แพรวรินทร์พาคุณแม่ไปพักผ่อนที่ห้องนอนอีกฝั่ง เธอประคองให้ท่านนั่งลงบนเตียง จากนั้นก็เดินออกไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล และก็ทำแผลให้ท่านเป็นบางจุดในเบื้องต้น พิมประภายื่นมือไปลูบแก้มลูกสาวอย่างรู้สึกผิด ทำให้ลูกมีปมด้อยกับชีวิตในแต่ละวัน และพรุ่งนี้เธอจะทำทุกวิธี เพราะอยากให้ลูกออกไปจากจุดนี้
"พรุ่งนี้หนูเก็บของออกไปอยู่ข้างนอกเลยนะ"
"แต่หนูเป็นห่วงแม่ค่ะ ไม่อยากไปอยู่ที่อื่น"
แพรวรินทร์เอ่ยออกมาน้ำตาคลอเบ้า จะให้เธอทอดทิ้งท่านได้ยังไง คนเป็นลูกสาวมีเงินได้ร่ำเรียนตามที่คาดหวัง ใช้ชีวิตเป็นคนปกติในขณะที่คนเป็นแม่ ต้องมารองรับอารมณ์ของผู้ชายที่ไม่ปกติ เหมือนคนเป็นโรคสองบุคลิก แต่ถ้าให้คาดเดาก็คงเป็นฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ที่ทำให้คนนิสัยเปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
"แม่ขอร้อง อยากให้หนูใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนคนอื่น ไม่ต้องห่วงแม่"
"แต่ว่า..."
"ไปนอนพักผ่อนได้แล้ว ช่วงนี้มีสอบไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวแม่ทำแผลเอง แต่เมื่อกี้แม่เห็นหนูโดนคุณลุงตีด้วย เจ็บตรงไหนไหมแม่ขอดูหน่อย"
หญิงสาวรีบส่ายหน้าทันที เธอไม่อยากให้ท่านรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้อีก จึงทำเป็นเหมือนว่าเธอไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือเป็นอะไรมาก ทั้งที่เธอโดนเมื่อกี้รุนแรงมากสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ
"หนูไม่เป็นอะไรค่ะ คุณลุงเขาไม่ได้ตีแรง แม่นอนพักนะเดี๋ยวหนูไปอ่านหนังสือต่อ"
"จ้ะลูกไปเถอะ"
แพรวรินทร์ปาดน้ำตาก่อนจะส่งยิ้มให้ท่าน และรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที เธอไม่รู้ว่าจะช่วยคุณแม่ยังไง เพราะทุกสิ่งท่านเป็นคนเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าคุณเป็นลูกจะขอร้องอ้อนวอนให้ตาย ท่านก็ไม่ยอมที่จะออกไปจากจุดนี้ และเหตุผลที่ท่านเลือกคงเป็นเพราะเธอมีส่วนแน่นอน
เหมือนกับว่าเธอกำลังมีความสุขสบาย แต่คนเป็นแม่ต้องอดทนรองรับอารมณ์ ขอให้เธอที่เป็นลูกได้มีเงินใช้
"แพรจะช่วยแม่ยังไงดี... ฮึก!"
เช้าวันต่อมา...
แพรวรินทร์ในชุดพยาบาลเดินลงมาจากชั้นบน ใบหน้ามีรอยช้ำ เนื่องจากเมื่อคืนเธอแอบร้องไห้เพราะสงสารคุณแม่ และเมื่อเดินมาถึงชั้นล่าง ก็ได้ยินเสียงคุณลุงพลพลกับคุณแม่ คุยกันอยู่ในห้องครัว ตอนนี้พิมประภากำลังทำอาหารเช้าให้ลูกและสามี ส่วนลุงพลพล ที่ดูเหมือนว่าจะสร่างเมาก็กลับกลายเป็นผู้เป็นคน พูดจาดีอ่อนโยนกับคุณแม่เธอเสียอย่างนั้น
"เดี๋ยววันนี้พี่จะพาพิมไปช้อปปิ้งนะ อยากได้อะไรไหม จะซื้อรถให้ลูกไม่ใช่เหรอจะแวะไปดูหรือเปล่า"
"ไม่รู้ว่าแพรจะอยากได้หรือเปล่าค่ะ อาจจะต้องคุยดูอีกทีหนึ่ง ถ้าซื้อมาแล้วลูกไม่อยากได้จะแย่เอา"
"พิมก็พาลูกไปด้วยสิ"
แพรวรินทร์ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินเข้าไปทักทายทั้งสองคนก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณลุง คุณแม่"
"หนูแพรจะไปทำงานแล้วเหรอ กินข้าวก่อนสิคุณแม่ตื่นมาทำให้ตั้งแต่เช้าเลย"
"ค่ะ แพรมีเรื่องจะคุยกับคุณลุงด้วยนะคะ"
"ได้สิ เดี๋ยวไปคุยกันที่โต๊ะอาหารก็ได้ หนูแพรไปนั่งรอที่โต๊ะเลย เดี๋ยวลุงกับแม่เอากับข้าวไปให้"
เธอมองหน้าคุณแม่ซึ่งท่านพยักหน้าให้เธอไปรอที่ห้องอาหาร ลูกสาวยอมทำตามอย่างว่าง่าย เดินออกไปจากตรงนั้นนั่งรอในห้องอาหาร แต่ไม่นานทั้งสองคนก็เดินเข้ามา พร้อมกับถาดกับข้าวในจานหลายอย่าง
ตลอดการนั่งรับประทานอาหาร คุณลุงพลพลก็ตักกับข้าวให้คุณแม่อย่างเอาอกเอาใจ คงเพราะสร่างเมา และเริ่มรู้ตัวว่าเมื่อคืนเผลอลงไม้ลงมือกับคุณแม่ เช้านี้เขาจึงดูทำตัวดีเป็นพิเศษ
"แล้วหนูแพรจะคุยอะไรกับลุงเหรอ"
"วันนี้แพรจะฝึกงานเสร็จแล้วค่ะ จะต้องได้ทำงานต่อเลยทางโรงพยาบาลรับเข้าทำงานแล้วค่ะ อาจจะต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอก ก็เลยบอกคุณลุงไว้ก่อน"
"อย่างนี้นี่เอง แล้วจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ หรือว่าหนูแพรอยากจะอยู่คอนโด เดี๋ยวลุงกับแม่ไปดูให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ ที่โรงพยาบาลเขามีหอพักให้ แพรไม่รบกวนดีกว่าค่ะ แต่ว่าอยากจะให้คุณลุงดูแลคุณแม่แทนแพร คุณลุงรับปากได้ไหมคะ ว่าจะดูแลคุณแม่อย่างดีที่สุด"
เธอเอ่ยขอร้องอ้อนวอนให้คุณลุงพลพลดูแลคุณแม่เธอให้ดีกว่านี้ ถ้าเขาไม่ไปดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีทางที่จะทำร้ายจิตใจคุณแม่ของเธอเด็ดขาด ท่านพยักหน้าตกลงเพื่อให้ลูกเลี้ยงสบายใจ คนนี้เขารักคุณแม่มาก และที่ไม่ยอมมีแฟนหรือออกไปอยู่ที่อื่น ก็คงเพราะว่าเป็นห่วงแม่มาก
"ลุงสัญญาว่าจะดูแลแม่ให้ดี แพรไปทำงานเถอะตั้งใจนะ ขาดเหลืออะไรก็บอก"
"ค่ะคุณลุง แม่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ"
"จ้ะลูก แม่จะโทรหาทุกวันเลยนะ"
"ค่ะ"
หลังจากวันนั้น แพรวรินทร์ก็ได้เข้าไปทำงานตามที่ตัวเองหวังไว้ เธอเป็นนักเรียนทุนของทางโรงพยาบาล เรียนจบก็ต้องเข้ามาทำงานเพื่อใช้หนี้ทุน แต่ก็ยังคงได้เงินเดือนเท่าคนอื่น เพียงแต่ว่าไม่สามารถย้ายไปทำงานที่ไหนได้ และในสัญญาระบุไว้ว่าเธอต้องทำงานที่นี่ห้าปี แต่สามารถย้ายออกไปได้จนกว่าจะมีเงินมาคืนตามที่สัญญาระบุ แต่เธอคิดว่าที่นี่เงินดีที่สุดคงไม่ย้ายไปไหนหรอก
"แพรจ๊ะ อาจารย์หมอเรียกให้ไปพบน่ะ เห็นว่ามีเรื่องจะคุยด้วย"
แพรวรินทร์ในชุดพยาบาลกำลังถือชาร์ตของคุณหมออยู่ และเมื่อได้ยินรุ่นพี่บอกแบบนั้น ก็เอาของไปเก็บไว้ให้คุณหมอที่โต๊ะ จากนั้นก็รีบเดินไปหาอาจารย์หมอที่ห้องพักในทันที
หญิงสาวเคาะประตูเพื่อส่งสัญญาณให้คนข้างใน และเมื่อได้ยินเสียงการอนุญาตจากอาจารย์หมอ ก็ค่อยๆ บิดลูกบิดประตูเข้าไปข้างใน
"สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ เห็นรุ่นพี่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับหนู"
"นั่งก่อนสิแพร"
แพรวรินทร์ขยับตัวเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ ที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะของอาจารย์หมอ จากนั้นก็ได้รับแฟ้มเอกสารที่เขายื่นส่งมาให้ เธอลองเปิดดูก่อนจะนิ่งเงียบเพราะในเอกสารใบนั้น คือข้อมูลคนไข้ซึ่งเป็นมาเฟียที่ทุกคนรู้จักดี เธอไม่ค่อยอยากจะไปยุ่งกับพวกเขาเลย เพราะเราไม่รู้ว่าใครมีนิสัยเป็นยังไง และถ้าให้เธอคาดเดามีโอกาสที่จะต้องได้ไปดูแลเขา
"คนนี้คือคุณไฮดรา ท่านเป็นคุณพ่อของนายใหญ่แห่ง west sands คุณฟินิกซ์เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของทางโรงพยาบาล ตอนนี้คุณท่านเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัด ลูกชายเขาต้องการได้พยาบาลไปดูแลคุณพ่อ และที่เขาระบุมาอาจารย์ว่าแพรเหมาะสมที่สุด"
"แพรต้องไปอยู่ที่บ้านเขาเหรอคะ"
"ใช่... แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ตระกูล west sands เขาเป็นคนจิตใจดี ยิ่งนายใหญ่เขาเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งเลย ไม่ได้ดิบเถื่อนเหมือนมาเฟียคนอื่นที่เคยได้ยินมา และแพรอยู่ได้สบายมาก ตกลงรับงานนี้นะ คุณฟินิกซ์เขามีเงินพิเศษให้ด้วย เดือนละหนึ่งแสนบาท"
เมื่อเห็นตัวเงินหญิงสาวก็ตาโตก่อนจะรีบตอบรับทันที เงินตั้งหนึ่งแสนบาทใครบ้างจะปฏิเสธ
"รับค่ะ เงินเยอะขนาดนี้ใครไม่เอาบ้าง"
"ไม่ต้องห่วงเงินที่โรงพยาบาลยังได้เหมือนเดิม เพราะว่าการที่แพรไปดูแลคุณท่าน ก็เท่ากับว่าทำงานเหมือนกัน แพรจะอยู่ที่นั่นนานเท่าไหร่ก็อยู่ที่ทางนั้น ถ้าคุณท่านหายเร็ว และไม่ต้องการพยาบาลคอยดูแล ถึงตอนนั้นก็กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม"
"ตกลงค่ะ แพรรับงานนี้ค่ะ"