ทาสที่ 1
เขาอยากให้ผมเป็นบอส
ณ อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวง
รปภ. ที่ดูแลชั้นบนสุดรีบลุกจากโต๊ะไปยืนรอที่หน้าลิฟต์ทันทีที่เห็นหนุ่มหล่อในชุดสูทภูมิฐานเดินตรงมาโดยมีหญิงสาวสวยในชุดสูทสีเข้มเรียบหรูเดินตามหลัง
เมื่อทั้งคู่เข้ามาใกล้ รปภ. ทำความเคารพแล้วกดลิฟต์ให้ ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปด้านในสุดของตัวลิฟต์โดยไม่หันหลังกลับมาทางประตู
ลิฟต์ตัวนี้เป็นลิฟต์แก้ว แถมอีกไม่กี่นาทีก็จะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว สำหรับคนที่ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเสียนาน การได้ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวง เมืองฟ้าอมรจากมุมสูงในช่วงเวลาแบบนี้คงสร้างความรื่นรมย์ในใจอยู่มากโข
แสงทองของยามเย็นฉาบทั่วท้องฟ้า
ทอไหม
เลขานุการสาวหันไปมองร่างสูงสง่าที่ยืนนิ่ง ทอดสายตาออกไปด้านนอกของผนังกระจก ประกายแสงสีทองที่ส่องทะลุเข้ามาปกคลุมร่างผึ่งผายในชุดสูทสีเข้มให้ความรู้สึกสูงส่ง เลอค่า…และเกินเอื้อม
ภาพที่เห็นราวกับฉากในนิยายที่เธอเคยอ่านสมัยยังเป็นสาวน้อยช่างฝัน ที่เลขาฯ สาวอยู่ในลิฟต์เพียงลำพังกับประธานบริษัทหนุ่มรูปงามผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมแถมยังโสด
ตุลา หรือ ตุลย์
หนุ่มนักเรียนนอก อายุย่างเข้า 28 ปี เพิ่งจะมารับช่วงกิจการต่อจากมารดาได้ไม่นาน ภายนอกก็ดูเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรงปกติทั่วไป สุภาพเข้มขรึม วางตัวเหมาะสม
ส่วนเธอ ทอไหม
เลขานุการของประธานบริษัทคนก่อนที่ได้รับมอบหมายให้มาทำงานให้ชายหนุ่ม เลขาสาวคนเก่งของเจ้านาย เธอทำงานกับ บริษัทแห่งนี้มานานกว่า 8 ปี ตั้งแต่ฝึกงาน จนตอนนี้อายุ ย่างเข้า 30 ปีแล้ว เป็นเลขาให้ตั้งแต่รุ่นแม่ยันรุ่นลูก
'เผลอๆ ฉันจะได้ทำงานยันรุ่นหลายมั้ยเนี่ย' ทอไหมคิดในใจ
คิดไปถึงแค่นั้น เสียงระบบอัตโนมัติบอกชั้นที่ลิฟต์กำลังจะไปถึงก็ช่วยดึงความคิดของทอไหมให้กลับมาที่ปัจจุบัน ในขณะเดียวกันเจ้านายหนุ่มก็หันหลังกลับและก้าวเท้าออกไปทันทีที่ประตูเปิดโดยมีทอไหมยืนกดปุ่มเปิดประตูค้างไว้ให้
"ไปที่ห้าง...เลยนะคะ ไม่ต้องกลับออฟฟิศ"
ทันทีที่ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ทอไหมก็บอกจุดหมายปลายทางกับคนขับก่อนจะหันไปทบทวนกำหนดการสำหรับพรุ่งนี้ให้เจ้านายหนุ่มฟัง
วันนี้ทั้งสองออกมาประชุมนอกสถานที่กับคู่ค้ารายใหญ่ เธอรู้ดีว่าการประชุมจะยืดเยื้อแน่ๆ จึงแจ้งฝ่ายต่างๆ ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าประธานบริษัทจะไม่กลับออฟฟิศและถ้าใครมีอะไรเร่งด่วนก็ให้รายงานผ่านเธอ
โชคดีที่วันนี้ไม่มีปัญหาหรือเอกสารเร่งด่วนอะไรให้เจ้านายของเธอต้องเซนต์หรือต้องกลับไปจัดการ หญิงสาวจึงให้คนขับรถไปส่งทั้งคู่ที่ห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง
ตุลย์มีนัดที่นั่น ส่วนเธอ…บังเอิญของที่อยากได้ขาดตลาดและเธอได้ยินว่าที่นั่นมีขาย เลยว่าจะไปดูเสียหน่อย
"แล้วเจอกันครับ"
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเบาๆ
“ค่ะบอส”
พวกเขาลากันก่อนจะแยกย้ายกันที่ลานจอดรถ
หญิงสาวใช้เวลาซื้อของไม่นาน ถ้าไม่ติดว่ากลัวของจะหมดเสียก่อนเธอก็อยากจะมาช่วงเสาร์อาทิตย์มากกว่าจะได้เดินดูของแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบกลับเหมือนวันนี้
'เอ๊า ผิดทางเฉย ยัยไหม ยัยเบ๊อะเอ้ย! '
ทอไหมต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ หญิงสาวไม่ได้มาที่ห้างนี้บ่อยนัก แถมก่อนหน้านี้ห้างยังปิดปรับปรุงเธอเลยหลงลืมไปว่าประตูด้านหลังที่เชื่อมกับทางออกที่เดินไปรถไฟฟ้าได้นั้นอยู่ทางไหน
'แต่เอ๊ะ คนนั้นเหมือนคุณตุลย์จังเลยแฮะ…ใช่จริงๆ ด้วย! '
ทอไหมคิดพลางเขม้นมองไปยังร่างสูงโปร่งที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล
ทางออกที่เธอหลงมานั้นเป็นทางเชื่อมไปโรงแรมหรูที่อยู่ในเครือเดียวกันกับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
แน่นอนว่าเธอไม่เคยมา เพราะแขกของประธานคนเก่านิยมไปพักที่โรงแรมหรูฝั่งริมแม่น้ำมากกว่า แต่ตุลย์มาที่นี่ด้วยธุระส่วนตัวที่เธอเองก็ไม่รู้และไม่ได้เซ้าซี้หรือละลาบละล้วงถาม จึงเป็นไปได้ว่าชายหนุ่มอาจจะนัดใครไว้
'รีบไปดีกว่า เดี๋ยวหันมาเจอแล้วคิดว่าเราแอบตามมาดู'
แม้ธรรมชาติของงานจะเปิดโอกาสให้ได้รู้เรื่องส่วนตัวของนายจ้าง แต่ทอไหมไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็น เธอรับรู้เท่าที่เจ้านายยอมให้รู้เท่านั้น และแน่นอนว่าทุกอย่างที่เธอรู้จะถูกเก็บเป็นความลับ
เพราะอย่างนี้มารดาของชายหนุ่มจึงไว้วางใจให้เธอมาช่วยงานทั้งที่อายุยังน้อยและเมื่อเลขาฯ คนเก่าลาออกไปเธอก็ได้เลื่อนมาเป็นเลขาฯ คู่ใจภายในเวลาไม่นาน
ทอไหมหันหลังออกก้าวเดินได้สองสามก้าวก็ต้องหยุดชะงัก
"เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป! "
เสียงนี้เป็นเสียงของตุลย์ไม่ผิดแน่ เพียงแต่ชายหนุ่มไม่ได้พูดกับเธอ เพราะพอพูดจบก็มีเสียงผู้หญิงพูดโต้ตอบไม่ดังนักแต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากไปกับเจ้านายของเธอแล้ว
หมอนี่โดนสาวเทงั้นหรอ ผู้หญิงทิ้งเขาต่อหน้าต่อตาทอไหม
ทอไหมลังเลอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับไปทางด้านหลัง ดวงตากลมโตเป็นประกายโบกโพลง
สิ่งที่เห็นทำให้หญิงสาวตกใจอยู่ไม่น้อย
จากชายหนุ่มร่างสูงสง่าเมื่อตอนเย็นบัดนี้กลายเป็นเด็กชายตัวโตยืนคอตกเพราะเพื่อนไม่เล่นด้วย
'คิกๆ น่าเอ็นดูจัง เฮ้ย ไม่ได้ดินั่นเจ้านายนะ' ทอไหมคิดแล้วปรับสีหน้าทันที
ดูจากระยะห่างเธอมั่นใจว่าตุลย์คงเห็นเธอแล้ว เดินหนีไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ทอไหมจึงเปลี่ยนใจเดินเข้าไปหา ร่างอรชรสืบเท้าเข้าไปหาผู้เป็นเจ้านายอย่างรู้สึกอยากช่วย
"คุณตุลย์โอเคไหมคะ? "
ทอไหมถามเสียงเบาในใจนึกหวั่นว่าอีกฝ่ายจะโกรธที่เธอดันมาเห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น
แต่ผิดคาด เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแทนที่จะเห็นแววตากราดเกรี้ยวเธอกลับมองเห็นแค่เพียงความโดดเดี่ยวและเหงาหงอย
'อย่างกับลูกหมาโดนเจ้าของเอาไปปล่อยวัด! '
อาจจะฟังว่าแรงเกินไป แต่ทอไหมยังยืนยันว่าไม่มีคำพูดไหนจะบรรยายท่าทางของเจ้านายหนุ่มของเธอได้ดีไปกว่าประโยคนี้อีกแล้ว
โดยไม่รู้ตัว หญิงสาวเอ่ยถามออกไปทั้งที่ปกติแล้วไม่ใช่คนชอบละลาบละล้วงเรื่องคนอื่น
"มีอะไรเล่าให้ไหมฟังได้นะคะ"
คำพูดของเธอว่าแปลกแล้ว คำตอบของชายหนุ่มกลับผิดคาดยิ่งกว่า
"กับคนเมื่อกี้ เราเจอกันบ่อย เราชอบอะไรเหมือนๆ กัน…"
"แต่ตอนนี้เค้าไม่ชอบบอสแล้ว? "
"ไม่ครับ เค้าชอบบอส"
ทอไหมพยายามจะเข้าใจแต่ทำยังไงก็ไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเหมือนจะดูออกเลยอธิบายเพิ่ม
"เค้าไม่อยากเป็นบอสแล้ว…เค้าชอบบอส! "
แน่นอนว่าคำอธิบายนั้นไม่ได้ช่วยอะไร เจ้านายหนุ่มของเธอทำท่าเรียบเรียงคำพูดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะอธิบายอีกครั้งด้วยท่าทางมั่นใจเต็มที่ว่าคราวนี้เธอต้องเข้าใจแน่ๆ
"เค้าอยากให้ผมเป็นบอส! "
เจ้าหมาหงอยกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่
หญิงสาวได้แต่คิดในใจแล้วมองหน้าเขาอย่างครุ่นคิด