วหันไปดูแผลฉันต่อ ฉันเบ้หน้า เอียงคอเพราะไม่เคยมีใครปฏิเสธฉันขนาดนี้ มีแต่คนแย่งชิงจนเกิดศึก พอเขามาทำท่ารำคาญและหงุดหงิด ฉันเลยรู้สึกเสียเซลฟ์ “อ้าว ทำไมอ่ะพี่ พี่มีแฟนแล้วเหรอ?” เขาเงียบไปอึดใจก่อนจะทำให้ฉันอยากจะทึ้งหน้าหล่อๆ นั่นตอนตอบกลับมา “ไม่มีครับ แต่ผมไม่เอาคุณไง” [100%]
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม