อีกด้านร่างสูงของลมลากแขนแพรวาเดินออกมาจากร้านอาหารอีกรอบอย่างไว เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสามารถควบคุมตัวเองได้ขนาดนั้น พูดมาได้ยังไงว่าเขาเป็นของเน่าแล้วแพรวาเป็นแมลงวัน
ใช่ ทุกคำพูดคือเขาได้ยินเพราะที่เขาจงใจนั่งตรงนั้นเพื่อให้มีนาได้ยินระหว่างที่เขากำลังมีความสุขกับแพรวา แต่ทว่ากลับกลายเป็นเขาที่หงุดหงิดเพราะถูกพาดพิงว่าเป็นของเน่า
ถ้าเขาเป็นของเน่าจริงแล้วเธออยากมาแต่งงานกับเขาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะเงินทองของเขามันหอมหวาน และตัวเธอเองที่อยากเข้ามาเป็นสะใภ้ของบ้านเขานัก แสดงว่าคำพูดของเธอขัดกับการกระทำจริงๆ
"ลมคะลม คุณจะพาแพรไปไหนอีกแล้ว" แพรวาพยายามจะรั้งเขาเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายพาเธอเดินออกมาไกลจากร้านอาหารตรงนั้นแล้ว กินได้ยังไม่ถึงห้าคำแต่จู่ๆเขากลับลากแขนเธอออกมาโดยเร็ว
แพรวาพูดทั้งที่ยังเคียวอาหารไปด้วยแต่มันใกล้จะหมดเต็มที น้ำยังไม่ทันได้ดื่มต้องยอมให้เขาลากออกมา สรุปว่ามันมีอะไรกันแน่สองครั้งแล้วนะ ร้านอาหารตรงนั้นมันมีอะไรกัน
"เรากลับไปกินกันที่คอนโดเถอะ" ลมบอกอย่างไม่มองหน้าของแพรวา พยายามควบคุมความร้อนรุ่มในใจ
"คะ กลับไปกินกันเหรอคะ" แพรวายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เขาชวนเธอไปกินกันตั้งแต่หัววัน แบบนี้ก็เห็นกันทุกซอกทุกมุมน่ะสิ ชวนให้เธอนึกถึงท่อนเอ็นยักษ์ขนาดใหญ่ของเขาขึ้นมา
"ผมหมายถึงกินข้าวครับแพร เดี๋ยวเราสั่งไปกินกันที่คอนโด" เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะนอนกับใครในตอนนี้
"อะ..อ๋อ กะ..ก็ได้ค่ะ" เมื่อแพรวาพยักหน้าลมก็เดินจูงมืออีกคนออกจากห้างไปทันที
'ทั้งหมดสามแสนสี่หมื่นแปดพันบาทค่ะ'
"ห๊ะ" เมื่อพนักงานคนเดิมนำบัตรเครดิตกลับมาคืนให้กับมีนาพร้อมใบเสร็จ สองสาวที่ได้ยินประโยคชัดเจนถึงกับตาค้าง จานเดียวเนี่ยนะสามแสนสี่หมื่นแปดพันบาท ไม่อยากจะเชื่อหูว่าจะมีอะไรราคาแพงขนาดนี้
"วัตถุดิบมาจากเทือกเขาหิมาลัยหรือไงกันถึงได้แพงขนาดนี้" มิ้นต์พึมพำกับกวางทันทีอย่างที่ได้ยินกันสองคน ขนาดว่าบ้านเธอรวยพอได้ยินราคาแบบนี้ก็ไม่เอาเหมือนกัน
"แต่ฉันว่าวัตถุดิบมันเดินทางมาเองมากกว่าว่ะ ค่าขนส่งคงไม่น่าแพงขนาดนี้" กวางเองก็กระซิบมิ้นต์กลับ
มีนาพยักหน้าให้พนักงานก่อนจะรับบัตรเครดิตกลับมาแล้วหย่อนลงในกระเป๋า
'รอสักครู่นะคะ ไม่เกินสิบนาทีค่ะ' พนักงานคนนั้นบอกเสร็จก็เดินกลับไป
@บนรถ
ติ้ง! ขณะที่ลมกำลังคาดเข็มขัดนิรภัยก็ได้ยินเสียงข้อความในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปกติแล้วมันจะเป็นเสียงเตือนจากอีเมลหรือข่าวสารอะไรต่างๆที่เขาตั้งเอาไว้เป็นเสียงเดียวกัน ชายหนุ่มจึงล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงออกมาดูว่ามีข่าวอะไรด่วนมั้ย
แต่กลับต้องตกใจเมื่อเห็นยอดเงินที่ถูกใช้ สามแสนสี่หมื่นแปดพัน
ติ๊ง! สามหมื่น
ลมถึงกับควันออกหู เรื่องบ้าอะไรวะเกิดมายังไม่เคยเจอ คนบ้าที่ไหนจะใช้เงินมากมายขนาดนี้
"มีอะไรหรือเปล่าคะลม" แพรวาที่คาดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองเสร็จแล้วหันไปหาคนที่นั่งนิ่งกัดฟันกรอด ชะเง้อมองหน้าจอมือถือของเขาแต่มันกลับดับลงไปก่อนแล้ว ก่อนที่ลมจะยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเดิมแต่อารมณ์ไม่เหมือนเดิม เดี๋ยวจะได้เห็นดีกันแน่มีนา
แม่นะแม่กว่าเขาจะหาเงินได้แต่ละบาทแต่ละสตางค์ หาเมียมาให้ลูกก็เอาคนที่มาผลาญ แบบนี้หากแม่เขารู้ว่าว่าที่ลูกสะใภ้แม่จริงๆแล้วเป็นแบบไหน แม่เขาคงต้องขอบายอย่างแน่นอนเพราะแม่เขาเองก็โคตรขี้งก
ลมหักเลี้ยวพวงมาลัยออกจากห้างสรรพสินค้าแล้วรีบบึ่งรถไปยังคอนโดโดยเร็ว ด้วยความรู้สึกที่หัวเสียสุดๆ
@หน้าบ้าน
"ขอบใจที่มาส่งนะ" มีนาบอกกับเพื่อนสนิททั้งสองเมื่อรถมาจอดที่รั้วหน้าบ้านของคุณลมและเธอลงมายืนที่ข้างกระจกรถแล้ว โบกมือให้เพื่อนและร่ำลากันไปก่อนที่หญิงสาวจะหันหลังเพื่อจะเข้าบ้าน เพื่อนก็เคลื่อนรถออกไปแล้วเหมือนกัน
แต่ขาเรียวต้องหยุดชะงักลงเมื่อมีนายังกลับบ้านไม่ได้ในตอนนี้
ร่างเล็กหันขวาทันทีแล้วเดินตรงไปยังรั้วบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างกันเพียงห้าสิบเมตร ยกมือกดออดแล้วรอเจ้าของบ้านเดินมาเปิดให้ในเวลาสี่โมงเย็น
มีนาได้ของฝากเต็มไม้เต็มมือและของเล่นนิดหน่อย ทีแรกกะเอาไว้ว่าวันหลังถึงจะเอามาให้ฟีฟ่าผู้ซึ่งเป็นลูกชายพี่ไฟและพี่น้ำค้าง แต่ยังไงก็มาถึงแล้วช่างเหมาะเจาะดีจริง
น้ำค้างที่พาลูกชายเดินเล่นยามเย็นอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ก็ขมวดคิ้ว ใครมาบ้านอย่างนั้นเหรอ
ด้วยความที่ขอบรั้วมันสูงทำให้ไม่เห็นคนภายนอก แต่น้ำค้างก็ตัดสินใจเดินไปเปิดประตูดู โดยบอกกับทางแม่บ้านที่กำลังจะวิ่งมาว่าเดี๋ยวเธอไปดูเอง
แอรด..
"อ้าวมีน"
"สวัสดีค่ะพี่น้ำค้าง" แล้วสองสาวก็ยิ้มให้กันราวกับคนที่ไม่ได้เจอกันมานานอย่างดีใจ เพราะตั้งแต่วันที่มีนาตัดสินใจมาอยู่ที่บ้านของลมเธอแทบจะไม่มีเพื่อนเลย เพราะน้องน้ำแฟนพี่ดินก็ติดพี่ดินตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดและไม่ค่อยพากันกลับมานอนบ้าน ส่วนมากจะนอนค้างที่ร้านเหล้าเป็นหลัก มีนาเลยเหงาๆ
ก็ได้พี่น้ำค้างที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นมาเธอก็ชอบมาบ้านหลังนี้บ่อยๆจนสนิทกัน และฟีฟ่านั้นพอเห็นสาวๆก็ถูกใจยื่นมือไปหา จนมีนาต้องรีบยื่นของที่ซื้อติดมือมาให้น้ำค้างไปถือเอาไว้ แล้วอุ้มเด็กน้อยมาแนบอก
"มี.."
"มีน" มีนาบอกหนุ่มน้อยที่พยายามจะเรียกชื่อเธอ ฟีฟ่ากำลังหัดพูด
"มี.."
"มีนาครับ"
"นา.."
"หึหึ"
"ไปเข้าบ้านกันมีน" แล้วมีนาก็เดินตามหลังน้ำค้างไป โดยเล่นหยอกล้อกับหนุ่มน้อยไปตามทาง ถ้าหากเปรียบเทียบระหว่างสองบ้านว่าที่ไหนที่ทำให้เห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของหญิงสาวมากกว่าก็คงจะเป็นที่บ้านพี่น้ำค้างเนี่ยแหละ
อยู่ที่นั่นเธอไม่เคยได้สบายใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เลย จะมีก็แต่คำพูดของคุณป้ากับคุณลุงที่คอยปลอบให้หายคิดถึงบ้าน คุณดินและน้องน้ำที่นานๆกลับบ้านที หากวันไหนสองคนนี้ไม่อยู่เธอก็กลับมาเหงาเหมือนเดิม