หนูบัวกลับมาอยู่บ้านได้หลายวันแล้ว วันนี้เธอจะไปที่บ้านของ พี่พอลชายหนุ่มในดวงใจ เพราะไม่ได้เจอกันมานานหลายปี เนื่องจากติดเรื่องเรียน หญิงสาวต้องการให้ตนเองประสบความสำเร็จในด้านการเรียนก่อน เพื่อให้พ่อแม่ภูมิใจแล้วค่อยกลับมาทำตามที่หัวใจเรียกร้อง
“อ้าวหนูบัวแต่งตัวสวยเชียวลูก จะออกไปไหนแต่เช้า” มารดาของหนูบัวทักลูกสาวขึ้นมาเมื่อเห็นเธอแต่งตัวสวยกว่าทุกวัน
“วันนี้หนูบัวจะไปหาน้าแพทกับน้องพราวที่บ้านของพวกเขา”
หญิงสาวอยากจะไปเยี่ยมพวกเขาและชายหนุ่มอีกคน ที่เธอเลือกไปวันนี้เพราะมันเป็นช่วงหยุดยาวหลายวัน หนูบัวคุยกับน้องพราวบ่อยเธอถึงรู้ว่าพี่พอลจะอยู่ที่บ้านในช่วงวันหยุด
“งั้นเหรอลูก ดี ๆ คุณแม่ฝากความคิดถึงให้น้าแพทด้วยนะลูก ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอ ไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์เลย”
สิตาภา หรือ เบล กับ รุ่งฟ้า หรือ แพท ยังติดต่อกันเหมือนเดิมถึงแม้พวกเธอจะมีครอบครัวกันหมดแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนความห่วงใยที่มีให้กันมันยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ค่ะคุณแม่ แล้วแด๊ดดี้ไปไหนทำไมปล่อยให้คุณแม่อยู่คนเดียวปกติจะทำตัวติดกันตลอด” หนูบัวเอ่ยแซวมารดา เพราะปกติเธอจะเห็นบิดาทำตัวติดกับมารดาเสมอ แต่วันนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาจึงสงสัย
“แด๊ดดี้มีธุระกับเพื่อนนะลูก เลยออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า”
“ค่ะ งั้นหนูบัวไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณแม่”
“จ้า หนูบัวจะขับรถเองเหรอ”
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะแค่นี้สบายมาก”
“งั้นระวังตัวด้วยขับรถดี ๆ นะ”
“รับทราบค่ามามี้”
ปกติหนูบัวไม่ค่อยขับรถเองเพราะบิดาเป็นห่วง แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะขับรถไม่เป็นเพราะตอนอยู่อเมริกาขับรถเองประจำ
หนูบัวขับรถมาถึงบ้านของพี่พอลอย่างง่ายดาย เพราะวันนี้ถนนในกรุงเทพโล่งมาก ถึงแม้เธอจะไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้นานนับปีแต่ใช่ว่าตนเองนั้นจะจำเส้นทางไม่ได้เพราะมันฝั่งอยู่ในหัวไปแล้ว
ต่อไปต้องจำเส้นทางไปคอนโดของชายหนุ่มด้วย แต่เธอต้องหาวิธีให้เขาพาตนเองไปที่คอนโดให้ได้ รถของหนูบัวมาจอดที่คฤหาสน์ โอเว่อวิน เธอบีบแตรอยู่ครู่เดียวบอดี้การ์ดที่ดูแลการเข้าออกก็มาถามว่าเธอเป็นใคร พอได้คำตอบก็รีบให้หนูบัวขับรถเข้าไปทันที
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย” หนูบัวเดินลงจากรถแล้วหันไปมองรอบ ๆ อย่างคิดถึง บรรยากาศที่คุ้นเคยมันช่างอบอุ่นใจเหลือเกิน
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมาพบใครคะ”
สาวใช้เดินมาถามหนูบัว
“มาพบคุณรุ่งฟ้ากับคุณหนูพราวค่ะ” หนูบัวหันมาตอบสาวใช้ด้วยรอยยิ้ม
“คุณรอตรงนี้สักครู่นะคะ เดี๋ยวจะไปเรียนให้คุณ ๆ ทราบ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ”
สาวใช้คนนี้เพิ่งมาทำงานจึงไม่รู้ว่าหนูบัวคือใคร
“ชื่อหนูบัวค่ะ”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
สาวใช้รีบเดินเข้าไปหาคุณ ๆ ทุกคนที่นั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ส่วนหนูบัวก็รออยู่หน้าบ้านอย่างตื่นเต้นที่จะได้เจอพี่พอล
“คุณผู้หญิงคะ มีแขกมาขอพบคุณผู้หญิงกับคุณหนูพราวค่ะ”
สาวใช้เดินมาบอกรุ่งฟ้ากับน้องพราว
“ใครกันมาหาตั้งแต่เช้าแบบนี้” รุ่งฟ้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย ใครกันมาหาเช้าขนาดนี้ยังไม่ถึงแปดโมงเช้าด้วยซ้ำ
“นั่นสิใครเหรอ” น้องพราวถามขึ้นมาบ้าง
“เขาบอกว่าชื่อหนูบัวค่ะ”
“หนูบัว!” / “หนูบัว!” / “หนูบัว!” / “หนูบัว!”
ทั้งหมดพูดออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายแต่คนละความรู้สึก เพราะคนอื่น ๆ นั้นดีใจที่สาวน้อยมาหา ส่วนพอลนั้นตกใจมากกว่า
“จ้า มีอะไรก็ไปทำเถอะเดี๋ยวฉันไปหาหนูบัวเอง”
รุ่งฟ้าบอกกับสาวใช้เสร็จก็รีบเดินออกไปหาหนูบัวที่ยืนรออยู่หน้าบ้านพร้อมด้วยคนอื่นยกเว้น พอลคนเดียวเท่านั้น
“หนูบัวลูก” รุ่งฟ้าเดินมาหาหลานสาวที่อีกหน่อยจะมาเป็นลูกสะใภ้ด้วยความดีใจปนตื่นเต้นเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานมาก ส่วนสามีและลูกสาวก็เดินตามหลังมาติด ๆ
“สวัสดีค่ะน้าแพท สวัสดีค่ะลุงคริส” หนูบัวสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง
“สวัสดีค่ะพี่บัว”
น้องพราวเดินมาสวมกอดว่าที่พี่สะใภ้ด้วยความคิดถึง
“เข้าไปข้างในเถอะลูก ลุงมีเรื่องจะคุยกับหนูเยอะแยะเลย”
“ใช่จ้า น้าก็มีเรื่องจะคุยกับหนูเยอะแยะเหมือนกัน”
“ค่ะ แต่หนูบัวเอาของฝากมาด้วยนะคะเดี๋ยวขอไปเอาของก่อน”
หนูบัวรีบเดินไปเอาของที่วางอยู่ท้ายรถ เธอซื้อมาจากอเมริกาเพื่อมาฝากคนบ้านนี้โดยเฉพาะ
“เยอะมากเลยค่ะพี่บัว น้องพราวช่วยค่ะ” น้องพราวเห็นถุงที่หนูบัวเอามาแล้วตาวาวเพราะมันมีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้นแต่ละอย่างหายากมาก
“ขอบใจจ้า” หนูบัวส่งถุงในมือแบ่งให้น้องพราวช่วยถือด้วย
“ไปเถอะลูกถือไหวไหมเดี๋ยวลุงช่วย”
“ไม่เป็นไรค่ะแค่นี้สบายมาก”
“งั้นก็ไปกันเถอะ” ทั้งหมดเดินมาที่ห้องนั่งเล่นซึ่งมีชายหนุ่มเจ้าของหัวใจของหนูบัวนั่งอยู่ไม่ไปไหน
เมื่อหนูบัวเดินมาถึง พอลได้เงยหน้าไปสบตาเธอพอดีทำให้เขารู้สึกใจเต้นแปลก ๆ ชายหนุ่มมองหญิงสาวตาไม่กะพริบเพราะเธอสวยมาก ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีเขาไม่คิดเลยว่าเธอจะสวยมากขนาดนี้
“สวัสดีค่ะพี่พอล” หนูบัวยกมือขึ้นมาไหว้ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าตนเอง แต่พอลกลับนั่งเฉย ๆ ยังมองหน้าของหญิงสาวเหมือนเดิม
“พี่พอลลูก น้องสวัสดีทำไมไม่ตอบน้องเลย”
รุ่งฟ้าเดินมานั่งข้าง ๆ ลูกชายแล้วตำหนิเขาเบา ๆ
“ครับ มามี้ว่าอะไรนะครับ”
พอลหลุดออกมาจากภวังค์หันมาถามมารดาด้วยความงุนงง
“อ้าว พี่พอลไม่ได้ยินที่พี่บัวสวัสดีหรือคะ” น้องพราวเป็นคนถามต่อ
“เอ่อ คือ พี่ใจลอยไปหน่อยเลยไม่ได้ยิน” เขาพูดจริง ๆ ที่ตนเองใจลอยแต่ไม่บอกได้ว่าใจลอยเพราะอะไร
“ถึงว่าละ พี่บัวมานั่งข้าง ๆ น้องพราวค่ะ”
“จ้า” หนูบัวเดินผ่านหน้าของชายหนุ่มไปทำให้เขาได้กลิ่นตัวของเธอซึ่งมันหอมมาก พอลแทบจะเดินตามหญิงสาวไปนั่งด้วยกันเลย
หลังจากนั้นทั้งหมดก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานมีแต่พอลคนเดียวที่นั่งนิ่ง ไม่พูดใด ๆ ออกมาเพราะเขากำลังเก็บข้อมูลของเธออย่างเงียบ ๆ แอบชำเลืองมองหนูบัวเป็นระยะ ๆ ทำเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจแต่ที่จริงเขานั้นกลับสนใจชีวิตของเธอมาก
“ว้าว พี่บัวเก่งจังเลยค่ะเรียนจบปริญญาโทจากมหา’ลัยชื่อดังอันดับโลก น้องพราวอยากเป็นเหมือนพี่บัวจัง” พราวชมว่าที่พี่สะใภ้ด้วยความชื่นชม เธออยากเก่งเหมือนหนูบัวบ้าง
“ถ้าน้องพราวตั้งใจน้องพราวทำได้อยู่แล้วจ้า”
หนูบัวพูดจริง ๆ เธอก็ไม่ได้เรียนเก่งอะไรมากมายแค่ขยันบวกกับมีความจำดีสามารถเข้าใจอะไรได้ง่าย ๆ เท่านั้นเอง
“แล้วกลับมานี้ หนูจะช่วยงานของมาร์คเลยไหมลูก หรือว่าหนูจะลองมาเรียนรู้งานกับพี่พอลก่อน” บิดาของชายหนุ่มเป็นคนเสนอเพราะหญิงสาวเพิ่งเรียนจบยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน ถ้าได้มาลองฝึกงานที่บริษัทของเขาก่อน โดยมีพอลช่วยดูแลมันน่าจะดีกว่า
“หนูบัวยังไม่รู้เลยค่ะ แต่ลุงคริสบอกมาก็ดีเหมือนกันไม่รู้ว่าแด๊ดดี้จะเห็นด้วยไหม”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงลูกแม่ของหนูจัดการได้”
“จริงด้วยค่ะ น้าแพท”
แล้วคำถามต่าง ๆ ก็ถูกถามออกมาไม่ขาดสาย
หนูบัวหันไปตอบคำถามจากลุงคริสน้าแพท น้องพราว จนลืมไปเลยว่ามีชายหนุ่มอีกคนอยู่ในห้องนี้เช่นกัน ซึ่งเขากำลังเก็บรายละเอียดของเธออย่างเงียบ ๆ พอลก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมตนเองถึงได้นั่งฟังทั้งหมดคุยกันโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อเหมือนในอดีต