บทที่ 10

1220 คำ
“ฮึ! ถ้าฉันรอถามความสมัครใจจากแกก่อน แกคิดว่าฉันจะได้ยินคำว่าตกลงจากปากของแกหรือนังน้ำอิง รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันขายแกให้กับท่านชีคอัลซาร์แล้ว” “ขาย!” ฐิติรดาตะโกนร้องเสียงหลง ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของมารดา ร่างบางอรชรผุดลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยบอกมารดาเสียงร้อนรน “ไม่นะคะ น้ำอิงไม่ยอมแต่งงานกับท่านชีคคนนี้เด็ดขาด คุณแม่เอาเงินเขามาเท่าไร เดี๋ยวน้ำอิงจะหาไปคืนท่านชีคเองค่ะ” ด้วยคิดว่าจำนวนเงินที่มารดารับมานั้น อาจจะมีไม่เกินสองสามแสน ฐิติรดาจึงเอ่ยบอกไปเช่นนั้น โดยคิดไว้ว่าหากเอารถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ และหยิบยืมเพื่อนร่วมงานมาอีกนิดหน่อยก็คงครบจำนวนแล้ว แต่! เมื่อได้ยินจำนวนเงินหลักล้าน ซึ่งหลุดออกมาจากปากของมารดา ร่างบางอรชรก็ถึงกับทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง “แกคิดว่าจะหาเงินไปคืนท่านชีคได้หรือนังน้ำอิง เงินที่ท่านชีคซื้อแก หรือถ้าหากจะพูดให้ฟังดูดีหน่อยว่าเป็นค่าสินสอดนั้นเป็นเงินถึงยี่สิบล้านบาท แล้วแกจะเอาเศษเงินจากไหนไปให้เขาล่ะนังน้ำอิง” “นี่คุณแม่ขายน้ำอิงให้กับท่านชีคคนนี้ถึงยี่สิบล้านเลยหรือคะ” “ก็ใช่นะสิ ตอนแรกฉันก็ไม่นึกหรอกว่าจะขายแกได้มากเท่านี้ ถ้าฉันรู้ว่าท่านชีคอัลซาร์หลงแกมาก และกล้าจ่ายเงินได้มากถึงเพียงนี้ ฉันจะเกทับเรียกค่าตัวแกสักสามสิบ สี่สิบล้าน เอาให้รวยไปทั้งชาติไปเลย” ยิ่งพูดคุณธาวินีก็ยิ่งเสียดาย หากรู้สักนิดว่าชีคอัลซาร์คลั่งไคล้นังลูกเลี้ยงคนนี้มาก นางจะเรียกค่าสินสอดให้จมหู เอาให้มีเงินถุงเงินถังไว้เล่นการพนันไปหลายปี ฐิติรดาไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากของมารดา และไม่อยากเชื่อว่ามารดาจะขายเธอให้กับคนอื่นได้ “คุณแม่คะ น้ำอิงเป็นลูกของคุณแม่นะคะ ทำไมถึงขายน้ำอิงราวกับน้ำอิงไม่มีหัวจิตหัวใจ จนน้ำอิงกำลังรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากผักปลาที่ถูกขายอยู่ตามตลาด” หญิงสาวตัดพ้อเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำตาอุ่นเริ่มเอ่อคลอเบ้า ก่อนจะหยุดเป็นทางยาวลงมาตามพวงแก้มเนียนใส โดยปราศจากเสียงร่ำไห้ คุณธาวินีมองฐิติรดาด้วยสายตาสมเพช รอยยิ้มเยาะหยันปรากฏขึ้นทั่วใบหน้า ก่อนจะเอ่ยตอบให้ฐิติรดารู้ว่าทำไม นางถึงกล้าทำเช่นนี้ได้ “ฉันจะบอกให้เอาบุญนะนังน้ำอิง ว่าทำไมฉันถึงกล้าขายแกให้กับคนอื่น ก็เพราะว่าแกไม่ใช่ลูกของฉัน แกเป็นลูกติดของพ่อแก พอพ่อแกตาย ฉันก็จำใจต้องเลี้ยงแกทั้งๆ ที่เกลียดแกจับใจ ในตอนแรกฉันไม่คิดจะเลี้ยงแกหรอกนะ ฉันตั้งใจเอาแกไปทิ้งในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เพราะแกมันดันมีใบหน้าสวยเหมือนคมเหมือนแม่แกไม่มีผิด ฉันเลยคิดว่าสักวันความสวยของแกคงทำประโยชน์ให้กับฉันได้บ้าง และสวรรค์ก็เมตตาฉัน เมื่อท่านชีคอัลซาร์มาเห็นความสวยของแกเข้า ก็เกิดติดใจขึ้นมาจนยอมจ่ายเงินยี่สิบล้านเพื่อซื้อแกไปเป็นเมีย” ฐิติรดารู้สึกราวกับว่ากำลังใจสลายไปกับคำพูดของมารดา เธอไม่เคยล่วงรู้ความลับในเรื่องนี้ เพราะบิดาของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังแบเบาะ และคนที่เธอเห็นตลอดเวลานับตั้งแต่จำความได้ก็คือคุณธาวินี ซึ่งเธอทั้งรักและเคารพ เรียกท่านว่าแม่เสมอ ถึงแม้จะรู้ความจริงแล้วว่าท่านไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของเธอ กระนั้นเธอก็ยังเคารพท่านไม่มีเปลี่ยน “น้ำอิง...ต้องไปแต่งงานกับท่านชีคอัลซาร์เมื่อไรคะ” ฐิติรดาหลุดเสียงถามออกมาได้อย่างยากลำบาก ซึ่งท่าทีที่ไม่มีเอะอะโวยวายร้องกรี๊ดราวกับคนบ้าของเธอ สร้างความแปลกใจให้กับคุณธาวินีเป็นอย่างมาก “นังน้ำอิง แกไม่โกรธฉันแล้วหรือ ที่ฉันขายแกให้กับท่านชีคอัลซาร์” ฐิติรดาฝืนยิ้มทั้งน้ำตานองหน้า พลางเอ่ยตอบให้ผู้เป็นมารดาต้องนิ่งงันไปหลายนาที “ไม่โกรธค่ะคุณแม่ หากสิ่งที่คุณแม่ทำไปจะเป็นการทำให้คุณแม่มีความสุขได้ และเงินจำนวนยี่สิบล้านบาทที่เป็นค่าตัวของน้ำอิง...น้ำอิงยกให้คุณแม่ทั้งหมดค่ะ ถือว่าเป็นค่าน้ำนมที่คุณแม่อุตส่าห์เลี้ยงดูน้ำอิงมาตั้งแต่เล็กจนเติบโตถึงทุกวันนี้” “แกไม่ต้องมาบีบน้ำตา ไม่ต้องมาพูดเหมือนละครน้ำเน่าให้ฉันนึกสงสารแก ต่อให้แกร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด ฉันก็ไม่สนใจหรอกนังน้ำอิง และจำไว้ว่าฉันไม่มีทางแบ่งเงินให้แกแม้แต่สลึงเดียว เพราะหากไม่ได้ฉันคอยอบรมสั่งสอนแกมา ป่านนี้แกก็คงไปเป็นโสเภณีอยู่ข้างถนนแล้ว” แทนที่จะสงสารลูกสาว ซึ่งยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อความสุขของนาง แต่คุณธาวินีกลับตวาดด่าลูกสาวต่อ นางตั้งใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้เงินยี่สิบล้านบาท กระเซ็นไปถึงมือของฐิติรดาแม้แต่สลึงเดียว ฐิติรดาสะอึกกับคำพูดรุนแรงของมารดา หญิงสาวยกมือปาดน้ำตา พลางส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเช่นเคย “น้ำอิงไม่เรียกร้องเงินจำนวนนี้หรอกค่ะคุณแม่ น้ำอิงบอกแล้วว่าน้ำอิงจะตอบแทนคุณแม่ที่เลี้ยงดูน้ำอิงมา เพราะหากไม่ได้คุณแม่เลี้ยงดู น้ำอิงก็คงไปเป็นโสเภณีเหมือนคุณแม่พูดแล้ว น้ำอิงถือว่าการขายตัวครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตของน้ำอิง เป็นการชดใช้ให้กับคุณแม่ทั้งหมด ต่อไปขออย่าให้เราสองคนต้องมีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลยค่ะ” “ดีเหมือนกัน ชดใช้กรรมในชาตินี้ให้หมดสิ้น และแกไม่ต้องกลัวว่าฉันจะใจไม้ไส้ระกำนะ ฉันจะเจียดเงินไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลกรวดน้ำคว่ำขันให้แกกับพ่อของแกด้วย เกิดชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก” คุณธาวินีตอบเสียงเย็น ไม่มีความรู้สึกผิด หรือไม่รู้สึกสงสารลูกเลี้ยงแม้แต่น้อย ตอนนี้หัวสมองของนางคิดถึงแต่เรื่องเงินยี่สิบล้านที่เพิ่งได้มาเท่านั้น “น้ำอิงต้องไปประเทศอาคาเรียวันไหนคะคุณแม่” ฐิติรดาเม้มริมฝีปากแน่น พยายามอย่างยิ่งยวดไม่ให้เสียงร่ำไห้หลุดลอดออกมาให้มารดาได้ยิน ขณะเอ่ยถามออกไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม