หญิงสาวนอนหอบหายใจสะท้านอยู่ใต้ร่างของเขา เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการเป็นเมียจะเหนื่อยขนาดนี้
เขาไม่ได้เอ่ยชวนแต่จัดการอุ้มเธอไปอาบน้ำทันทีที่ทุกอย่างจบสิ้นลง กันยาถูกดึงไปอาบน้ำใต้ฝักบัวที่มีสายน้ำอุ่นรินรดเรือนกาย มือหนาของเขาลูบไล้เรือนร่างของเธออย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“เธอเป็นเมียของฉันแล้ว อย่าทำตัวเหมือนกิรณาก็แล้วกัน” เขาอดระแวงไม่ได้ เธอก็พยักหน้าเบาๆ ไม่อยากทำให้เขาต้องหงุดหงิดใจ
เอาจริงๆ กันยาคิดว่าพี่สาวทำไม่ถูก แต่เพราะกิรณาเป็นลูกคนโต ถูกบิดามารดาตามใจจนเสียคน ขนาดบิดามารดาห้ามปรามอะไรยังไม่ฟัง แล้วเธอจะไปทำอะไรได้ เนื่องจากเธอเป็นแค่น้องสาวที่เพิ่งกลับมาอยู่ด้วยกันไม่กี่ปีเท่านั้น ตอนเล็กๆ นั้นเธอไปอยู่กับยายที่บ้านสวน พอคุณยายเสียชีวิต บิดามารดาจึงไปรับกลับมาอยู่ด้วยกันกับครอบครัวอีกครั้ง
การรับประทานอาหารเช้าเป็นไปอย่างเรียบง่ายและเงียบเชียบในตอนสาย กันยาเดินมาส่งบิดามารดาขึ้นรถด้วยใบหน้าเศร้าหมอง พวกท่านกำลังจะเดินทางกลับ ในขณะที่เธอต้องอยู่ที่ไร่กับเมษเพื่อเป็นภรรยาของเขา จะเรียกว่าภรรยาก็ไม่ถูกเสียทีเดียว จริงๆ เธอคือตัวขัดดอกเพราะหนี้สินที่พี่สาวของเธอทำเอาไว้มันมากมายเหลือเกิน เมษแค่แต่งงาน ซึ่งถ้าจะพูดกันให้ถูกคือ ฝ่ายของเธอก็ไม่ต้องชดใช้เงินจำนวนมากนั้นให้แก่เขาในทันที ไม่เช่นนั้นบิดามารดาก็คงจะไม่มีที่ซุกหัวนอนเป็นแน่แท้
พี่สาวของเธอเป็นคนหัวสูง ชอบคบเพื่อนร่ำรวยที่มีฐานะและเป็นที่นับหน้าถือตาของสังคม หล่อนชอบใช้ข้าวของราคาแพง หยิบยืมเงินจากบิดามารดาไปลงทุนก็ขาดทุน โดนโกง แถมยังหยิบยืมเงินจากเมษไปอีก จะบอกว่าอวดฉลาดก็ย่อมได้ ชอบอวดรวยทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีอะไรให้อวด และอวดว่าตัวเองเก่ง แต่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จเพราะเป็นคนเบื่อง่าย
“ดูแลตัวเองให้ดีนะจ๊ะ โทรศัพท์ไปหาพ่อกับแม่บ้างนะ” คุณจินตนาดึงบุตรสาวคนเล็กมากอด รู้สึกผิดเต็มอกเพราะคนที่แต่งงานจริงๆ ควรจะเป็นกิรณา
“ค่ะคุณแม่”
“พ่อรักหนูนะลูก ขอโทษจริงๆ ที่ต้องทำแบบนี้” คุณประภพดึงบุตรสาวมากอดและลูบผมนุ่มสลวยของอีกฝ่ายเบาๆ
“คุณพ่อกับคุณแม่อย่าคิดมากสิคะ หนูยินดีทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวค่ะ” ตอนที่บิดามารดามาถามเธอเรื่องแต่งงาน เธอก็เป็นคนยินยอมพร้อมใจที่จะแต่งงานกับเมษเอง ด้วยว่าลึกๆ แล้วเธอก็แอบรักเขาอยู่เหมือนกัน
“พ่อกับแม่ต้องขอบใจหนูมากๆ นะลูก ที่หนูช่วยครอบครัวเอาไว้ในครั้งนี้” เธอยืนส่งพวกท่านขึ้นรถ ในขณะที่เมษยืนเงียบๆ อยู่ใกล้ๆ กับเธอ เขายกมือไหว้พวกท่านด้วยท่าทีสุภาพ ก่อนจากไป บิดามารดาได้พูดบางอย่างกับเมษ ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“กันยาต้องช่วยพี่เมษทำงานอะไรในไร่บ้างคะ” เธอเอ่ยถามเขาหลังจากรถตู้คันโตที่บิดามารดาโดยสารเคลื่อนออกไปจากไร่จนสุดสายตาแล้ว
“อยากทำงานเหรอ” เขาเอ่ยถาม มองหญิงสาวรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นที่เขาคิดว่าเธอคงไม่มีทางทำงานอะไรได้นอกจากเรื่องบนเตียง
ความเข้าใจผิดของเขาเรื่องเกี่ยวกับกันยาอาจจะกระจ่างแล้ว แต่ความเจ็บแค้นในตัวพี่สาวของเธอก็ทำให้เขายังหงุดหงิดใจอยู่ไม่หาย
“ฉันทำสวนทำไร่ ทำหลายอย่าง ช่วงนี้กำลังตัดอ้อย เธอก็ไปตัดอ้อยกับคนงานแล้วกัน ทำได้ไหมล่ะ” เขาเอ่ยถาม และคิดว่าคำตอบที่ได้ก็คงจะเป็นคำว่าขอทำงานอย่างอื่นที่สบายๆ ได้ไหมคะ เธอคงทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำกลางแดดแบบนั้นไม่ไหวแน่ๆ
“ได้ค่ะ”
“อ้อ... ดีนี่ ไม่คิดว่าจะขยันแบบนี้ เห็นพี่สาวของเธอชอบแต่งหน้าทาปาก ตะลอนๆ ไปทั่วไม่ทำงานทำการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน” เมษเองก็ยังนึกเจ็บใจตัวเองที่เขาหลงคบกับกิรณาเป็นนานสองนาน เพราะความเป็นสุภาพบุรุษคิดว่าต้องรับผิดชอบ กลายเป็นโดนสวมเขาอยู่บนหัว ให้คนอื่นหัวเราะเยาะกันไปทั่ว
“กันยาต้องทำอะไรบ้างคะ”
“คนงานคนอื่นเขาทำอะไรกันก็ทำไปเถอะ มีตาก็หัดดูเอาไว้บ้าง อยู่ที่นี่ต้องทำงานนะ ผัวเป็นชาวไร่ชาวสวน จะนั่งชี้นิ้วใช้คนอื่นเป็นคุณนายเหมือนอยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้หรอกนะ”
“ค่ะ” กันยารับคำ เธอไม่เถียงและไม่หือไม่อืออะไรกับเขา เพราะเข้าใจว่าเขากำลังโกรธ แต่เธอจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เผื่อว่าจะทุเลาความโกรธของเขาลงไปได้บ้าง
“ก็ดี” เขาเห็นเธอตอบแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดนิดๆ คิดว่าเธอคงประชดหรือจองหองใส่เขา
เอาเถอะ... เขาก็อยากรู้ว่าเหมือนกันว่าเธอจะทำงานในไร่ได้สักกี่น้ำ
เมษพาภรรยาสาวเข้าไร่ น่าแปลกที่เธอทักทายคนงานในไร่อย่างไม่ถือตัว และทุกคนก็ให้ความเคารพเธอ
เมษเห็นแล้วให้นึกหมั่นไส้เป็นอันมาก คิดว่าเธอคงจะหว่านเสน่ห์กับคนงานผู้ชายเหมือนพี่สาวของเธอสินะ
“อย่าเที่ยวอ่อยผู้ชายไปทั่วแบบนี้สิ ผัวยืนหัวโด่อยู่นี่ทั้งคน” เขาบีบแขนของเธอจนเจ็บ
“โอ๊ย! พี่เมษ กันยาเจ็บนะคะ”
“เจ็บสิดี จะได้ไม่ทำอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะผลักเธอจนเซ เธอลูบแขนไปมาป้อยๆ กลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่นในหัวใจ
เขาเดินจากไปไม่เหลียวหลัง คงไม่พอใจเธอ กันยามองแผ่นหลังที่ตั้งตรงของเขาด้วยดวงตาเศร้าสร้อย เธอปาดเหงื่อเบาๆ ทำตัวให้กลมกลืนกับคนงานในไร่และทำงานอย่างไม่ปริปากบ่น
พักกลางวันแล้วทุกคนแยกย้ายกันไปรับประทานอาหาร เธอก็เดินตามคนอื่นๆ ไปด้วยเพราะว่าเธอเองก็หิวแล้วเหมือนกัน
“นายหญิงไปนั่งพักในห้องพักของนายเลยจ้ะ เดี๋ยวให้คนงานตักอาหารไปให้นะคะ จะได้นั่งกินกับนายสบายๆ”
“ไม่ต้อง! ต่อไปผู้หญิงคนนี้จะนั่งกินกับทุกคน เหมือนคนงานคนหนึ่ง” ประโยคของเมษ ถือเป็นประกาศิต นั่นทำให้กันยาชะงัก เธอมองคนอื่นไปตักอาหารจากแม่ครัวก็เดินตามไปเงียบๆ ไม่ปริปากบ่น
“นายหญิงชอบแกงส้มไหมคะ” ป้าเจิด แม่ครัวประจำไร่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ชอบจ้ะ หอมเชียว แกงส้มปลาช่อนกับมะละกอเหรอจ๊ะ” ตอนอยู่บ้านสวนของคุณยาย เธอได้เรียนทำอาหารกับคุณยายทุกอย่าง จึงรู้สูตรอาหารมากมาย ด้วยว่าคุณยายนั้นได้รับเชิญไปเป็นแม่ครัวช่วยงานในหมู่บ้านออกบ่อย และเธอก็ไปเป็นลูกมือให้ท่านทุกงาน
“ใช่ค่ะ นี่ไข่เจียวมะเขือค่ะ เดี๋ยวป้าตักไข่ปลาให้นายหญิงนะคะ”
“ขอบคุณค่ะป้า” กันยายกมือไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อุ๊ย! นายหญิงอย่าไหว้ป้าหรอกค่ะ” ป้าเจิดทำท่าตกอกตกใจ
“ป้าอายุน้อยกว่าหนู หนูไหว้ป้าก็ถูกแล้วค่ะ” กันยาพูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“น่ารักเสียจริง” ป้าเจิดหันไปเอ่ยชมกับแม่ครัวคนอื่น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชอบใจในความไม่ถือตัวและเป็นกันเองของอีกฝ่าย
จริงๆ แล้วเมษก็เคยพากิรณาพี่สาวของกันยามาเที่ยวที่ไร่ ฝ่ายนั้นน่ะเจ้ายศเจ้าอย่างและไม่ชอบที่นี่ หล่อนแสดงออกชัดเจนจนทุกคนสัมผัสได้ แถมยังบ่นว่าร้อน อยู่ตลอด กิรณาชอบมองคนอื่นด้วยหางตา พอรู้ว่ากิรณาไม่ได้เป็นเจ้าสาวของเมษ ก็ทำให้หลายคนเฮไปตามๆ กัน
เมษแอบมองเมียของตัวเองผ่านทางบานเกล็ดหน้าต่าง กันยาเข้ากับทุกคนได้อย่างรวดเร็ว แถมยังมีคนงานหนุ่มๆ คอยบริการน้ำท่าและขนมหวานจนเขาเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง
“มานั่งกินด้านในกับฉัน” เมษเดินอาดๆ ออกมาก่อนจะกระชากมือของกันยาขึ้นจากโต๊ะ แล้วดันเข้าไปในห้องพักส่วนตัวของเขา
“พี่เมษมีอะไรหรือเปล่าคะ” กันยาถามแล้วหลบวูบเมื่อเจอกับสายตาดุดันของเขาเข้า
“เธอกับพี่สาวของเธอนี่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน นั่งกินข้าวดีๆ ไม่เป็นหรือไง นั่งหัวรัวต่อกระซิกกับผู้ชาย ลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองมีผัวแล้ว” เขากระชากแขนของเธอมาหา บีบจนเธอน้ำตาซึม
“พี่เมษคะกันยาเจ็บนะคะ”
“เจ็บสิดีจะได้ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย เธอจำใส่หัวเอาไว้ เธออยู่ที่นี่ในฐานะลูกหนี้ ที่ฉันแต่งงานด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว สำนึกเอาไว้เสียด้วย”