“บัวลูก แม่ทำผัดถั่วหวานกับหมูกรอบไว้ให้ลูกมากินข้าวก่อนมาลูกมา” มาลีแม่ของบัวชวนบัวกินข้าว
“จ้ะแม่แต่บัวขออาบน้ำเปลี่ยนชุดนักเรียนก่อนนะจ๊ะ” บัวบอกแม่และเดินเข้าห้องนอนส่วนตัวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมากินข้าวและเล่าเรื่องที่ตนเองไปขอพบนายหัวที่ทุ่งหญ้าให้พ่อกับแม่ฟัง
“แม่จ๊ะบัวไปหานายหัวโตมรมา ไปขอร้องเขาอย่าให้เขายึดบ้านของเรา”
“แล้วไปเจอนายหัวที่ไหนมาละบัว” พ่อของบัวถามน้ำเสียงตกใจ
“ที่ทุ่งหญ้าเลี้ยงวัวค่ะพ่อ” บัวตอบ
“แล้วบัวไปทำไมคนเดียว เขาทำอะไรบัวหรือเปล่า” พ่อของบัวถามน้ำเสียงตกใจมากด้วยความที่เป็นห่วงลูกสาว
“เปล่าค่ะพ่อ เขาไม่ได้ทำอะไรบัว”
“เอ่อบัว แล้วลูกคุยอะไรกับนายหัวเขาไปบ้างละลูก” แม่ของบัวถาม
“บัวไปขอร้องนายหัวว่าอย่าเพิ่งยึดบ้านของเรา บัวขอเรียนให้จบแล้วจะรับผิดชอบหนี้แทนพ่อเอง แต่นายหัวไม่ยอมบอกมันนานไปแต่ก็ยังให้เวลาบัวคิดตัดสินใจอีกสองเดือนเกี่ยวกับข้อเสนอที่นายหัวเสนอให้บัวไปเป็นผู้หญิงของเขา สองเดือนนี้เวลาที่เขาให้แลกกับบัวต้องคุยกับนายหัวทุกวันจ๊ะแม่”
“แล้วบัวว่ายังไงละลูก” พ่อของบัวถาม
"บัวก็รับข้อเสนอเรื่องทดเวลาสองเดือนไปก่อนค่ะ ยังไงเวลามันก็ยังมีให้เราได้คิดหาทางออก ไม่แน่สองเดือนนี้บัวอาจจะซื้อลอตเตอรี่ถูกรางวัลที่หนึ่งก็ได้" บัวพยายามพูดให้ดูตลก แต่ตัวเองก็ขำไม่ออกอยู่ดี
“โธ่ลูกสาวของแม่” มาลีเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวอย่างแสนรักรู้สึกสงสารลูกจับใจ
“แม่จ้ะพรุ่งนี้ทำขนมกรอบเค็มส่งร้านค้าหรือเปล่าจ๊ะ เดี๋ยวบัวช่วยแม่เอง”
“ไม่ทำจ๊ะลูก ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีคนไม่ค่อยซื้อขนม อะไรที่ประหยัดได้ก็ประหยัดกันไปก็เหมือนกับบ้านเรานั่นแหละ อาทิตย์นี้ร้านค้าไม่สั่งมาเลยจ้ะลูก”
“อ๋อจ๊ะแม่ พรุ่งนี้วันเสาร์ครูโสภาเขาจ้างบัวให้ไปช่วยสอนคณิตศาสตร์ให้ลูกชายของเขานะคะแม่ ครูโสภาให้ค่าขนมบัว500จ๊ะ บัวว่าจะเก็บเงินไว้เป็นค่าเรียนต่อ” บัวบอกแม่และยังคงไม่ละทิ้งความฝันของตัวเอง
“แล้วแต่บัวเถอะลูก แม่ว่าบัวก็พักผ่อนเสียบ้างลูกสาวแม่ตัวแค่นี้ต้องมาทำงานหาเงินงกๆ”
“บัวอยากเก็บเงินไว้ใช้ตอนเปิดเทอมปี1 อะไรที่ทำแล้วได้เงินก็ทำไปก่อนจ๊ะแม่ บัวอิ่มแล้วบัวขอตัวไปนอนก่อนนะจ๊ะพรุ่งนี้บัวต้องไปติวให้มาร์คลูกชายครูโสภาแต่เช้า” บัวบอกแม่
“จ๊ะลูกไปนอนเถอะ”
เช้าวันรุ่งขึ้นบัวบุษบาอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเอี๊ยมยีนขาสั้น ผูกผมมวยขึ้นสูงเมื่อแต่งตัวเสร็จก็ขับรถออกจากบ้านไปแต่เช้า ซึ่งก็สวนทางกับนายหัวโตมรที่ขับรถกระบะคันเก่ามาหาบัวบุษบาที่บ้าน มาถึงก็ได้ความจากแม่ของบัวว่าบัวไปติวหนังสือให้ลูกชายครูโสภาที่บ้านเมื่อนายหัวทราบว่าเป็นลูกชายครูโสภาซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนชายโรงเรียนเดียวกันนายหัวโตมรก็เริ่มออกอาการไม่ค่อยพอใจ
สวัสดีครับน้าลี บัวยังไม่ตื่นเหรอครับ”
“โอ๊ยบัวตื่นนานแล้วละคะนายหัว แต่วันนี้เขารับงานติวคณิตศาสตร์ให้ลูกชายครูโสภาออกไปได้สักพักใหญ่แล้วละคะ นายหัวมีธุระอะไรกับบัวหรือเปล่าคะ”
“อ๋อครับ พอดีผมโทรหาเขาแต่เขาไม่รับสายครับผมเลยแวะเข้ามาดู และพอดีที่บ้านได้ปูดำมาจากกระบี่ผมเลยแวะเอามาให้น้าลีทำกับข้าวด้วย นี่ครับ” โตมรอธิบายพร้อมกับยื่นปูให้มาลีแม่ของบัวบุษบา
“ขอบคุณนายหัวมากค่ะ จริงๆ ไม่ต้องลำบากเอามาฝากหรอกค่ะ” มาลีบอกนายหัวโตมรอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับผมตั้งใจเอามาให้ ว่าแต่บัวเขาจะกลับกี่โมงครับ” โตมรถามมาลี
“น่าจะบ่ายเลยนะคะ นายหัวมีธุระด่วนหรือเปล่าละคะ”
“อ๋อไม่มีครับ บัวไปติวให้ลูกชายครูโสภาที่ไหนครับน้า”
“ที่บ้านครูในตลาดนั่นแหละจ๊ะนายหัว”
“ครับงั้นผมขอตัวกลับก่อนครับน้าสวัสดีครับ” เมื่อลาแม่ของบัวเสร็จนายหัวโตมรก็ได้โทรศัพท์หานายสนเพื่อให้นายสนตามไปเฝ้าแม่เนื้อนวลแทนตนเอง ด้วยนายหัวต้องเข้าเมืองไปทำธุระ
“ไอ้สนมึงรู้จักบ้านครูโสภาหรือเปล่าวะ”
“ครับนาย รู้จักทำไมหรือครับ”
“มึงช่วยไปเฝ้าบัวบุษบาแทนกูหน่อยกูมีธุระต้องเข้าเมืองกูเสร็จธุระแล้วเดี๋ยวกูไปรับเขาเอง มึงไปเฝ้าไว้แทนกูด้วยจับตาดูไอ้ลูกชายครูด้วยว่ามันทำอะไรบัวหรือเปล่า”
“ครับนาย เออนายครับใช่น้องบัวคนที่นายเคยให้ผมส่งช่อดอกไม้ให้หรือเปล่าครับ” นายสนถามขึ้นอย่างนึกสงสัย
“เออคนนั้นแหละ ทำไมถามกูทำไม” โตมรขึ้นเสียงถามสนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“เปล่าครับนาย ผมเห็นน้องเขาเรียบร้อยแค่แปลกใจว่าอยู่ดีๆ ทำไมนายถึงเกิดให้ผมไปเฝ้า เขายอมคบกับนายแล้วเหรอครับ” สนถามนายของตัวเองอีก
“ไอ้สนกูเป็นเจ้านายหรือเป็นลูกน้องมึง กูถึงต้องรายงานทุกเรื่องให้มึงทราบ”
“เป็นเจ้านายครับผม ว่าแต่น้องบัวคนเดิมใช่ไหมนาย”
“เออ คนนั้นแหละแล้วอย่าเสือกเรียกเขาว่าน้องบัวด้วยกูไม่ชอบ”
“ครับนาย ครับชัดเจนเลยครับ”
“ชัดเจนอะไรของมึงไอ้สน”
“ก็ชัดเจนว่าคนนี้เป็นว่าที่นายหญิงไงละครับ”
“ไอ้นี่ พูดเยอะเดี๋ยวเถอะมึง หรือกูจะให้คนอื่นไปเฝ้าบัวแทนมึงแล้วให้มึงไปตัดหญ้าให้แม่วัวกูดีกว่าไอ้สน”
“ไม่ดีครับนาย ผมไปเองครับ”
“เออแล้วก็ต้องให้กูอารมณ์เสีย รีบไปเลยนะมึง”
“ครับได้ครับนาย”
สนมาเฝ้าบัวที่บ้านครูโสภาจนเกือบเที่ยงนายหัวโตมรก็กลับจากทำธุระ มาจอดรถรออยู่หน้าบ้านครูโสภาและไล่ให้สนกลับไป นั่งคอยอยู่ในรถสักครู่บัวก็เดินออกจากบ้านมาโดยมีมาร์คลูกชายครูโสภาเดินมาส่งด้วย
“ทำไมรีบกลับจังเลยบัว ไม่กินข้าวเที่ยงกับเราก่อนละ” มาร์คเดินมาส่งบัวและพูดชวนให้บัวอยู่ทานข้าวด้วยแต่บัวปฏิเสธโดยบอกกับมาร์คว่า
“บัวบอกแม่ไว้แล้วว่าจะกลับไปกินข้าวกับแม่ เดี๋ยวแม่จะรอบัวนะมาร์ค”
“บัว เอ่อ คือเรา” มาร์คพูดพร้อมกับจับแขนบัวไว้ก่อนที่บัวจะขับมอเตอร์ไซค์ออกไป
“บัวได้ข่าวว่าบัวได้ทุนไปเรียนต่อครู คือมาร์คก็จะไปกรุงเทพเรียนต่อมหาลัยเอกชน มาร์คเรียนไม่เก่งแค่สอบให้ผ่านไม่ติด0 ได้จบม.6ก็ดีแล้ว คือมาร์คแค่อยากบอกบัวว่า มาร์ค ชอบบัวนะเราลองมาคบกันดูนะบัว” มาร์คบอกความในใจของตน
“คือบัว บัวยังไม่ได้คิดเรื่องนี้มาร์ค บัวขอบใจนะที่ชอบบัวแต่บัวอยากให้มาร์คชอบบัวอย่างเพื่อนคนหนึ่งนะจ๊ะ” บัวตอบปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
“แต่เราไม่ได้ชอบบัวอย่างเพื่อน” มาร์คบอก
“แต่บัวเห็นมาร์คเป็นเพื่อนเท่านั้น เราเป็นเพื่อนกันเถอะความเป็นเพื่อนมันยาวนานกว่าความสัมพันธ์แบบที่มาร์คต้องการนะ” บัวพูดปฏิเสธอย่างมีเหตุผล
ฝั่งนายหัวเมื่อเห็นว่ามาร์คฉุดแขนบัวไว้จึงเดินลงจากรถและเข้าไปแสดงตัวทันที ไม่ทันที่มาร์คจะได้พูดสิ่งใดต่อ
“มีอะไรกันน้องบัว น้าลีให้พี่มารับน้องบัวกลับบ้าน ติวหนังสือเพื่อนเสร็จแล้วใช่ไหมครับ” นายหัวพูดเน้นเสียงคำว่าเพื่อนชัดเจน
“ค่ะ บัวกลับก่อนนะมาร์คฝากสวัสดีครูโสภาด้วย ท่านอยู่ในครัวบัวไม่อยากกวนท่าน” บัวรับคำนายหัวและลาเพื่อนอีกครั้ง มาร์คเองก็ไม่กล้าพูดอะไรกับบัวต่อ ขากลับนายหัวบังคับให้บัวกลับกับตนเองโดยให้สนกลับมาขับรถมอเตอร์ไซค์ของบัวกลับ