Ep.2 อย่าทำให้เป็นเรื่องยาก
@ลาสเวกัส
ประเทศสหรัฐอเมริกา
บนโต๊ะทำงานที่ตกแต่งภายในได้เรียบหรูบอกถึงนิสัยความเป็นเจ้าของมันได้บนโรงแรมชั้นสูงสุดคือชั้นที่ 59 คือห้องทำงานของ รัสเตร บารสิน็อคส์ หรือใครๆก็เรียกเขาว่า “เจ้าสัว” คนอย่างเขาไม่ได้ยินดียินร้ายกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถัดจากโต๊ะทำงานฝั่งซ้ายของเขาห่างมา 2 เมตร จะเป็นโต๊ะทำงานของ อัลล์ มือขวาคนสนิทของเขา นิ้วเรียวแกร่งเคาะบนโต๊ะกระจกไปมาอย่างใช้ความคิด สายตาคมทอดมองไปยังนอกบานกระจกติดฟิล์มทืบ ใบหน้าคมเชิดขึ้นเหมือนผู้ถือดีในตัวไม่น้อยเลยทีเดียว หนวดเคราน่าหลงไหลนั้น ทำให้เขาดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีกหลายระดับ ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ของเขาเขาไม่ต้องทำอะไร เขาก็สะบายไปอีกสิบชาติได้
“เจ้าสัว คุณหนูหลี่เยี่ยอิงมาขอพบ” เจ้าของใบหน้าคมค่อยๆหันมา พร้อมยกมือเชิงอนุญาต
เขาทอดมองไปยังประตูบานใหญ่ที่ปรากฎร่างสาวน้อยเดินเข้ามาหาเขาด้วยสายตาฟึดฟัด
“หลี่เหยี่ยน! เรื่องที่หนูให้ช่วยไปถึงไหนแล้ว” พอเธอมาถึงโต๊ะเธอก็สาดเขาถามมาที่ผมทันที ผมไม่ตอบก้มดูเอกสารต่อ
“หลี่เหยี่ยน….” เสียงน้อยอกน้อยใจพรั่งพรูออกมา เหมือนเจ้าตัวหมดอาลัยสะขนาดนั้น พร้อมเสียงสะอื้นน้อยๆ ที่เริ่มดังขึ้น ผมค่อยๆวางปากกาแล้วหันมาสนใจเธอแทน ปกติเยี่ยอิงเธอเข้มแข็งมากกว่านี้ แค่เรื่องนี้หรอเธอจึงเสียใจได้ขนาดนี้
“ทำไม?” พอผมเอ่ยปาก เธอค่อยๆเงยหน้า พร้อมหยดน้ำใสๆ คลอเบ้ แค่เพียงเธอกระพริบตาหยดน้ำตาบ้านั้นคงล่วงเพาะลงมาแน่
“หลี่เหยี่ยนทำไมไม่ช่วยหนู ฮรึก!” ผมมองคนที่ประสานมือกันแน่น ผมก็นึกว่าเธอแค่คิดสนุกเล่นที่ให้ผมตามหาใครสักคนให้เธอ แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเธอจะจริงจังจนร้องห่มร้องไห้ขนาดนี้
“อัลล์ ไปจัดการให้เธอ” ใบหน้ารูปไข่มองมาที่ผมเธอยิ้มทั้งน้ำตา คนนั้นเป็นใครที่ทำให้เธออยากจะช่วยขนาดนี้นะ ผมเคยได้ยินเธอพูดอยู่บ่อยๆ
ว่าเธอมีเพื่อนคนหนึ่ง แต่อยู่ดีๆเพื่อนเธอก็หายไป แถมครอบครัวเธอคนนั้นก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย เยี่ยอิงเลยสงสัยว่าเพื่อนเธอหายไปไหน มันเกิดอะไรกันแน่ เธอเลยมาขอร้องให้ผมช่วย โดยอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ แค่ตามหาคนมันไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้นหรอก
“เยี่ยอิงขอบคุณพี่หลี่เหยียน” เธอโค้งให้ผมจนจะสุดตัว
“กลับไปซะอย่ามาที่นี้บ่อย มันอันตรายกว่าที่เด็กอย่างเธอจะเข้าใจ” ผมพูดก่อนจะลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินเข้าห้องอีกห้องหนึ่งที่สร้างไว้เป็นห้องพักส่วนตัวของผมเอง
เดินเข้ามาในห้องหวังจะผักผ่อน เพราะทำงานมาเกิน 24 ชั่วโมงเเล้ว ร่างกายจึงต้องการผักผ่อนมากๆ พอคิดได้ดังนั้นจึงล้มตัวนอนลงเตียงขนาดคิงไซส์ ห้องตกเเต่งโทนขาวดำ ฟอร์นิเจอร์เรียบหรู ทำให้เข้าสู่ห้วงฝันโดยง่าย
ริมเเม่น้ำที่ทอดสายยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา บนเนิ่นน้ำมีบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งปลูกขึ้นทรงยุโรป สไตล์โมเดิล บรรยากาศรอบๆไม่มีบ้านหลังอื่น มีเเค่บ้านหลังนี้ที่ตั้งเด่นหล่าอยู่ตรงนี้ บ้านหลังนี้มีคนอาศัยอยู่เพียงไม่กี่คน
"เจ้าหลานชายตัวดีของฉันเป็นยังไงบ้าง!" ชายเเก่วัยชราหกสิบกว่าปีถามคนสนิทขึ้น หลังรู้เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับ รัสเตร บาร์สิน็อคหรือคนใกล้ตัวจะรู้ชื่อของเขาคือ "หลี่เหยียน" บุตรชายคนเดียวของ ‘หลี่มิ่งเฟิ่ง’ ซึ่งเป็นลูกชายของฉันเอง
"ทำงานหนักเหมือนเดิมครับ" ผู้ช่วยคนสนิทพูดพร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเสียยืดยาว ไม่มีใครไม่รู้จัก 'หลี่เหยี่ยน รัสเตร บาร์สิน็อค' หรือในเเวดวงนักธุรกิจจะเรียกเขาว่า เจ้าสัว คนที่ได้ชื่อว่าเป็นทั้งพ่อพระ ทั้งมาร ก็อยู่ในตัว เจ้าสัว คนนี้หมดเเล้ว!
"อืม" ชายชราขานรับเบาๆ พลันคิดถึงอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลสำคัญสำหรับเขาเเล้วก็เจ้าสัวคนนี้ด้วยเหมือนกัน
"คนนั้นล่ะ" ผู้ช่วยคนสนิทเงยหน้ามองชายชราที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นตามกาลเวลาเขารู้ ว่าคนนั้น หมายถึงใคร
“อยู่เเบบเดิม ยังใช้ชีวิตอยู่เเบบเดิมครับ" เขาพูดตามความจริงหลังได้ติดตามคนคนนั้นมาเป็นเวลานานเเล้ว มีบางหนบางครั้งที่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยบ้าง เพราะคนคนนั้นกำลังเป็นทุกข์
"อย่าทำให้มันยุ่งยากไปกว่านี้เลย ฉันก็อายุมากเเล้ว ไม่รู้จะได้อยู่อธิบายให้เจ้าสัวฟังหรือป่าว"
คนเป็นปู่อย่างเขาต้องทำอะไรบางอย่างเสียบ้างเเล้ว เพราะหลานชายตัวดีเหมือนจะไม่สนเเละไม่รับรู้อะไรเลย...