บทที่ 12

1244 คำ
“นี่คุณ! ฉันเจ็บนะ จับเบาๆ ก็ได้” ฐิติรดาร้องโวยวาย เมื่อถูกลากตัวปลิวให้ไปขึ้นรถโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แถมมือใหญ่ร้อนผ่าวที่จับอยู่ตรงต้นแขนก็บีบแน่น จนเธอรู้สึกเจ็บไปหมด “ขึ้นรถได้แล้ว” เจ้าของพระหัตถ์ใหญ่ไม่สนใจคำร้องโอดครวญของฐิติรดา พอลากร่างบางมาถึงรถได้ ก็จับยัดเข้าไปในรถโดยไม่ปราณีปราศรัย ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งแนบชิดจนแทบจะเกยทับร่างเล็กไปทั้งตัว “ถามจริงๆ เถอะ องครักษ์ของท่านอัลซาร์ มารยาททรามเหมือนคุณทุกคนเลยหรือเปล่าคะ” ฐิติรดาแขวะด้วยความโมโห เมื่อองครักษ์ผู้นี้ไร้มารยาทกับเธอเหลือเกิน และหญิงสาวไม่รู้เลยว่า คำพูดของเธอได้เข้าไปก่อกวนให้อารมณ์โกรธขึงขอราชนิกุลผู้เอาแต่พระทัย เกิดอาการเคืองขุ่นขึ้นมาอีกหน “ปากจัดจริงนะน้ำอิง สงสัยต้องล้างปากด้วยปาก! ซะแล้ว” ในตอนแรกฐิติรดาไม่เข้าใจว่าองครักษ์ผู้นี้หมายถึงอะไร แต่แล้วก็ต้องตกใจหวีดเสียงร้องออกมาเบาๆ เมื่อร่างบางของเธอปลิวไปตามแรงกระชากมวลมหาศาล และนาทีต่อมาก็รู้สึกปวดระบมทั่วทั้งเรียวปาก เมื่อถูกบดขยี้อย่างดุเดือดแผดเผา จนเธอต้องร้องครางออกมาเบาๆ และก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายส่งลิ้นร้อนๆ เข้าไปซุกไซ้ควานหาความหวานฉ่ำดั่งน้ำผึ้งหวานได้ตามอำเภอใจ พอได้สัมผัสกับความหวานล้ำ ที่ไม่เคยได้รับจากหญิงใดมาก่อน เจ้าชายคามิลก็เริ่มลืมตัว อารมณ์พิศวาสตื่นเพริดไปไกล และเมื่อคนที่ไร้เดียงสาอ่อนประสบการณ์ในเรื่องเพลิงรัก ทำตัวอ่อนระทวยไม่ต่างจากขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟร้อนๆ เอนกายมาพิงกับอกกว้างของพระองค์อย่างเต็มที่ จนพระองค์รู้สึกได้ถึงปทุมอวบอิ่มที่กดแนบชิดลงมา ก็ยิ่งย่ามใจสอดพระหัตถ์ร้อนผะผ่าวไม่ต่างจากเปลวไฟเข้าไปกอบกุมเนื้อแท้ของปทุมเต็งตึง เคล้นคลึงหนักหน่วงอย่างเพลิดเพลินสำราญพระทัย โดยโอษฐ์ร้อนรุ่มก็ยังไม่ผละออกจากเรียวปากอิ่ม ที่ถูกบดขยี้จองจำจนแดงก่ำไปหมดทั้งเรียวปาก และเมื่อตักตวงความหวานฉ่ำจนเป็นที่พอพระทัยในระดับหนึ่งแล้ว เจ้าชายนักรักอย่างเจ้าชายคามิลก็ผละโอษฐ์ออกเพียงเล็กน้อย เพียงเพื่อจะเยาะหยันคนในอ้อมแขน “ฮึ! ไม่อยากชื่อว่าผู้หญิงที่หิวเงินอย่างเธอ จะจูบไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย” ฐิติรดาหลุดออกมาจากภวังค์ของจุมพิตวาบหวามกำซ่านด้วยถ้อยคำเยาะหยันของคนกักขฬะ ที่ค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่โสตประสาท เมื่อความโกรธทำให้ลืมตัว ฐิติรดาก็กางเล็บกระโจนเข้าหาร่างใหญ่โตของคนที่ตนเองเข้าใจตลอดเวลาว่าเป็นองครักษ์ของชีคอัลซาร์ ไม่ต่างจากนางเสือที่กำลังโมโหจัด “ไอ้คนเลว ฉันจะฆ่าแก” สงครามย่อยๆ เกิดขึ้นบนรถแลนด์โรเวอร์ที่กำลังแล่นด้วยความเร็วสูง ตรงไปยังถิ่นพำนักของเจ้าชายคามิล โดยที่สารถีหนุ่ม นั่นก็คือองครักษ์นาฟฟาล ได้ผิวปากฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์โดยไม่สนใจสงคราม ที่กำลังปะทุเดือดในห้องผู้โดยสาร ทางด้านชายชาติกษัตริย์ผู้องอาจ ไม่ได้นึกหวาดกลัวพายุโกรธของฐิติรดาแม้แต่น้อย พอร่างบางอรชรโผเข้าหา ก็รีบจับมือเล็กยึดไว้แน่น อาศัยพละกำลังอันแข็งแกร่งกว่าออกแรงกดทาบทับให้ร่างบางนุ่มนิ่มล้มตัวลงไปบนเบาะรถอันกว้างขวาง พอที่จะเปลี่ยนจากสนามรบมาเป็นสนามรักได้ในทุกเมื่อหากพระองค์ต้องการ “แหม! กระโจนหาราวกับผู้หญิงร่านราคะไม่มีผิด ว่าแต่เจ้าทำสีหน้าโกรธขึง เป็นเพราะว่าโกรธที่เราไม่ต่อให้จบปล่อยให้เจ้าค้างเติ่ง หรือเป็นเพราะว่าโกรธที่เราบังอาจไปจูบเจ้ากันแน่” “ไอ้บ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะฟ้องท่านชีคอัลซาร์ว่าแกข่มขืนฉัน” “ฮ่าๆๆ” พอได้ยินคำขู่เช่นนั้น เจ้าชายคามิลแหงนพระพักตร์ หัวเราะลั่นรถราวกับได้ยินเรื่องตลบขบขันก็ไม่ปาน “เจ้าซื่อบริสุทธิ์แบบที่เห็น หรือว่าแกล้งโง่กันแน่น้ำอิง การที่เราสองคนโรมรันพันตูกันเมื่อสักครู่ เขาไม่เรียกว่าข่มขืนหรอกนะยาหยี หากเราข่มขืนเจ้าจริง ก็ต้องมีร้องกรี๊ดโวยวายกันบ้าง แต่เจ้ากลับสมยอมไปเสียทุกอย่าง นอกจากจะครางกระเส่าตอนถูกจูบลูบไล้แล้ว เจ้ายังเบียดกระแซะกดหน้าอกนิ่มๆ ให้มาชนกับหน้าอกของเรา จนไฟสวาทในกายของเราลุกโพลนไปทั่วทั้งตัว” ฐิติรดาอายหน้าแดงซ่าน ร้อนผ่าวไปทั้งตัว เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เยาะหยันแต่ปากเปล่า ทว่าเขาลดกายเบื้องล่างลงมาเสียดสี จนเธอรับรู้ได้ถึงความแข็งขึง ที่ดุนดันกับดินแดนแห่งรักของเธอ “ปล่อย! ท่านชีคอัลซาร์เอาแกตายแน่ที่มาลวนลามฉัน” “ฮึ! ต่อให้ยิ่งใหญ่กว่าชีคอัลซาร์ เราก็ไม่กลัวหรอกน้ำอิง อย่ายกท่านชีคผู้นี้มาข่มขู่ซะให้ยาก” เจ้าชายคามิลตรัสเยาะ ดวงเนตรวาววับทอดมองยังปทุมอิ่ม ซึ่งสั่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหอบหายใจของเจ้าตัว ทรงยอมรับว่าหญิงสาวคนนี้ช่างน่าจูบ น่ามอบเพลิงสวาทให้เสียนี่กระไร เรียวปากอิ่มแดงระเรื่อนอกจากจะหวานฉ่ำทำให้พระองค์หลงมัวเมาในรสจูบแล้ว เรือนร่างอรชรที่พระองค์กำลังทาบทับอยู่กลายๆ ในขณะนี้ ก็ช่างหอมละมุนละไมรัญจวนใจ จนพระองค์อยากมอบกายแข็งแกร่งดุดันให้จมดิ่งสู่เรือนร่างอรชรนุ่มเนียนไปทั้งเนื้อทั้งตัว “แกเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน” ฐิติรดาแผดเสียงตะโกนถาม ทั้งๆ ที่เรือนร่างยังคงถูกกดทาบทับด้วยเรือนกายล่ำสัน ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนมากเพียงใดก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการอันแข็งแกร่งได้ เจ้าชายคามิลกระตุกยิ้มตรงมุมโอษฐ์ เลื่อนพระหัตถ์ไปลูบไล้ตามเรียวปากอิ่มแดงช้ำไปทั่ว อันเกิดจากฝีมือของรสจุมพิต ที่พระองค์หักหาญบังคับจูบเมื่อสักครู่ จากนั้นก็ตรัสตอบยียวน โดยไม่เผยให้ฐิติรดารู้ว่าพระองค์เป็นใคร “เอาแบบสั้นๆ แต่ได้ใจความนะน้ำอิง อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเจ้าจะต้องตกเป็นของเรา และต้องเป็นเจ้าสาวของเราแทนการเป็นเจ้าสาวของชีคอัลซาร์” “หมายความว่าไง แกเป็นใครกันแน่ หรือแกคือท่านชีคอัลซาร์” ฐิติรดาถามเสียงสูง รู้สึกงุนงงไปหมด ก็ไหนมารดาเธอบอกว่าชีคอัลซาร์มีอายุราวๆ หกสิบปีกว่า จวนจะเจ็ดสิบปีแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ดูท่าจะมีอายุไม่เกินสามสิบห้าปีด้วยซ้ำไป และก่อนหน้านี้เขาก็แนะนำตัวเองว่าเป็นองครักษ์ของท่านชีคอัลซาร์ แล้วเขาจะมาเป็นสามีเธอได้ยังไงกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม