“คะ...คุณหนู!! คุณหนูอังเดรใช่ไหมคะ! ฮึก...ฮือๆๆๆ ใช่คุณหนูอังเดรของป้าจริงๆใช่ไหม ฮือๆๆๆ ป้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ ฮือๆๆๆๆ”
พอมาถึงบ้าน ป้าชม้อย แม่บ้านอาวุโสพ่วงตำแหน่งแม่เลี้ยงของอังเดรที่นั่งเหม่ออยู่ในสวนถึงกับตกใจที่หันไปเจออังเดรยืนมองเธออยู่ จากความตกใจในทีแรกแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจอย่างมากมายเมื่อคนที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะและไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกยอมกลับมาที่บ้านหลังนี้ เธอรีบลุกเดินเข้าไปหาพร้อมน้ำตาอาบแก้ม ซึ่งอังเดรก็เผยยิ้มกว้างออกมาอย่างที่ไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้ใครมาก่อน สองแขนใหญ่อ้าออกกว้างโอบกอดร่างเล็กของแม่นมอย่างแสนคิดถึง
“ฮือๆๆๆ ป้าคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอังเดรจนตายซะแล้ว ฮือๆๆๆ ทำแบบนั้นทำไมคะ ฮือๆๆๆ หนีไปทำไม ฮือๆๆๆ”
ปากก็ต่อว่าแต่มือก็โอบกอดร่างใหญ่เอาไว้แน่น ส่วนอังเดรก็ไม่มีอะไรจะพูด ได้แต่เผยยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ได้เจอแม่นมของเขาอีกครั้ง
“รู้ไหมคะว่าป้ารอคุณอังเดรกลับมาทุกวัน...รอแล้วรอเล่า รอจนคิดว่าจะต้องตายเสียก่อนแล้ว ฮือๆๆๆ ทำไมพึ่งกลับมาคะ ฮือๆๆๆ คุณท่าน...ฮือๆๆๆ คุณท่านก็จากป้าไปอีกคน ฮือๆๆๆ”
ป้าชม้อยที่ทั้งเสียใจและดีใจพูดออกมาไม่หยุด มืออันเหี่ยวย่นลูบไปตามแขนล่ำอย่างไม่อยากเชื่อว่าอังเดรจะอยู่ตรงหน้าของเธอจริงๆ
“พอได้แล้วครับ ผมไม่ได้กลับมาเพื่อเช็ดน้ำตาให้แม่นมนะครับ”
อังเดรแกล้งพูดออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ป้าชม้อยอย่างรู้สึกดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยก็ยังมีป้าชม้อยที่รอการกลับมาของเขาอยู่
“แล้วนี่คุณหนู...ไปหาคุณท่านมารึยังคะ?”
เธอถามออกมาด้วยสายตาเศร้าสร้อย
“ครับ พึ่งกลับมา”
“ฮึก...ทำไมไม่กลับมาให้เร็วกว่านี้คะ ฮือๆๆๆ รู้ไหมว่าคุณท่านเอาแต่ถามหาคุณหนู ฮือๆๆๆ”
“เหรอครับ...ผมว่าแม่นมคงหูฝาดไป...เราเข้าบ้านกันเถอะนะครับ ผมอยากพักแล้ว”
อังเดรรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อไม่เคยคิดว่าบิดาจะคิดถึงหรือต้องการให้เขากลับมา เมื่อตลอด 20 ปีที่เขาหายไปนั้นบิดาไม่เคยให้คนไปตามหรือติดต่อเขาไปเลยสักครั้ง
จากนั้นป้าชม้อยก็พาเขาเข้ามาในบ้าน ซึ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากจากที่เขาจำได้
“คุณเกศเธอแต่งบ้านใหม่ทั้งหมด...แต่ห้องของคุณหนูป้าไม่ให้เธอทำอะไร ป้าเป็นคนจัดการทำความสะอาดทุกอย่างไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ครับ...”
อังเดรที่เดินเข้ามามองไปรอบๆด้วยความไม่พอใจ แต่ด้วยเวลากว่า 20 ปีจะให้เหมือนเดินก็คงยาก ก่อนป้าชม้อยจะเดินขึ้นมาส่งเขาที่ห้องนอนของเขา ซึ่งเป็นห้องเก่าและพอเปิดเข้าไปด้านในก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
“เดี๋ยวป้าไปทำอาหารเอาไว้ให้นะคะ คุณหนูพักผ่อนเถอะ”
ป้าชม้อยที่แอบเช็ดน้ำตารีบบอกขึ้นเมื่อเธอดีใจเหลือเกินที่อังเดรยอมกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าอาจจะสายเกินไปแล้วก็ตามที
“คุณผู้ชายให้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับคุณแม่ของคุณหนูเอาไว้ในนี้...”
พอทำอาหารเสร็จ ป้าชม้อยก็เดินถือถาดอาหารเข้ามาให้อังเดรด้วยตัวเอง แล้วก็อดสะท้านในอกไม่ได้ที่เห็นอังเดรนั่งมองรูปในมือซึ่งเป็นรูปถ่ายของมารดาของเขา ที่ยิ้มกว้างและมีหน้าตาเหมือนอังเดรไม่มีผิด
“หึ...คงคิดว่าดีกว่าเอาไปทิ้ง...แล้วเด็กคนนั้น...ลูกสาวของเขาล่ะ”
อยู่ดีๆอังเดรก็ถามถึงเกวรินทร์
“ใครกันคะ?...หรือว่าคุณหนูเกว...”
“ชื่อเกวหรอกเหรอ?...หึหึ ใครจะไปคิดว่าแก่ขนาดนั้นยังมีลูกเล็กอีก”
อังเดรพูดขึ้นพร้อมกับเริ่มโกรธเคืองบิดาขึ้นมาอีกครั้ง เขาคิดถึงมารดาเป็นอย่างมากเมื่อยังจำได้ว่ามารดาของเขานั้นทั้งสวย ใจดีและมีเมตตา แต่ไม่ควรเลยจริงที่มาจากเขาไปเร็วขนาดนั้น
“คุณหนูคงเข้าใจผิด...คุณหนูเกวน่ะเป็นลูกของคุณเกศ เอ่อ ป้าหมายถึงลูกติดน่ะค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นอังเดรก็หันมามองป้าชม้อยด้วยสายตาเป็นคำถาม เพราะที่เขาจำได้คุณเกศรินนั้นแอบเป็นชู้กับบิดาของเขามาสองสามปีก่อนที่มารดาของเขาจะเสียชีวิตซะอีกแล้วจะเป็นไปได้เหรอที่เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกสาวของบิดาของเขา
“ป้าก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายหรอกค่ะ คุณท่านให้ปิดเรื่องคุณหนูเกวเอาไว้...แต่คุณหนูเกวไม่ใช้ลูกสาวของคุณท่านนั่นคือเรื่องจริงค่ะ”
ป้าชม้อยบอกออกมาตามความจริงแต่ก็ไม่หมด เมื่อใครๆต่างก็รู้ว่าเกวรินทร์ไม่ใช่ลูกแท้ๆของเจ้าสัวบัญชรแต่เป็นลูกติดท้องของคุณเกศริน ส่วนเรื่องราวลึกๆนั้นกลับไม่มีใครรู้เรื่องถึงชาติกำเนิดจริงๆของเกวรินทร์นอกจากมารดาของเธอและเจ้าสัวบัญชรที่ล่วงลับไปแล้ว
“ช่างเถอะ ผมไม่สนใจหรอก...มีเหล้าไหม ให้คนยกขึ้นมาให้ผมหน่อย”
“ค่ะ...”
ป้าชม้อยวางถาดในมือลงแล้วเดินกลับออกไปด้วยสีหน้าคิดหนัก เพราะการกลับมาครั้งนี้ของอังเดรอาจสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นที่นี่ก็เป็นได้หลังจากเธอได้เห็นสีหน้าท่าทางและแววตาอันน่ากลัวของเขา
“ป้าชม้อย...เด็กคนนั้นได้กลับมาที่นี่รึเปล่า”
หลังจากสวดศพของเจ้าสัวเสร็จแล้ว คุณเกศรินที่พึ่งกับมาถึงบ้านถามถึงอังเดรทันที
“ค่ะ...ตอนนี้อยู่บนห้อง...เอ่อ คุณผู้หญิงคะ...”
พอรู้ว่าอังเดรอยู่บนห้องของเขา คุณเกศรินก็ไม่รอช้าเดินตรงขึ้นชั้นสองไปทันที ทำเอาป้าชม้อยที่มองตามถึงกับเริ่มหวั่นใจ
แกร็ก! ปัง!!
“กลับมาทำไม! ไหนว่าจะไม่ขอกลับมาเหยียบที่นี่อีก!”
พอผลักประตูห้องของอังเดรเข้าไป คุณเกศรินที่กักเก็บความโกรธเอาไว้มากมายก็ตะโกนถามด้วยสีหน้าบูดบึ้งอย่างที่สุด ส่วนอังเดรที่นั่งดื่มอยู่ก็หันไปมองแม่เลี้ยงของเขาด้วยสายตาเกลียดชัง
“ไสหัวออกไป”
เขาเอ่ยไล่ ก่อนจะกลับไปสนใจเหล้าตรงหน้าต่อ ซึ่งนี่ก็เป็นขวดที่สามแล้ว
“ใครกันแน่ที่ต้องไสหัวออกไป หายไปเป็น 20 ปีแล้วจะกลับมาทำไมห๊ะ? หรือว่าอยากได้สมบัติถึงถ่อกลับมาที่นี่! หึ! หน้าด้านเกินไปรึเปล่า”
เพล้ง!!!!!
คุณเกศรินไม่ยอมหยุด ยังพูดดูถูกและเหยียดหยามอังเดรเสียงดัง ทำเอาอังเดรที่หมดความอดทนกำแก้วเหล่าในมือแน่นแล้วยกมันขึ้นเขวี้ยงใส่คุณเกศรินอย่างแรง ดีที่มันเฉียดหน้าของเธอไปโดนผนังด้านหลังแทน
“ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไป!”
เขาบอกขึ้นพร้อมกับลุกยืนมองมาที่คุณเกศรินด้วยสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกว่าเขาจะทำอย่างที่พูด ทำเอาคุณเกศรินถึงกับกำมือแน่น ร่างเล็กสั่นเทิ้มอย่างโกรธจัด
“แก!!”
“คุณแม่!!!”
เป็นเกวรินทร์ที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายและตามมาด้วยเสียงแก้วแตกรีบวิ่งขึ้นมาชั้นสอง และก็เห็นมารดายืนกำมือแน่นอยู่ในห้องของอังเดรเธอรีบวิ่งเข้ามาหา
“คุณจะทำอะไรแม่ฉันห๊ะ!!”
เธอตะโกนถามอย่างโมโห ตั้งแต่เขาปรากฏตัวทุกอย่างก็ดูแย่ไปหมด
“หึ! ยัยเด็กกาฝาก พาแม่ของเธอไสหัวออกจากบ้านฉันไปซะ ก่อนที่ฉันจะฆ่าทิ้งทั้งแม่ทั้งลูก เป็นปลิงกันรึไงถึงมาเกาะคนอื่นอยู่แบบนี้...ออกไป!”
เขาพูดดูถูกสองแม่ลูก ทั้งสีหน้าท่าทางบ่งบอกว่าเขาเกลียดพวกเธอขนาดไหน
“ไปเถอะค่ะคุณแม่ พูดกับคนบ้ามีแต่จะทำให้เสียความรู้สึก”
เกวรินทร์พยายามดึงมารดาให้เดินออกจากห้องของอังเดรแต่คุณเกศรินก็ขืนตัวเอาไว้และพูดขึ้น
“ฉันจะไม่มีวันยกทุกอย่างให้กับคนเลวๆอย่างแก! แกมันลูกสารเลวที่ทิ้งพ่อของตัวเองให้ตายอย่างโดดเดี่ยว แกมันไม่มีความเป็นคน!”
เพล้ง!!!
“อ๊าย!!!”
และพอคุณเกศรินพูดจบ ครั้งนี้เป็นขวดเหล้าที่ลอยมากระทบผนังแทน ทำเอาเกวรินทร์ที่ทั้งกลัวทั้งตกใจรีบดึงมารดาให้ออกมาเพราะกลัวว่าถ้าเกิดเขาโยนมันมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันอาจไม่พลาดเป้าอีกก็ได้
“ไอ้บ้า! กลับไปอยู่ในที่ของแกสิ! จะกลับมาทำไม! กลับไปอยู่ในรูของแก! อ๊ายยยย!”
คุณเกศรินตะโกนด่าไม่หยุดทั้งๆที่ถูกเกวรินทร์ลากกลับออกมา ความเสียใจและความโกรธที่สะสมทำให้เธอระเบิดมันออกมาจนพวกคนใช้ในบ้านอดสังเวชใจไม่ได้ พอสิ้นเจ้าสัวบัญชร ความสงบสุขก็มลายหายไปพร้อมกับผู้เป็นเจ้าของบ้าน
“ยืนอยู่ทำไม กลับห้องพักไปได้แล้ว”
ป้าชม้อยที่มองไปรอบๆและเห็นพวกคนรับใช้นับสิบกำลังยืนมองไปที่ชั้นสองรีบเอ่ยไล่ ก่อนเธอจะยืนมองขึ้นไปด้วยสีหน้าหนักใจ
“แล้วคนตายจะตายอย่างสงบสุขได้ยังไง...”
เธออดคิดขึ้นมาไม่ได้
ส่วนทางด้านอังเดร ตอนนี้เขากำลังยืนกำมือแน่น หน้าตาบูดบึ้งโกรธเคืองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเกลียดสองแม่ลูกที่พึ่งเดินออกไปอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะเกลียดใครได้มากมายขนาดนี้มาก่อน