EP2.1 ll หนึ่งประโยคกับโศกนาฏกรรม [1]

1061 คำ
‘อีเหี้ยยยยยยย! มาแล้วๆ’ น้ำเสียงของสตรีชะนีสามหน่อดังขึ้นเมื่อเห็นผมกับไอ้เต็มสิบเดินผ่าน หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาไม่ถึงสองสามวัน แต่ผมรับรู้ได้ถึงรังสีแปลกๆ รอบตัว สายตาท่าทางและการกระซิบนินทาลับหลังผมน่ะ! เขาว่ากันว่าข่าวลือกะพรือไวยิ่งกว่าไฟไหม้ป่า และตอนนี้มันกำลังรนก้นผมจนนั่งไม่ติดเลยล่ะ ‘มึงว่าพี่เค้าจัดกันยังวะ?’ จัด... =_= ผมยิ้มแหยก่อนจะหลบสายตาไอ้เหี้ยเต็มสิบที่มองมาอย่างคาดโทษ ‘กูเห็นพวกเค้าเดินมาทีนี่เสียวตูดแปล๊บๆ’ เสียว... อะไรนะ =_= ร่างสูงโปร่งของผมชะงักทุกครั้งที่ได้ยินน้ำเสียงแว่วเข้ารูหู แต่หาตัวต้นตอไม่เจอ และไม่ค่อยอยากจะหาด้วย หลายสายตาแอบจับจ้องพร้อมรังสีประหลาดๆ ที่แผ่ออกมาทำให้ผมรู้สึกสยองขวัญพิลึก แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าไอ้เวรข้างๆ ผมอีกแล้ว มันกำลังเดินข้างขวาผมพร้อมกับสายตาที่สื่อสารออกมาเป็นใจความมนุษย์ได้ว่า ‘เพราะมึงเลย!’ ผมกำลังเดินเข้ามาที่ซุ้มคณะที่เต็มไปด้วยโต๊ะไม้สีน้ำตาลพร้อมต้นไม้ร่มรื่น เพื่อนกลุ่มใหญ่นั่งหัวเราะคิกคัก หนึ่งในนั้นคือไอ้พันเอก ผู้ที่รู้ความรู้สึกผมดีกว่าใคร “เฮ้ย ว่าไงคู่รัก กิ๊วๆ” มันกวนประสาททันทีที่เห็นหน้าผม “กิ๊วพ่อมึงสิ” ผมเบ้หน้าก่อนจะกระแทกฝ่าเท้าลงกับโต๊ะไม้หนึ่งทีอย่างมีน้ำโห “แน้ะ มีเขินนะมึง คบกันทำไมไม่บอกพวกกูล่ะคร้าบบบ” “กูขอให้อีนางฟ้ากลับมาหามึง” ไอ้เต็มสิบว่าด้วยใบหน้าเย็นจนคนขี้แซวชะงักเพราะคำสาปแช่งแม่งน่ากลัวกว่าบอกให้ไปตายอีก “ให้กูเอดส์แดกตายยังรู้สึกดีกว่า” ไอ้พันเอกสะบัดหน้าอย่างขยะแขยง “แล้วมันแน่นปะวะ?” น้ำเสียงของอีกคนที่นั่งตรงข้ามผมโพล่งขึ้น เรือนผมสีดำกับใบหน้ามึนๆ แต่ชอบพูดจาอ้อล้อกวนประสาทนั่นไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือ ‘คิน นาคิน’ หรือเรียกสั้นๆ ว่าไอ้เผือก ฉายานี้ไม่ได้มาเพราะสีผิวแต่มาจากสันดานมันล้วนๆ “อะไรแน่น?” ผมเลิกคิ้วสูงรู้สึกได้ถึงคำถามเชิงไม่สร้างสรรค์จากไอ้เวรตรงหน้า “ประตูหน้ากับประตูหลังต่างกันอย่างไร จงอภิปรายให้นาคินทราบ” “มึงอยากตาย?” ไอ้เต็มสิบว่าก่อนจะฟาดกระเป๋าลงกับพื้นโต๊ะและกระแทกก้นลงกับเก้าอี้ไม้อย่างหงุดหงิด แหงล่ะ ตั้งแต่เข้ามหาลัยมา เสียงร่ำลือเรื่องผมกับมันยังไม่สร่างซาจากหูเลยสักกะวินาทีเดียว “แหม ทำเป็นดุ กูก็พูดไปเรื่อย” ไอ้คินหัวเราะร่วนก่อนจะหันมาเหมือนขอคำตอบจากผม ดูมัน...!! “เด็กไบออทมาทำอะไรที่นี่” ผมว่าพลางกระตุกคิ้วเป็นเชิงไล่มันไปไกลๆ เด็กไบออทคือเด็กคณะวิทยาศาสตร์สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ “งานเสือกให้ไว้ใจผม” มันว่าก่อนจะตีอกดังตุบอย่างภูมิอกภูมิใจ ผมถึงบอกไงว่าฉายาเผือกมันไม่ได้มาจากสีผิว!“สาวๆ ที่คณะกูเค้าเศร้าสลดหดหู่ที่พี่ไนท์กับเต็มสิบกินกันเลยใช้ให้กูมาตามสืบว่าจริงหรือเท็จเสร็จกันไปแล้วกี่ท่า” “ยากละ กูไม่ได้นับ ถุ้ย!!” ผมเอื้อมมือไปตีหัวมันหนึ่งทีค่าลามปามและเหยียดหยามเกียตริผู้ชายแมนๆ ทั้งแท่งอย่างผม คงเป็นเวรกรรมที่คณะพวกเราอยู่ใกล้กันเพียงสิบก้าวเท้า การที่ผมเห็นไอ้เวรนี่ร่อนไปร่อนมาจึงเป็นเรื่องปกติ ความจริงผมชอบมันนะ เพราะว่ามันเหมือนตัวข่าวล่ามาไว อัพเดทให้ผมรู้อะไรใหม่ๆ ก็นะ เม้าส์เรื่องอื่นมันสนุกทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของกู! “บังอาจเยี่ยงไรมาตบหัวทรัพยากรสำคัญของมนุษยชาติ!” ไอ้คินเบ้หน้าก่อนจะจับหัวอย่างหงุดหงิด “นี่กูอุตส่าห์มาช่วยนะเนี่ย เผื่อพวกมึงจะอยากแก้ข่าว” “อยากเม้าส์ก็เม้าส์กันไป สนใจอะไรวะ” ไอ้เต็มสิบถอนหายใจอารมณ์ปลงถึงขีดสุด มันเป็นคนที่เกลียดข่าวลือมากถึงมากที่สุด รองลงมาจากอีนางฟ้านั่นนิดนึง “ฮั่นแน่ะ รึจริงๆ จะมีซัมติงที่พวกกูพลาด” ไอ้พันเอกยิ้มยียวนแล้วชี้หน้าล้อเลียนทำเอาเส้นประสาทข้างขมับของผมตึงเครียดขึ้นมาทันใด ในสมองมันบรรจุอะไรไว้บ้างนอกจากขี้เลื่อย! “ถ้าไม่เลิกกูจะไปบอกนางฟ้าว่ามึงคิดถึง โอเคมั้ย ไอ้พันเอก?” แล้วมันก็เงียบกริบกระทั่งเสียงลมหายใจ “ทำไงได้วะ ณ จังหวะนั้นถ้ากูไม่บอกว่าเป็นตุ๊ด กูโดนแม่งขึ้นขี่ไปแล้ว” ผมบ่นพร้อมลมหายใจยาวๆ ไอ้เต็มสิบเบ้ปากยังไม่เลิกเคืองผมที่บังอาจเอามันไปอยู่ในวังวนแห่งความวุ่นวาย “เอ้า เผื่ออยากลองของแปลก” ไอ้เผือก “ได้กับผีตายซาก เรื่องยากนะมึง” ไอ้พันเอก “ใครก็ได้ที่ไม่ใช่กู” ไอ้เต็มสิบ อืม เพื่อนผมแต่ละคน รักกันเหลือเกิน ปลิ้มปริ่มเป็นที่สุด น้ำตาจะไหลเป็นสายเลือด เหอะๆ! “เอาน่ามึง ไม่นานหรอก เดี๋ยวข่าวลือก็ซาไปเอง” ผมหันไปว่าก่อนจะจิ้มนิ้วเข้าที่ไหล่กว้างอย่างอ้อนวอนพร้อมนัยน์ตาปิ๊งๆ อะลิทเติ้ลฟรุ้งฟริ้งตามนิสัยของผมแต่อารมณ์กลับสะดุดเพราะไอ้เวรสองตัวนั่น.... “ผัวเมียเขาอ้อนกันว่ะ เผือก” “ข้าวใหม่ปลามันไงมึง งอนง้อเป็นเรื่องธรรมดา” ไอ้เผือกยิ้มกริ่มด้วยหน้าตากวนประสาทก่อนจะร้องเสียงหลง “โอ๊ย!!” ใบหน้าบูดเบี้ยวแสดงความเจ็บปวดนั่นทำให้ผมสะใจเล็กๆ ปากมากดีนัก เงียบบ้างก็ไม่มีใครว่ามันหรอกมั้ง! “แซวแค่นี้ถึงกับทำร้ายร่างกายกูเหรอ กูจะแจ้งเอฟบีไอมาจับมึง!” “ศรีธัญญาป้ายหน้าเลยเพื่อน” ผมผายมือไปอีกทางก่อนจะยักคิ้วจึ๋งๆ ทว่าปลายหางตากับสะดุดเงาดำๆ เหมือนจุดมืดบอดของกาแล็กซี่กำลังแผ่รังสีน่าขนพองสยองเกล้ากำลังหลบอยู่ตรงต้นเสา อย่าบอกนะว่า... =_=;; ขอความกรุณาเลื่อนสายตาไปมองอีกสักนิด... ( . .) เกือบละ อีกนิดนึง... ( ..)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม