“ไม่รู้จะเสด็จมากันทำไมนะขอรับท่านอ๋อง ไม่ได้ช่วยสิ่งใดสักนิด” ซ่งฉือกล่าวอย่างอดไม่ได้ ให้เด็กอมมือมาดูก็รู้ว่าทรงมาเพื่อเยาะเย้ยถากถางเจ้านายของเขาเท่านั้น หาใช่ทรงห่วงใยจริงๆ เช่นนี้แล้วจะเสียเวลามาทำไมกัน
“ปล่อยเขาเถิด ผิดที่ข้าเองที่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ”
“แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของท่านอ๋องเสียหน่อยนะขอรับ มันเป็นเพราะคนที่คิดจะจับปลาสองมือต่างหาก อีกอย่างพระนางก็เป็นคนที่ดั้นด้นมาพบท่านถึงที่ตำหนักหาใช่ท่านคิดที่จะตีท้ายครัวฝ่าบาทเสียหน่อย” เพราะเขาเป็นคนสนิทที่คอยติดตามรับใช้อ๋องเก้ามาตั้งแต่เยาว์วัย วันนั้นจึงได้เห็นว่าเป็นเหลียนไฉ่หวาฮองเฮาที่ในตอนนั้นยังคงดำรงตำแหน่งว่าที่พระชายาในองค์รัชทายาทที่ทรงเมามายและเป็นฝ่ายเข้าไปกอดนายของเขาเอง แต่ที่โชคร้ายก็เพราะฝ่าบาทในยามนั้นที่ยังคงเป็นเพียงองค์รัชทายาทได้เสด็จเข้ามาเห็นพอดี ว่าๆที่พระชายาของตนยังคงมีท่าทีมีใจให้กับอดีตคนรักจึงได้ทรงบันดาลโทสะชกต่อยนายของเขา ทั้งๆ ที่ทรงเป็นฝ่ายแย่งชิงนางไปจากอ๋องเก้าผู้เป็นพระอนุชาเสียด้วยซ้ำ
“ช่างเถิด ข้าไม่อยากพูดถึงเรื่องเก่าๆ อีกแล้ว พาข้าไปพักเถิด”
“ขอรับ”
เมื่ออยู่คนเดียวความคิดก็วกกลับไปยังเรื่องเก่าก่อนอีกครั้ง ยามนั้นเขากับพระเชษฐาไห่ถังป้อและเหลียนไฉ่หวาเป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมาก เขานั้นแอบมีใจให้กับนางมาตั้งแต่เริ่มโตเป็นหนุ่ม และดูเหมือนว่านางเองก็มีท่าทีว่าจะมีใจให้เขาเช่นกัน ความสัมพันธ์จึงเป็นไปอย่างราบรื่นอยู่เกือบปี แต่อยู่ๆ วันนึงเขากลับได้ยินว่าพระเชษฐาที่ได้ดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาททูลขอพระราชทานสมรสกับบุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมขุนนางหรือก็คือเหลียนไฉ่หวานั่นเอง ทำให้เขาในยามนั้นทั้งมึนงงและสับสนยิ่งนักที่อยู่ๆ พี่ชายของตนกับเพื่อนสนิทที่มีใจให้กัน ทั้งยังจะตบแต่งกันโดยที่เขาไม่รู้อะไรเลย อีกทั้งประจวบเหมาะกับที่เขาจำต้องจากเมืองหลวงไปเรียนการต่อสู้ที่นอกด่านเป็นเวลานานนับปี ทำให้ไม่ได้พบหน้ากับคนทั้งสองหรือมีโอกาสได้ไต่ถามความเป็นไปเลย
และเมื่อเขากลับมานางก็กลายเป็นพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาทเสียแล้ว จนในวันนึงก่อนที่เขาจะนำกองทัพออกไปสู้ศึก นางก็เข้ามาหาเขาถึงที่ตำหนักหลังเก่าเพื่อกล่าวขอโทษพร้อมทั้งชักชวนให้เขาดื่มกินเป็นเพื่อน ก่อนจะปรับทุกข์ให้เขาฟังว่าพระเชษฐาของเขานั้นกำลังจะรับพระชายารองเข้าตำหนักพร้อมกันกับนางถึงสองคน ทั้งยังร่ำร้องว่าหากตนเองไม่เชื่อบิดาและรอแต่งให้กับเขาก็คงไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจเรื่องของเหล่าชายารองทั้งหลายเช่นนี้ เมื่อนางโผเข้ามากอดขอให้เขาช่วยปลอบใจนาง ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฝ่าบาทที่ยังทรงเป็นเพียงองค์รัชทายาทในตอนนั้นเข้ามาเห็นพอดี จึงทำให้เกิดการชกต่อยกันขึ้น
หลังจากนั้นเขาก็ต้องออกไปกุมทัพอยู่ชายแดนมาโดยตลอด จนมารู้ข่าวอีกครั้งก็เป็นวันที่นางแต่งเข้าเป็นพระชายาเอกให้แก่องค์รัชทายาทและรอเวลาขึ้นเป็นใหญ่ในวังหลัง จนกระทั่งถึงวันที่พระเชษฐาได้ขึ้นครองราชย์แทนพระบิดาเขาจึงได้กลับเข้ามาเพื่อรับตำแหน่งอ๋อง ซึ่งยามนั้นหญิงสาวที่ตนหลงรักก็ได้กลายเป็นพี่สะใภ้เป็นฮองเฮาคู่บัลลังก์ไปแล้ว เขาจึงออกไปประจำอยู่ชายแดนนับแต่นั้นมา พึ่งจะกลับเข้ามายังเมืองหลวงก็เมื่อตอนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสครานี้นี่เอง ยามนี้เขาก็เกือบจะกลายเป็นคนพิการเช่นนี้แล้ว แต่ไม่นึกว่าฝ่าบาทก็ยังไม่เลิกผูกใจเจ็บยังคอยเสด็จมาเยาะเย้ยถากถางอยู่เป็นประจำ เห็นทีว่าหากเขาตามหาบุตรสาวของอดีตราชครูเจอครานี้ เขาก็คงจะต้องแต่งนางเป็นพระชายาตามที่เคยคิดเอาไว้เสียแล้ว ถึงแม้ว่าตนจะไม่เคยคิดที่จะรักนางเฉกเช่นหนุ่มสาวเลยก็ตาม แต่เพราะว่านางนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเขาอยู่แล้ว และหากว่ามันจะทำให้ฝ่าบาทรงเลิกระแวงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฮองเฮาได้ เขาก็ยินดี
เช้าของวันต่อมาที่จวนสกุลหลู ยามนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการทำพิธีครั้งสุดท้าย
“เอาล่ะเจ้าค่ะ ตอนนี้ร่างกายของพี่เหอก็ดีขึ้นมากแล้ว ถ้าเช่นนั้นเราก็มารักษากันในขั้นตอนสุดท้ายนะเจ้าคะ ท่านลุงอาบน้ำชำระกายสะอาดดีแล้วใช่มั้ยเจ้าคะ” เพราะตอนนี้จะเป็นการทำน้ำมนต์ที่ใช้บารมีของผู้ให้กำเนิดมาชะล้างสิ่งชั่วร้ายที่ยังคงหลงเหลืออยู่ตามร่างกายของหลูเยี่ยเหอ นางจึงบอกให้นายท่านหลูชำระกายให้สะอาดเสียก่อน
“ใช่แล้ว ว่าแต่ไหนล่ะน้ำวิเศษของเจ้าลุงอยากจะเห็นเสียจริง เจ้าจะไม่แบ่งให้หรือแบ่งขายให้ลุงจริงๆ หรือลิ่วเอ๋อร์”
“คิกคิก..ท่านลุงเจ้าขา น้ำวิเศษที่ข้าจะทำนี้ ใช้ได้เฉพาะพี่เหอเท่านั้นเจ้าค่ะ อีกอย่างผู้ที่จะมีน้ำวิเศษได้นั้นก็จะต้องเป็นบิดาหรือมารดาเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวอย่างขบขันก่อนจะอธิบายให้นายท่านหลูฟัง เมื่อเห็นว่าเขายังมีท่าทีสงสัยนางจึงขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยเรียกหลูเยี่ยเหอให้ขยับเข้ามาเช่นกัน
“เอาล่ะเจ้าค่ะ เพื่อคลายความสงสัยข้าจะทำน้ำวิเศษเดี๋ยวนี้ล่ะเจ้าค่ะ พี่เหอตักน้ำมาเลยเจ้าค่ะ” เมื่อได้น้ำมาหนึ่งชามใหญ่แล้วนางก็บอกให้นายท่านหลูยื่นเท้าลงไปในที่รองก่อนจะให้ชายหนุ่มรดน้ำล้างเท้าให้บุพการี
“พี่เหอล้างเท้าให้ท่านลุงพลางเอ่ยตามข้านะเจ้าคะ ข้าน้อยหลูเยี่ยเหอ ขอขมาต่อบิดาผู้ให้กำเนิ...” หญิงสาวชะงักไปทันควันเมื่อเห็นว่าเทพรักษาของหลูเยี่ยเหอก้าวออกมาจากกายของเขาและนั่งลงบนร่างของนายท่านหลูทั้งยังยื่นเท้าวางซ้อนลงบนเท้าของนายท่านหลูอีกด้วย ทำให้นางเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของเทพผู้นี้กับชายหนุ่มในทันที
“เอ่อ..เอาใหม่นะเจ้าคะ ข้าน้อยหลูเยี่ยเหอ ขอขมาต่อบิดามารดาผู้ให้กำเนิด หากข้าได้กระทำสิ่งใดที่ไม่บังควรต่อท่านทั้งสอง บัดนี้ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ขอให้ท่านทั้งสองจงอภัยและอโหสิกรรมให้ข้าด้วย”
“ท่านลุงเอ่ยตอบเลยเจ้าค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นบอกชายชราที่นั่งน้ำตาซึมอยู่อย่างตื้นตันใจ
“บิดาให้อภัยและอโหสิกรรมให้เจ้านะอาเหอ”
‘มารดาให้อภัยและอโหสิกรรมให้’ เสียงที่มีเพียงฝางเสี่ยวลิ่วเท่านั้นที่ได้ยิน เอ่ยออกมาพร้อมๆกับเสียงของนายท่านหลู นางจึงยิ้มกว้างอย่างยินดีก่อนจะพาชายหนุ่มกล่าวต่อ