“เอ๊ะ! นังนี่ แกคิดว่าเงินที่แกให้มันมีจำนวนมากหรือยังไง แม่คนอื่นๆ เขาได้เงินเดือนจากลูก เดือนละสี่ห้าหมื่น แต่ฉันได้แค่หมื่นห้า มันขี้ปะติ๋วมากเลยนังน้ำอิง ฉันอยากได้เสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่ไปอวดเพื่อนในบะ...”
คุณธาวินีชะงักคำพูดได้ทันควัน ใบหน้าถอดสีเล็กน้อย เมื่อตนเองเกือบพูดไปแล้วว่าจะนำไปอวดร่ำอวดรวยในบ่อน ที่นางแอบไปเล่นในทุกๆ วัน หลังจากลูกสาวไปทำงานแล้ว
นางใส่เสื้อผ้าราคาแพง ใช้กระเป๋าแบรนด์เนม เพื่อเป็นการเพิ่มเครดิตให้กับตัวเอง เวลาทุนหมดละลายไปกับสารพันเกมการพนัน ที่มีให้เล่นทั้งวันทั้งคืนเท่าที่คุณจะมีเงินไปถลุง และเมื่อเงินหมด ทุนหายไปในพริบตา นางก็จะอาศัยการแต่งตัวที่ดูโก้หรู เพื่อไปขอทุนเพิ่มจากเจ้าของบ่อน ซึ่งคนพวกนั้นก็ใจดีเพิ่มทุนให้กับนางทีละแสนสองแสน ทว่ายิ่งเล่นก็ยิ่งหมด ยิ่งขอทุนเพิ่มก็ยิ่งเป็นหนี้ จนตอนนี้นางมีหนี้สะสมไม่ต่างจากดินพอกหางหมู ถึงห้าล้านบาท!
ฐิติรดาลอบถอนหายใจยาวกับการใช้เงินแบบมือเติบของมารดา ท่านมักจะเอาลูกบ้านโน่น บ้านนี้มาอ้างเสมอ ทำให้เธอหนักใจ และเป็นทุกข์อยู่ทุกวี่ทุกวัน
“คุณแม่คะ ลูกสาวบ้านอื่นที่คุณแม่พูดถึง เขาล้วนแต่มีหน้าที่การงานดีๆ ทั้งนั้น ไม่เป็นหมอ ก็เป็นนักธุรกิจ มีกิจการเป็นของตัวเอง เขาจะให้เงินพ่อแม่เขาใช้เท่าไรก็ได้ แต่น้ำอิงเป็นแค่ผู้จัดการบริษัทเล็กๆ ได้เงินเดือนไม่กี่หมื่น น้ำอิงก็ให้เงินคุณแม่ใช้ตามที่น้ำอิงให้ได้ เพราะน้ำอิงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมดนะคะ ทั้งค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ จิปาถะมากมาย จนน้ำอิงไม่มีเงินเก็บเลยนะคะ”
“หยุดนะนังน้ำอิง แกจะพูดว่าฉันไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านใช่ไหม” คุณธาวินีผุดลุกขึ้นชี้นิ้วด่าลูกสาวด้วยความโกรธจัด
“น้ำอิงไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ น้ำอิงแค่บอกให้คุณแม่รู้ว่าน้ำอิงมีค่าใช้จ่ายอีกมากมายที่ต้องรับผิดชอบ น้ำอิงอยากให้คุณแม่ช่วยน้ำอิงประหยัดนิดหนึ่งได้ไหมคะ ตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยออกไป ทั้งเรื่องการไปทำหน้าทำผม หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆ ถ้าคุณแม่ลดค่าใช้จ่ายพวกนี้ลงบ้าง น้ำอิงคิดว่าเงินหมื่นห้า คุณแม่ก็น่าจะใช้พอในแต่ละเดือนนะคะ”
ฐิติรดาพยายามเกลี่ยกล่อม และเอ่ยบอกมารดาอย่างมีเหตุผล เธออยากให้มารดาประหยัดค่าใช้จ่าย หรือตัดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยออกไปบ้าง ซึ่งหากมารดาทำได้ เธอคิดว่าเงินที่เธอให้มารดาไว้ใช้เดือนละหมื่นห้าก็น่าจะพอใช้ แต่นี่มารดาเธอเล่นใช้เงินดะ ราวกับมีเงินถุงเงินถังเหลือเฝือ อีกอย่างเธอรู้มาว่ามารดาเธอใช้เงินมือเติบมาก เข้าร้านเสริมสวยทำผม ทำเล็บที ก็ให้ทิปเด็กในร้านทีละสองสามร้อย โดยไม่นึกเสียดายเงินเลย ซึ่งแน่นอนว่ามารดาของเธอไม่เสียดายเงินเพราะไม่ใช่คนหาเอง แต่เธอซึ่งทำงานตั้งแต่เช้าหามค่ำ ในแต่ละวันเหนื่อยสายตัวแทบขาด กลับรู้สึกเสียดายเงินจำนวนเหล่านั้นจับใจ
ทางด้านของคุณธาวินี พอถูกลูกสาวตำนิต่อว่ากลายๆ ก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ ใบหน้าแดงจัด ถลึงตามองลูกสาวเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“นังน้ำอิง ฉันเป็นแม่แกนะ แกไม่มีสิทธ์มาสั่งสอนฉัน จำไว้ว่าหากไม่ได้ฉันคอยเลี้ยงดู แกก็ไม่ทางเติบโตเป็นผู้เป็นคนเหมือนทุกวันนี้”
ใช่! นางเป็นคนเลี้ยงฐิติรดามา แต่เป็นการเลี้ยงเพราะสถานการณ์บังคับ ไม่ได้เลี้ยงเพราะความรักใคร่ นั่นก็เป็นเพราะว่าไอ้ผัวเฮงซวยซึ่งเป็นพ่อของฐิติรดาได้ด่วนตายไปตั้งแต่ฐิติรดายังแบเบาะอยู่ นางซึ่งมีฐานะเป็นแค่แม่เลี้ยงก็เลยจำใจต้องเลี้ยงดูฐิติรดาเรื่อยมา และใช่ว่าจะเลี้ยงดูดิบดีหนักหนา นางก็เลี้ยงดูฐิติรดาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่นึกว่าฐิติรดาจะเติบโตมาเป็นคนดีได้ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความสวยเซ็กซี่ของเธอ ที่จะนำเงินก้อนโตมาให้กับนางในเร็วๆ วันนี้
ฐิติรดากัดเม้มริมฝีปากแน่น เสียใจทุกครั้งที่มารดามักจะพูดแบบนี้ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าราวกับไม่มีทางเลือก มารดาจงต้องจำใจเลี้ยงดูเธอ
“น้ำอิงขอโทษค่ะคุณแม่ น้ำอิงไม่ได้คิดสั่งสอนคุณแม่ แต่น้ำอิงแค่อยากให้คุณแม่ช่วยประหยัดค่าใช่จ่ายนิดหนึ่ง ไม่งั้นน้ำอิงก็หาเงินให้คุณแม่ใช้ไม่ทันนะคะ”
“ทันหรือไม่ทัน ฉันไม่สนใจ แกต้องหาเงินมาให้ฉันใช้ก่อนสองหมื่น” ผู้เป็นมารดาสั่งเสียงเข้ม ทำเอาฐิติรดาแทบจะร่ำไห้ออกมาให้ได้
“โธ่...คุณแม่คะ เงินตั้งสองหมื่น น้ำอิงจะหาเงินจากไหนมาให้คุณแม่ได้ล่ะคะ”
ฐิติรดาร้องโอดครวญ ลำพังแค่หาเงินมาจุนเจือในแต่ละเดือนเธอก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว นี่มารดาเล่นสั่งให้เธอหาเงินมาให้ ราวกับว่ามันหาได้ง่ายหนักหนา
“นั่นมันปัญหาของแก ไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่สนใจทั้งนั้นว่าแกจะไปขุดหาเงินมาจากที่ไหน ที่ฉันรู้คือแกต้องหาเงินมาให้ฉันให้ได้”
คุณธาวินีสั่งเสียงเข้ม และก่อนจะยุติการสนทนาก็ไม่ลืมสั่งลูกสาวอีกครั้ง
“ในวันพรุ่งนี้ จะต้องมีเงินสองหมื่นวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ไม่เช่นนั้นแกก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เข้าใจไหมนังน้ำอิง”
ผู้เป็นมารดาสั่งย้ำ พร้อมกับขีดเส้นตายให้กับฐิติรดา จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องนอนของตน ปล่อยให้ฐิติรดานั่งจมอยู่กับความคิดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งนางเชื่อว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้ ฐิติรดาก็จะหาเงินมาให้นางเอาไปทำทุน ระหว่างรอให้ท่านชีคอัลซาร์โอนเงินก้อนโตมาให้
และในความโชคร้าย ก็ยังมีเรื่องดีๆ หลงเข้ามาบ้าง เพราะในขณะที่นางเล่นการพนันติดหนี้ติดสินเป็นเงินถึงห้าล้านบาท แต่นางก็มีโอกาสได้พบกับประมุขแห่งประเทศอาคาเรียโดยบังเอิญ นางไม่รู้หรอกว่าท่านชีคผู้นี้เดินทางมาประเทศไทยทำไมกัน ซึ่งในขณะที่นางกำลังถูกลูกน้องของเจ้าของบ่อนขู่กรรโชกจะทำร้าย ชีคอัลซาร์และองครักษ์ก็เห็นเข้าพอดี และเข้ามาให้การช่วยเหลือจนนางรอดพ้นจากเงื้อมมือของมาเฟียพวกนั้นได้