ตอนที่1 ซูเจิน

959 คำ
แสงสีแดงฉานของเปลวเพลิง ที่ปะทุโชติช่วงชัชวาลขนาดเท่าภูเขาลูกใหญ่กำลังกลืนกินสำนักพยัคฆ์เมฆาหงส์ฟ้าเหินจนย่อยยับทั้งสำนัก ไม่เว้นแม้แต่เรือนเล็กเรือนน้อย เสียงเปรี๊ยะๆ ของเปลวเพลิงมอดไหม้เรือนไม้ผสมผสานเสียงกรีดร้องอันโหยหวนของเหล่าผู้คน เสียงต่อสู้ฟาดฟันของอาวุธมากมายจากหลากหลายผู้คนปะทะใส่กันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน เสียงเหล่านั้นดังสะท้านสะเทือนกึกก้องไปทั่วทั้งภูเขาเร้นลับแห่งนั้น สถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักพยัคฆ์เมฆาหงส์ฟ้าเหิน ซูเจิน หญิงสาวสะพรั่งในวัยสิบหกปี ยังคงได้ยินเสียงและมองเห็นภาพเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ผ่านจิตมโนสำนึกยามหลับตา ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้วหลายราตรี กลิ่นคาวโลหิตโชยฉุนเหม็นคละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณอยู่ทุกสารทิศภายในหุบเขาแห่งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตามเรือนร่างของนางเอง เลือดอุ่นๆ เป็นเมือกเหนียวหนืดติดอยู่ตามวงหน้าและเสื้อผ้ากระทั่งไหลเข้าดวงตา แต่ทว่านางกลับมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนถนัดตาถึงแม้ว่าเปลือกตาของนางในยามนั้นจะหนักอึ้งเต็มที อีกทั้งร่างทั้งร่างของนางยังกำลังร่วงหล่นตกดิ่งลงเหวสูงชันที่อยู่ไม่ไกลกันจากสำนักใหญ่โตที่กำลังมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี ครอบครัวของนาง บ้านของนาง สำนักของนาง บิดามารดาของนาง ญาติพี่น้องทุกคน ตายหมด... จ้าวสำหนักซูหยางบิดาผู้ยิ่งใหญ่ของนางต้องสิ้นชื่อจากเหตุการณ์นั้น นักฆ่าระดับตำนานสู่ดาบเคียงมังกรแห่งองค์จักรพรรดิแคว้นฉู่เมื่อสิ้นพระองค์ดาบคู่มังกรซูหยางจึงปลีกตัวโบยบินสู่โลกกว้างสร้างอาณาจักรเป็นของตนเองจนกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุทธภพภายในเวลาไม่นาน มิคาดว่าจักรพรรดิพระองค์ใหม่จะทรงระแวงเกรงจะเป็นหอกข้างแคร่ทำบัลลังก์มังกรสั่นคลอนด้วยนักฆ่าระดับตำนานย่อมเป็นที่ต้องการของผู้นำหลากแคว้นให้เข้าสวามิภักดิ์ ซูเจินธิดาสาวหนึ่งเดียวของซูหยางเมื่อยามเยาว์วัยยังเคยได้เห็นจักรพรรดิองค์ก่อนกับบิดารักใคร่ฉันท์มิตรสหายกระทั่งนางยังเคยได้ขึ้นนั่งบนพระเพลา(ตัก,หน้าขา)ของเจ้าแห่งแผ่นดินแคว้นฉู่ มิคาดว่าเมื่อสิ้นพระบิดาแห่งแคว้นฉู่ผู้ที่สืบทอดกลับกระทำการไร้ความคิดไล่ปั่นชีวิตของผู้จงรักภักดีแห่งเจ้าเหนือหัวพระองค์ก่อนเสียสิ้นไม่เว้นแม้แต่บ้านของนาง ซูเจินยิ่งคิดยิ่งแค้นจนต้องสำรอกโลหิตในอกออกมาเป็นลิ่มไหลเป็นทางยาวอยู่ตรงริมฝีปาก “ไอ๊หยา! สำลักเลือดออกมาอีกแล้ว สกปรกเสียจริง” เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นอยู่นอกกรงขังใจที่ซูเจินกำลังนั่งอยู่ในนั้น หลังจากตกจากหน้าผาลงมาในลำธารเชี่ยวกรากและถูกกระแสน้ำพัดพามาไกลหลายลี้ สภาพของซูเจินจึงดูไม่เหมือนมนุษย์สักเท่าไหร่ หากบอกว่าเป็นซากศพก็คงไม่ต่าง “สตรีนางนี้มีทั้งบาดแผลทั้งเลือดเปรอะเปื้อน อีกไม่นานก็คงตาย เอามันออกมาแล้วทิ้งไว้ข้างทางนี่ล่ะ” ชายคนเดิมยังคงเอ่ยต่อพลางหันหน้าไปทางบุรุษอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันตรงกลางเมืองที่กำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา “เอาอย่างนั้นหรือหัวหน้า” ชายคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่ามิรู้สึกอะไร “เผื่อว่ามันยังพอขายออกนาท่าน” “จะขายออกได้อย่างไร สภาพเยี่ยงนี้ หอนางโลมก็ไม่รับ โรงเตี๊ยมยังไม่สน เหลาสุรายังไม่เอา ไยต้องเก็บเอาไว้ให้เกะกะรกหูรกตา เอามันออกมา!” ชายคนหัวหน้าบ่นยาวเหยียดตามด้วยออกคำสั่งเด็ดขาดทันที เพียงอึดใจร่างบางที่แสนจะบอบช้ำเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลใบหน้าเปื้อนเปรอะดวงตาหม่นแสงของซูเจินก็ถูกดึงออกมาจากกรงขังในขบวนค้าทาสแล้วถูกเหวี่ยงเอาไว้ตรงริมทางในทันที และเพียงไม่นานต่อมาขบวนค้าทาสดังกล่าวก็เคลื่อนตัวออกไปจากมุมเดิมเพื่อไปหามุมใหม่เพื่อเร่ขายทาสคนอื่นๆ ต่อไป ซูเจินที่ไม่ต่างจากเนื้อตากแห้งได้แต่นอนหายใจรวยรินอยู่ที่เดิมไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้แต่อย่างใด แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะกระดิกนิ้วยังไม่มี นางทำได้เพียงหลับตาลงช้าๆ อย่างต้องการข่มกลั้นความเจ็บปวดที่กำลังมีอยู่ทั่วเนื้อตัว นางต่อสู้กับพวกที่เข้ามาทำลายสำนักของบิดาและได้บิดาปกป้องจนตัวตายเพื่อให้นางได้หนีออกมาจากกองเพลิง แต่ทว่าก็ยังไม่พ้นพวกสวะหลายรายที่ดาหน้ากันเข้ามาหมายปลิดชีพนาง และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางต้องตกหน้าผาลงมานอนจมกองเลือดร่างกายคล้ายแหลกเหลวอยู่ที่ก้นเหวนั่น จนกระทั่งพวกพ่อค้าเร่ขายทาสเดินทางมาพบและเก็บนางมาหวังนำมาทำกำไร มิรู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่นางยังมิตาย นางแค่เพียงบาดเจ็บสาหัส รอยแผลตามตัวพวกนี้ไม่นับว่าเป็นอันใด ถึงแม้ว่านางจะเป็นอิสตรีทั้งยังอายุเพียงสิบหกปีแต่ทว่านางฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่จำความได้ แต่ในยามนี้การถนอมแรงกายเอาไว้นับว่าเป็นการดี การนอนนิ่งๆ เสมือนว่าตายแล้วเยี่ยงนี้นับได้ว่าสมควร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม