ร่างมังกรขนาดยักษ์ค่อยๆย่อขนาดลงกลายร่างเป็นมนุษย์สตรีในชุดแต่งกายสีขาว รวบผมสีดำขลับอย่างง่ายๆปักด้วยปิ่นหยกสีขาวมีตุ้งติ้งขนาดเล็กห้อยลงมาดูงดงาม ยืนหันหลังห่างออกไปเพียงสองก้าวก่อนที่จะค่อยๆ หันร่างกลับมาใบหน้างดงามดวงตากลมโตคิ้วเรียวงามริมฝีปากเชิดรั้น มองดูมั่นใจในตนเองทั้งยังดูเหยียดยามทุกสิ่งในสายตาราวกับว่าโลกทั้งโลกไม่มีสิ่งใดสำคัญ
“ท่าน.. เป็นสตรีหรือ ข้าคิดมาตลอดว่าท่านเป็นบุรุษมาตลอด ข้า ข้าหยาบคายใส่ท่านหลายครั้งเหตุใดท่านไม่บอกข้าว่าเป็นสตรี ข้าๆ”
“ข้าๆๆ อะไร ทำไมมังกรมีแต่เพศผู้หรือไง ข้าเป็นสตรีแล้วไม่ใช่มังกรหรือไง บุรุษสตรีแยกแยะเพื่อสิ่งใด”
“ท่านอายุเท่าไหร่กันแน่ เหตุในร่างมนุษย์จึงดูงดงามเช่นนี้”
“เจ้าเด็กบ้า ข้าใช้ร่างมนุษย์ในรูปลักษณ์นี้มาตลอด ข้าอายุเท่าใดจำเป็นต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์มนุษย์ให้เพิ่มตามด้วยหรืออย่างไร เจ้าเคยเห็นสตรีที่อายุแสนกว่าปีหรือไม่”
“ขอโทษขอรับ ข้าแค่ถามเพราะอยากรู้ไม่ได้อยากเห็นตอนท่านน่าเกลียดสักหน่อย”
“ฮึ แน่นอนข้างดงามตลอด ไม่เคยน่าเกลียดแม้เจ้าอยากเห็นก็คงหมดโอกาส”
ฟ่านหงอี้รู้สึกไม่อยากห่างจากหนิงหลงมังกรขาวที่สั่งสอนเขามากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมา ให้เขากลับไปหามนุษย์จะต้องทำตัวอย่างไรเขายังนึกไม่ออกแต่ถ้าให้อยู่กับนางคงจะดีกว่า
“พวกเราต้องแยกจากกันจริงๆ หรือ”
“เจ้าคิดว่ามนุษย์อย่างเจ้าสามารถอยู่ในแดนมังกรได้หรือ ถ้าเจ้าทำได้ก็ไปอยู่กับข้าได้”
“ท่านพูดจริงนะ จากนี้ไปให้ข้าเรียกท่านว่าหนิงหลงได้หรือไม่”
“ได้”
“เจ้าวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
“ข้าจะท่องเที่ยวไปทั่วดินแดนมนุษย์ ข้าจะเสาะแสวงหาวิธีการให้สามารถไปอยู่กับท่านให้ได้ หนิงหลง”
“ข้าหวังว่าได้พบเจ้าอีกครั้งเช่นกัน ข้าจะรอเจ้า”
ทั้งสองคนนั่งคุยรำลึกความหลังกันตลอดทั้งคืนจนเช้า ก็บอกลากันก่อนที่จะแยกจากมังกรหนิงหลงได้มอบจี้บางๆให้กับชายหนุ่มเก็บไว้เป็นที่ระลึก
“สิ่งของที่อยู่ในที่พักแห่งนั้น ยามต้องการใช้ให้เจ้านึกถึงมันแล้วใช้เวทย์ที่ข้าสอนเรียกมันออกมาทั้งหมดที่เจ้าเคยเห็นล้วนให้เจ้า หรืออยากกลับไปที่นั่นเจ้าก็ได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปได้สำหรับนี่ข้าให้เจ้าเก็บไว้เป็นที่ระลึกหากเจ้าได้รับอันตรายก็ให้เอาเลือดหยดลงบนมัน ข้าจะไปช่วยเจ้าเอง”
“ข้าจะเก็บไว้อย่างดี หนิงหลงท่านรอข้าสักวันหนึ่งข้าจะต้องไปหาท่านให้พบ”
ชายหนุ่มเรียกสร้อยคอจากในถ้ามาหนึ่งเส้นลวดลายไม่ดึงดูดสายตานักร้อยจี้ใส่คล้องคอเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าจี้ที่ได้มาคือเกล็ดมังกรของหนิงหลง
“หึ หากเจ้าทำได้จริงข้าจะรอ ยังไงเสียข้าก็มีอายุมายาวนานคงไม่ตายก่อนเจ้าแน่นอน”
“ท่าน พูดไม่เป็นมงคลเลย หนิงหลงท่านเรียกชื่อข้าแทนเสี่ยวอี้ได้หรือไม่ ข้าโตแล้วมิใช่เด็กๆ”
“ฮ่าฮ่า เจ้าโตเป็นหนุ่มแล้ว รู้จักอายเสียด้วย ได้ได้ หงอี้ หงอี้ พอใจหรือยัง”
ชายหนุ่มยืนยิ้มให้กับเงาร่างของสตรีที่ค่อยๆ จางหายกลายเป็นมังกรตัวใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศส่งเสียงคำรามดังสนั่นก่อนที่จะหายลับไปต่อหน้า
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่นานก่อนจะเริ่มเก็บสิ่งของต่างๆ (เขาจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก) ไม่รู้ว่าความผูกพันนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร เขามีเพียงมังกรยักษ์อยู่เคียงข้างในคราบงูขาวมานานหลายปี ยามนี้อยู่ตัวคนเดียวรู้สึกเหงาเหลือเกินเขาอยากติดตามอยู่ข้างกายไม่ว่าจะเป็นมังกรยักษ์ งูขาว หรือสาวงาม
ไม่ว่าจะต้องลำบากเท่าใดเขาจะต้องหาทางไปยังดินแดนมังกรให้ได้ ดังนั้นจำเป็นต้องเสาะหาคนที่มีข้อมูล หนิงหลงสิ่งที่ท่านให้ข้ามาทุกอย่างข้าจะใช้มันเพื่อเสาะแสวงหาดินแดนมังกร
เมื่อวานเขาได้เข้าไปในที่พักของหนิงหลงค้นหาอยู่นานในที่สุดเขาก็ได้ในสิ่งที่คิดว่ามีประโยชน์เป็นตำราการรักษา ตำราเวทย์มนต์และตำราการใช้อาวุธที่เดิมทีฝึกแค่ให้สะดวกในการใช้จับสัตว์มาเป็นอาหาร แต่ตอนนี้เขามีเป้าหมายจำเป็นต้องฝึกทุกศาสตร์ที่มีอยู่ให้มากที่สุด เขาต้องฝึกมันทุกวันจึงเลือกที่จำเป็นบางส่วนย่อขนาดแล้วนำติดตัวไปด้วย โชคดีที่หนิงหลงสอนเขาเอาไว้
เขากระโดดขึ้นไปบนยอดไม้ มองไปทุกทิศต้องไปยังหมู่บ้านเพื่อหาข้อมูล ใช้เวลาเดินลงเขาห้าวันจึงได้เห็นหมู่บ้าน ชายหนุ่มมองเห็นคนเดินสวนทางมา จึงเดินเข้าไปทักเพื่อสอบถามรายละเอียด
“ท่านลุง ไม่ทราบว่าที่นี่คือเมืองใดหรือขอรับ”
ชายชรามองดูชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวที่ แต่งกายด้วยผ้าเนื้อดีดูไม่เหมือนชาวบ้านแถวนี้ จึงยิ้มให้แล้วตอบอย่างใจดี
“ที่นี่หมู่บ้านเสวียนเฉิน เมืองลู่อี้ พ่อหนุ่มเดินทางมาจากที่ใดกันรึ”
“ข้าท่องเที่ยวไปทั่ว แค่เพียงผ่านทางมาไม่ทราบว่าจากนี้ไปจะมีที่พักค้างคืนได้บ้างขอรับ”
“ข้าก็ไม่แน่ใจนะ ในหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีโรงเตี๊ยมให้พักหรอกพ่อหนุ่ม ห่างออกไปสักยี่สิบลี้มีหมู่บ้านซ่างเหวินที่มีขนาดใหญ่กว่าหมู่บ้านเราพอมีโรงเตี๊ยมให้พัก แต่ถ้าเจ้าไม่เรื่องมากนักห่างไปสักสี่ห้าลี้จะมีอารามเล็กๆอยู่ที่นั่นก็คงขอพักค้างได้สักคืนนะ”
“ขอบคุณมากขอรับท่านลุง”
“ไม่เป็นไรๆ”
ฟ่านหงอี้ กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายก็ผงกศีรษะรับรู้ต่างคนต่างก็เดินจากไป เขาตัดสินใจพักค้างที่อาราม เพราะไม่คุ้นเคยกับการอยู่ใกล้ชิดผู้คน ผู้คนเริ่มเดินสวนมาเขาสัมผัสได้ถึงการถูกแอบมองน่าจะเป็นเพราะเขาเป็นคนแปลกหน้าจึงทำเหมือนไม่รู้สึกเดินต่อไปจนถึงอาราม
เขาเดินผ่านเดินผ่านประตูตรงเข้าไปถึงโถงด้านในจุดธูปปักลงในกระถางธูป เมื่อเดินออกได้พบนักพรตชราที่เดินออกมาจากด้านหลังกำลังจะกวาดใบไม้ด้านข้างจึงตรงเข้าไปสอบถาม
“นักพรตขอรับ ข้าน้อยเดินทางผ่านมาหาที่พักไม่ได้ ท่านลุงที่ข้าพบแนะนำให้มาที่นี่ ข้าอยากขอพักค้างคืนสักคืน ไม่ทราบว่าท่านนักพรตจะกรุณาช่วยข้าได้หรือไม่”
“ฮ่าฮ่าๆ ได้ๆ ที่อารามนี้มีข้าอยู่เพียงลำพัง เจ้าพักค้างที่นี่ได้ แต่อาหารเจ้าต้องทำเอาเอง ห้องครัวอยู่ด้านหลังออกประตูไป ส่วนห้องพักตามข้ามาสิ”
“ขอบพระคุณขอรับ”
“เจ้าพักค้างคืนที่นี่ได้ตามสะดวก แต่ข้าวของเครื่องใช้อาจไม่สะดวกนัก หากต้องการอาบน้ำด้านหลังมีบ่อน้ำเจ้าสามารถตักได้จากที่นั่น เจ้าตามสบายนะ ข้าต้องไปทำความสะอาดด้านหน้าก่อน”
หลังจากมองสำรวจห้องพักแล้วก็ทำความสะอาดให้พอพักอาศัยได้ ดูจากสภาพภายในห้องแล้วคงไม่มีคนพักอาศัยมาเป็นเวลานาน หน้าต่างมีรูลมผ่านเข้ามาได้ชายหนุ่มร่ายมนต์ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดภายในห้อง ก่อนที่จะปิดประตูแล้วเดินออกไปช่วยนักพรตท่านนั้นกวาดลานด้านหน้าที่หันมามองด้วยความแปลกใจก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความยินดี (ปกติคนเดินทางที่ผ่านมาส่วนใหญ่มักอยู่แต่ในห้องแล้วก็จากไป) ชายหนุ่มคนนี้ลักษณะดีงามทั้งยังมีมารยาท ออกมาช่วยทำงานเล็กๆน้อยเช่นนี้ นี่นับเป็นคนแรกที่นักพรตได้พบจึงรู้สึกดีด้วยเป็นอย่างมาก
“ท่านนักพรตอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือขอรับ”
“ใช่ นานนับสิบๆปีแล้ว เดิมที่ข้าก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านแห่งนี้ข้าเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วถือได้ว่าเป็นนักแสวงหาโชคก็ว่าได้ เคยมีครอบครัวแต่ก็ตายจากไปหมดจากภัยธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้นก็อยากอยู่อย่างสงบจึงหาไปเรื่อยจนมาพบอารามแห่งนี้เข้า เมื่อก่อนก็มีนักพรตคนอื่นอยู่แต่เพราะหลายปีก่อนเกิดภัยแล้งขึ้นจึงค่อยๆเหลือข้าเพียงคนเดียว”
นักพรตพูดเล่าเรื่องราวให้เขาฟังเสมือนพูดกับตัวเอง จนจบก็หันมามองหน้าชายหนุ่ม
“เจ้าหล่ะเป็นคนที่ไหน”
“ข้าเดิมเป็นคนหมู่บ้านเซ่อจี้ เมืองอวิ๋น คนที่บ้านไม่มีแล้วจึงเดินทางไปทั่วอยากเสาะแสวงหาโอกาสให้กับชีวิต”
“ยังหนุ่มอยู่ชีวิตเพิ่งเริ่มต้นก็ควรเป็นเช่นนั้น เจ้าอยากทำอาชีพอะไรหล่ะ”
“ข้าแค่อยากตามหาสัตว์เวทย์ สัตว์วิเศษ หรือสัตว์เทพ ท่านว่ามันเป็นไปได้หรือไม่”
“สัตว์ในตำนานหรือ เมื่อนานมาแล้วข้าก็เคยได้ยินนักเดินทางพูดถึงนะ นักฝึกสัตว์วิเศษกับนักล่าสัตว์วิเศษ ทว่าทั้งสองอาชีพนี้มีอันตรายอย่างมาก รายได้ดีมีคนนับหน้าถือตาต้องฝึกฝนจนมีความเก่งกล้า แต่ถ้าเจ้าสนใจก็ลองไปที่เมืองจงหลางดูสิ ที่นั่นใกล้กับป่าเจ้าอสูรย์ ได้ยินว่ามีสำนักฝึกฝนทั้งสองอาชีพนี้ตั้งอยู่”
“ขอบคุณที่กรุณาบอกขอรับ”