“สี่เสิน เอาเรื่องนี้ก่อน นี่เราลงมาเป็นเด็กกำพร้ากันหรือไร รอบตัวเราไม่มีผู้คน ไม่มีสิ่งก่อสร้างเลยสักแห่ง”
“จริงสิ ไม่มีบ้านเรือนของผู้คนจริงๆ ด้วย แต่อย่างนี้ก็ดีไม่ใช่หรือ เราไม่ได้ถูกกำหนดตัวตนขึ้นมาใหม่แต่ถูกส่งมาอยู่ในสถานที่ ที่ไม่เคยมีใครรู้จักพวกเรา เช่นนี้เราก็ตัดสินใจกันได้ง่ายว่าจะเลือกให้ตัวตนของเราเป็นใคร”
เซียนน้อยเหยาจียักไหล่ทีหนึ่งอย่างซุกซน ไม่มีบิดามารดาก็ดี มีสี่เสินอยู่ด้วยนางก็พอใจแล้ว
“ที่นี่มีต้นไม้และผลไม้เยอะเลยสี่เสิน แม้จะงดงามไม่เท่าเกาะแก้วของพวกเรา อากาศก็มีกลิ่นแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ข้ากลับรู้สึกสดชื่นอย่างแปลกประหลาด” เหยาจีหลับตาพริ้มสูดรับอากาศบนเกาะร้างที่มีทะเลล้อมรอบเข้าปอดไปเต็มลมหายใจ
“เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่ชาย ฝึกเรียกให้คล่องปากเอาไว้จะได้ไม่ลืม ว่าแต่เจ้าเถิดก่อเรื่องราวอะไรลงไป เจ้ากินผลท้อสวรรค์ไปจริงๆ ใช่หรือไม่? รีบเล่าให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้เลย"
“ข้าไม่ได้กินคนเดียวนะพี่ชาย” เหยาจีรีบโบกไม้โบกมือ พอนึกขึ้นได้ว่าตนเองก็ได้กินผลท้อไปเช่นกัน นางก็ก้มหน้าหลบตาสี่เสิน กวาดเท้าไปที่เม็ดทรายละเอียดยิบริมชายหาด ท่าทางอิดออดคล้ายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่
“เรามีกันแค่สองคนแล้วนะเหยาจี เจ้าต้องเล่าให้ข้าฟัง หากเจ้ามีความลับกับข้าอีกข้าจะทิ้งเจ้าให้อยู่คนเดียวให้ดู” สี่เสินรู้ดีว่าเซียนน้อยคนงามของตนมักจะมีเรื่องปิดบังอยู่เสมอ และเมื่อเขาข่มขู่เช่นนี้นางก็ยอมเปิดเผยความจริงออกมาทุกครั้งไป
“ก็ได้ๆ ข้าบอกก็ได้ ว่าแต่พวกเขาจะไม่ได้ยินสิ่งที่เราคุยกันแน่นะเจ้าคะ” เหยาจีเขย่งปลายเท้าขึ้นสูง กระซิบกระซาบไปที่ข้างหูของสี่เสิน พร้อมกับแอบชี้นิ้วขึ้นฟ้า
“ไม่ได้ยินหรอกพวกเขาไม่เห็นเราด้วยซ้ำ เจ้ารีบเล่ามาเถิด ข้าไม่มีอะไรจะทำเบื่อจะแย่แล้ว” เด็กหนุ่มนั่งลงกับพื้นทราย หยิบกิ่งไม้มาขีดๆ เขียนๆ ลงไปบนเม็ดทรายเล่น รอฟังเรื่องสนุกจากผู้ที่จากนี้จะกลายเป็นน้องสาวของตน
“ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าข้าขอบแบ่งผลท้อบนเกาะให้กุ้งหอยปูปลาได้กิน”
“รู้สิ นอกจากพวกสัตว์ทะเลแล้วข้าก็ยังเห็นเจ้าแบ่งให้นก กระรอก กระต่าย มด กินไปอีกไม่น้อยมิใช่หรือ แต่นั่นก็เป็นผลท้อธรรมดากับผลท้อโอสถ เกี่ยวอันใดกับผลท้อสวรรค์กันเล่า?”
“เป็นเพราะผีเสื้อเกล็ดแก้วอย่างพวกท่านไม่ยอมกินน่ะสิ ท่านถึงไม่รู้ความลับของมัน” เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นสูง รู้สึกว่าตนเองฉลาดกว่าสี่เสินได้สักเรื่องแล้ว
“หากฝูซีไม่คอยกวดขันเข้มงวด ใจจริงข้าก็อยากจะลิ้มลองพวกมันไม่น้อยเลย ฝูซีเป็นทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ที่สุดเจ้าก็รู้ แม้แต่เกสรของดอกท้อเขายังไม่ยอมให้พวกข้าไปเชยชม อยากกินอะไรทีก็ต้องบินออกไปนอกเกาะ ข้าล่ะอิจฉาสัตว์เลี้ยงของเจ้าจะแย่”
“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าเสียใจแทนท่านด้วยก็แล้วกัน ทีนี้ข้าจะเล่าให้ฟังต่อ ผลท้อธรรมดากับผลท้อโอสถนั้นเมื่อเทพหรือเซียนกินเข้าไปจะรู้สึกถึงผลของมันเพียงเล็กน้อย แต่มันกลับเป็นสิ่งพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงที่อยู่บนเกาะน่ะสิ พวกมันได้กินนานวันเข้าหลายตัวก็เริ่มพูดคุยกับข้าได้ หรือบางตัวที่พูดไม่ได้ก็ฟังข้ารู้เรื่อง”
“หา!! วิเศษถึงขั้นนั้นเลยเชียวหรือ? เสียดายจังที่เจ้าไม่เล่าให้ข้าฟังตั้งแต่แรกไม่เช่นนั้นข้าคงมีสหายบนสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ข้าจะกล้าบอกผู้ใดเล่า ก็ในเมื่อผลท้อเหล่านั้นข้าก็แอบท่านมหาเทพมู่ซีกินเช่นกัน บางครั้งข้าก็ต้องแสร้งนับจำนวนผิดไปหลายลูกเลยทีเดียวเพื่อเก็บไว้ให้สัตว์เลี้ยงของข้ากิน”
“เด็กโง่! มหาเทพมู่ซีรู้ทุกอย่างที่เจ้าทำนั่นล่ะ นางรู้ว่าเจ้าแอบกินผลท้อมาตลอดแต่นางไม่เคยตำหนิเจ้าเพราะเจ้าไม่เคยไปยุ่งกับผลท้อสวรรค์ต่างหาก ข้าเสียใจแทนนางเหลือเกินที่หลงเชื่อใจคนทรยศเช่นเจ้า!” สี่เสินจิ้มนิ้วไปที่หน้าผากของน้องสาวอย่างแรงจนนางแทบจะหงายหลัง
“สรุปเจ้าก็เป็นคนขี้ขโมยอย่างที่ยอมรับผิดไปจริงๆ ใช่หรือไม่ ข้าผิดหวังเหลือเกินเหยาจี” เด็กหนุ่มโอดครวญแต่ก็อดห่วงน้องสาวไม่ได้อยู่ดี
“ข้าก็เสียใจ แท้จริงแล้วข้าก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก ข้าเห็นผลท้อสวรรค์ผลนั้นค่อยๆ เติบโตจากลูกเล็กจิ๋วจนมันเริ่มโตและเปล่งแสงสีทองออกมาเล็กน้อย ข้าเฝ้ามองดูพวกมันทุกวันและมักจะไปพลิกดูว่ามีมดแมลงมาแอบกินผลท้อสวรรค์หรือไม่ แต่ข้าทำผิดพลาด มีผลหนึ่งก้านของมันอ่อนแอเกินไปมันเลยหลุดติดมือข้าออกมา” เด็กหญิงยู่ปากจนยับย่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนทำผิดโดยไม่ตั้งใจ
“นี่น่ะหรือเหตุผลของเจ้า! มันหลุดออกมาเจ้าก็เลยกินมันเสียเลยเนี่ยนะ! เหยาจีนะเหยาจี เจ้ามันจริงๆ เลย"
“เรื่องมันซับซ้อนยิ่งกว่านั้นอีกพี่ชาย ท่านจำได้หรือไม่ว่าข้าบอกว่าสัตว์เลี้ยงของข้ามีการเปลี่ยนแปลงไป หลายพันปีที่ผ่านมาพวกมันตัวโตขึ้นแข็งแรงขึ้น ยามนั้นข้าไม่รู้ว่าท่านมหาเทพมู่ซีรู้ความลับของข้าแล้ว ข้าก็เลยตัดสินใจทำบางอย่างลงไป”
สี่เสินเปลี่ยนสีหน้าจากการตำหนิน้องสาวมาเป็นตั้งใจฟังนางเล่าเรื่องอย่างนึกสนุก สิ่งใดกันนะที่ทำให้เหยาจีผู้มีเมตตามาตลอดตัดสินใจทำเรื่องร้ายแรงเช่นนั้นได้
“ข้าเอาสัตว์เลี้ยงที่เปลี่ยนแปลงไปของข้าแอบไปปล่อยลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์น่ะสิ ข้ารู้ว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นเส้นทางนำไปสู่ดินแดนอื่น ข้าอยากให้พวกเขาหาที่ซ่อนตัวจะได้ไม่ถูกจับได้”
“โอย..ข้าปวดหัวเหลือเกิน เหยาจี” สี่เสินรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว เด็กหนุ่มหงายหลังล้มตัวลงไปนอนกับพื้นทรายจนแผ่นหลังเปียกชื้นไปหมด
“เอาใหม่นะ เจ้าให้สัตว์เลี้ยงของเจ้ากินผลท้อธรรมดากับผลท้อโอสถ แล้วปล่อยมันลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไป เช่นนั้นพวกมันก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลท้อสวรรค์ที่เจ้ากินไปเสียหน่อย เจ้าก็ยังมีความผิดอยู่ดีนั่นล่ะ ผิดซ้ำผิดซากอีกด้วย!”
“พอผลท้อสวรรค์หลุดออกมาเช่นนั้นทีแรกข้าก็คิดจะไปรายงานกับท่านมหาเทพมู่ซี แต่ข้าเกิดความคิดบางอย่างได้ขึ้นมา ข้าเป็นห่วงสัตว์เลี้ยงของข้า ข้าปล่อยมันลงบ่อน้ำไปคราวละตัวสองตัวนานนับพันปีมาแล้วเลยอยากตามไปดูแลพวกมันบ้าง ก็เลยตัดสินใจกินท้อสวรรค์ไปเสียเพื่อจะได้ถูกลงโทษ แล้วสุดท้ายความคิดของข้าก็เป็นจริง ข้าถูกลงโทษให้โดดลงบ่อจริงๆ ด้วย” เด็กหญิงหัวเราะร่าอย่างลืมตัวว่าเรื่องที่ตนทำลงไปมันร้ายเแรงเพียงใด
“เดี๋ยวนะ! แล้วที่บอกว่าเจ้าไม่ได้กินคนเดียวเล่า ยังมีสัตว์เลี้ยงตัวไหนของเจ้าที่ได้กินผลท้อสวรรค์เข้าไปอีกบ้าง” สี่เสินลุกพรวดขึ้นนั่งตามเดิม ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา
“ก็มีนก สุนัขป่า ลิง กระทิง หมี แล้วก็เสือละมั้ง” เด็กสาวทำท่าครุ่นคิด ยามนั้นนางตื่นเต้นเกินไปสักหน่อย เป็นเพราะกลิ่นหอมของผลท้อสวรรค์ ที่นางแอบนำออกมาที่ส่วนนอกของเกาะแก้วดึงดูดสัตว์บกหลายชนิดให้เข้ามาหานาง นางเลยแบ่งสันปันส่วนให้สหายหน้าใหม่ไปไม่น้อย
“เวรกรรม! แล้วพวกมันทั้งหมดก็โดดลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มาด้วยใช่หรือไม่? หรือยังอยู่บนแดนสวรรค์?”
“กินเสร็จข้าก็ต้องรีบทำลายหลักฐานให้สิ้นซากน่ะสิ ข้าไม่ได้โง่นะ ข้าบอกให้พวกมันโดดลงบ่อไปก่อนผลท้อสวรรค์ที่เหลือจะสุกเต็มที่เสียอีก”
“โง่!! เจ้าน่ะโง่เต็มๆ เลยล่ะเหยาจี ดูเวลานี้สิสัตว์เลี้ยงของเจ้าโผล่หัวมาให้เห็นสักตัวหรือไม่ ที่นี่มีเพียงเราสองคนเท่านั้นล่ะ” สี่เสินลุกขึ้นยืน เบื้องหน้าของตนและน้องสาวมีเพียงท้องทะเลกว้างใหญ่ มองเห็นเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่ไกลๆ เบื้องหลังเป็นภูเขาและป่าไม้เขียวครึ้ม ปูทะเลสักตัวเขาก็ยังไม่เห็น!
“พวกมันก็คงเหมือนเราสองคนกระมัง เมื่อลงมาแดนมนุษย์แล้วเราก็กลายเป็นคนธรรมดา ยามนี้พวกมันก็คงอาศัยอยู่ตามที่ของมัน ไม่สามารถพูดคุยกับข้าได้ดังเดิมแล้วล่ะ” เหยาจีทำหน้าเศร้า นางเคยเหาะเหินบนอากาศได้บัดนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว สัตว์เหล่านั้นก็คงถูกลดทอนพลังไปเช่นเดียวกับนางและสี่เสิน
“เหยาจีเราเลิกคุยเรื่องนี้กันสักพักเถิดข้ารู้สึกปวดท้องน่ะ หรือว่าข้ากำลังหิวอยู่นะ?” เด็กหนุ่มเลิกคิดเรื่องชวนปวดหัวไปในที่สุด เพราะอย่างไรก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว