Honey Talk
ฉันยืนพิงรถมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกชินชา ฉันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้ายังไงแต่คิดว่ามันคงไม่ได้ดีนักหรอก
...เห็นแฟนตัวเองจูบกับผู้หญิงคนอื่นฉันคงจะยิ้มออกหรอกมั้ง
แต่ประเด็นมันไม่ใช่แค่นั้นเพราะผู้หญิงที่กำลังนัวเนียอยู่กับสิงห์แฟนของฉันนั้นก็คือยัยหญิงแฟนของวิคเตอร์...เพื่อนข้างบ้านตั้งแต่เด็กจนโตของฉันนี่แหละ
...ไม่รู้อีตาบ้านั่นอยู่ไหนถึงปล่อยให้แฟนตัวเองมายุ่งกับแฟนชาวบ้านแบบนี้
"ไม่เข้าไปขัดหน่อยรึไง"
เพียงแค่นึกถึงก็โผล่มาทันที วิคเตอร์พ่นควันบุหรี่ที่อัดเข้าปอดออกมาพร้อมทอดสายตามองไปยังภาพเบื้องหน้า...ภาพคนรักของเราทั้งสองที่กำลังดุเดือดอยู่ในรถ
"นายไปก่อนดิ เดี๋ยวฉันตาม"
วิคเตอร์ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นก่อนใช้ปลายเท้าขยี้จนมันมอดดับแบนติดพื้น สายตาเรียบนิ่งมองตรงเข้าไปในรถเก๋งแบรนด์ญี่ปุ่นที่ขยับขย่มเพราะกิจกรรมที่หญิงชั่วชายเลวกำลังทำ
...ช่างไม่อายฟ้าอายดินเลยจริงๆ
"ไม่รู้สึกไรเลย?"
คำถามของวิคเตอร์ทำให้ฉันนิ่งอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้สักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเห็นอะไรแบบนี้
"นายล่ะ ไม่รู้สึกไรรึไง สิงห์เป็นเพื่อนสนิทกับมิดเดย์เพื่อนนายไม่ใช่เหรอ?"
ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่ายัยหญิงพยายามตื๊อมิดเดย์แต่อีตานั่นกันไปหลงรุ่นน้องปีสามที่ชื่อเมล่อน ตอนนี้ได้ยินว่าคบกันแล้วแถมยังหวานเว่อร์วังน่าอิจฉาขั้นสุด พอย้อนกลับมามองคู่ตัวเองแล้วก็อดถอนใจไม่ได้ สิงห์เป็นคนเจ้าชู้และกระล่อนเป็นที่หนึ่งต่างจากเพื่อนสนิทเขาลิบลับ
...ทั้งที่เขาเป็นแบบนั้นแต่ฉันก็ยังทนคบอยู่ได้ โง่จริงๆ
ฉันเหม่อมองภาพตรงหน้านานเท่าไหร่ไม่รู้แต่มีวูบหนึ่งที่รู้สึกปวดจี๊ดในใจจนต้องละสายตาออกมาและปะทะเข้ากับสายตาเรียบนิ่งที่จ้องมองอยู่ก่อนหน้า
"ทนอยู่ทำไม"
"แล้วนายล่ะยังทนทำไม"
ฉันย้อนถามโดยไม่ได้หวังคำตอบอะไรจากคนอย่างเขา แต่ไหนแต่ไรมาวิคเตอร์ก็เป็นคนพูดน้อยหน้านิ่งแบบนี้อยู่แล้ว และเมื่อไหร่ที่เขาอยากพูดก็จะพูดออกมาเองแต่ถ้าเขาไม่อยากพูดก็เลือกที่จะเงียบแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้
"ไปกินข้าวกัน"
ฉันเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ร้อยวันพันปีคนข้างกายไม่เคยชวนไปไหนมาไหน สงสัยว่าวันนี้กรุงเทพน่าจะฝนตกแล้วล่ะนะ
"นี่นายชวนฉันไปกินข้าวเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ"
ฉันเดินตามติดเขาตรงไปโรงอาหารก่อนจะจับจองโต๊ะใกล้ๆร้านอาหารที่เราเลือกไว้ ฉันกวาดตามองเมนูที่ติดอยู่ด้านบนก่อนจะสั่งบะหมี่แห้งสองชามมาเผื่ออีกคนที่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นล่อสายตาสาวๆที่อยู่แถวๆนี้
...ขี้เก็กไม่เคยเปลี่ยน ฉันแอบนินทาเขาในใจก่อนจะถือถาดใส่บะหมี่มาวางลงบนโต๊ะและเดินไปซื้อน้ำอีกรอบนึง
"น้ำเจ้าค่ะคุณชาย"
วิคเตอร์หยิบขวดน้ำเปล่าไปและเลื่อนขวดน้ำผลไม้ให้ฉัน เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างรักสุขภาพยกเว้นหลังสองทุ่มที่ชอบไปโผล่ตามผับตามบาร์กรอกแอลกอฮอล์เข้าปากไม่ต่างจากคนคนอกหักรักคุด
"คืนนี้ไปแฮงค์เอ้าท์ที่ไหน"
ฉันอ่ยถามคนตรงหน้าที่กำลังคีบบะหมี่เข้าปากอย่างช้าๆ
"จะไปด้วยว่างั้น"
"ถ้านายอนุญาตฉันก็จะไป แต่ถ้าไม่ฉันก็จะไปอยู่ดี"
ฉันไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังเขา ในขณะที่คนอื่นเกรงกับภาพลักษณ์อันสุขุมและเย็นชาของเขา ก็มีเพียงฉันที่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือประหม่าอะไรเพราะรู้จักเขาดีกว่าใครๆบนโลกใบนี้
...จะว่าไปเขาสนิทกับฉันมากกว่าพ่อของเขาซะอีก
"สองทุ่มหน้าบ้าน"
"หื้ม จะให้ไปด้วยจริงอ่ะ"
เขาพยักหน้าและนั่งกินบะหมี่ต่อเงียบๆปล่อยให้ฉันดีใจอยู่คนเดียวที่คืนนี้จะได้หนีเที่ยว ที่สำคัญกว่านั้นไม่ว่าฉันจะไปไหนมาไหนถ้าอ้างชื่อวิคเตอร์ที่ไรคุณพ่อก็จะอนุญาตให้ไปทุกที
...ก็นะพ่อเราสองคนอย่างเกี่ยวดองกันใจจะขาดแต่ลูกๆดันไม่ให้ความร่วมมือ
"พ่อนายยังพูดเรื่องแต่งงานอยู่มั๊ย"
"ทำไม"
"ก็แค่ถามไง พ่อฉันนะพูดกรอกหูว่าอยากได้นายเป็นลูกเขยทุกวัน น่าเบื่อเป็นบ้า"
เขานิ่งเงียบปล่อยฉันให้พูดอยู่คนเดียวโดยไม่สนใจสิ่งที่ฉันต้องการเล่าให้ฟังสักนิด ช่างเป็นผู้ฟังที่ยอดแย่ซะจริงนะคุณชายวิคเตอร์ ฉันคีบเส้นสีเหลืองเข้าปากพลางขบคิดเรื่องที่คุณพ่อพูดไปด้วย อีกไม่กี่เดือนเราสองคนก็จะจบการศึกษาแล้ว หากยังไม่รีบหาคนที่จะลงหลักปักฐานด้วยคงไม่พ้นถูกจับคลุมถุงชนกลายเป็นผัวเมียเข้าสักวันแน่
"คิดอะไร"
"ก็คิดเรื่องแต่งงานไง ถามจริงนายไม่ซีเรียสเลยรึไงยะ"
อีกครั้งที่ฉันไม่ได้รับคำตอบกลับจากเขา คนหน้านิ่งยังคงคีบเส้นบะหมี่ใส่ปากอย่างไม่รีบร้อนที่สำคัญยังดูนิ่งเฉยต่างกับฉันที่กำลังเป็นกังวลอย่างหนัก ฉันอยากให้ความสัมพันธ์ของเรายืนยาว อยากมีเขาอยู่เคียงข้างแบบนี้อย่างสนิทใจ เพราะวันข้างหน้าหากเราแต่งงานกันและเข้ากันไม่ได้ ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาจะจบลงแต่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนก็คงไม่เหลือเช่นกัน...