ก้าวแรก3

2215 คำ
เสียงเคาะประตูดัง เพื่อให้คนภายในเรือนรู้ว่าบัดนี้จะมีคนเข้ามาด้านใน จื้อซิ่งเหมี่ยนผู้เป็นเจ้าของห้องเรียบมิได้เปิดม่านทำเพียงมองดรุณีที่เจริญวัยเดินนำคนเข้ามาเติมน้ำสำหรับอาบให้กับคนที่นอนอยู่หลังม่านชมพูพลิ้ว หลังคนเทน้ำลงอ่างขนาดใหญ่และล่าถอยออกไป ฮุ่ยกวงนำน้ำหอมที่เพิ่งซื้อมาเทลงอ่างพร้อมพรมกลีบกุหลาบหวังเอาใจคนที่จะลงมาอาบยังอ่างนี้ "เหตุใดวันนี้สตรีน้อยแห่งหอหอมหมื่นลี้มาเอาใจข้าได้นะ" "ท่านน้า" เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มหันมาเห็นจื้อซิ่งเหมี่ยนในชุดคลุมสีขาว ปล่อยผมสยาย ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเดินตรงเข้ามาทางตน "เมื่อคืนท่านน้าคงเหนื่อย ข้าเลยให้คนเตรียมน้ำและน้ำหอมเพื่อให้ท่านน้าแช่ จะได้รู้สึกผ่อนคลายเจ้าค่ะ" "ไม่ใช่หวังอะไร? " "ไม่เสียหน่อย แต่ว่าเมื่อคืนท่านน้างดงามมากนะเจ้าคะ" ฮุ่ยกวงดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงภาพเมื่อค่ำวาน สตรีในชุดแดงร่ายรำตามท่วงทำนองอ่อนช้อยสลับรวดเร็ว "แอบดูข้าอีกแล้วหรือ? " สายตาจ้องเพื่อเค้นหาความจริง เด็กน้อยหรือจะกล้าโป้ปด นางก้มหน้าหลบเลี่ยงความผิด "ข้าเปล่าแอบดูนะ ท่านยายพาข้าไปดู รับรองได้ว่าไม่มีใครเห็นข้าแน่" แต่มีหรือที่คนอย่างนางจะถูกเด็กน้อยหลอกได้ง่ายๆ นางยิ่งก้มหน้าก้มตา กล่าวน้ำเสียงสลด “เจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่านยายให้พาไป แต่ท่านไม่ยอมพาข้าไป...” “เจ้าจึงแอบดู?” “เจ้าค่ะ แต่ไม่มีใครเห็นจริงๆ นะเจ้าคะ” "ข้าเชื่อว่าไม่มีใครเห็นเจ้า" นางกล่าวพลางมองเด็กน้อยที่อยู่กับตนย่างเข้าปีที่เจ็ดนางมองทะลุร่างเด็กน้อยคล้ายเห็นตัวเองในอดีต ยามนั้นนางมักจะแอบซ่อนไม่ให้ใครเห็น นอกเสียจากจะได้ยินเสียงท่านแม่ตะโกนหา นางถึงจะออกมา นอกจากจะซ่อนตัวแล้วนางยังวิ่งได้เร็วเสียอีก จู่ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างออก "อาฮุ่ย เจ้าอยากไปเที่ยวไหม? " "อยากเจ้าค่ะ" เสียงใสตอบอย่างไม่ใช้เวลาคิด แต่เพียงวูบเดียวก็แสดงสีหน้าสลด "ท่านน้าจะไปได้หรือเจ้าคะ หากใครเห็น..." "เด็กโง่ เมื่อคืนข้าเพิ่งเผยใบหน้าให้ใครต่อใครเห็นแล้ว ยังจะกลัวอะไรอีกเล่า ข้าจะพาเจ้าไปหาซื้อผ้ามาตัดชุดเสียหน่อย เมื่อคืนข้าได้ยินมาว่าผ้าสกุลหนิงทอได้งามยิ่ง" นางกล่าวจบก็เปลื้องผ้าลงอ่างน้ำ หวังสูดกลิ่นหอมจากน้ำหอมที่อาฮุ่ยผสมลงน้ำทำให้สมองปลอดโปร่งในยามที่ตะวันยังไม่ตกดิน "ร้านของคุณชายท่านนั้นหรือเจ้าคะ? " "อืม หมวกใบใหญ่ที่มีผ้าสีขาวเนื้อดีช่วยอำพรางใบหน้าช่างเหมาะสมสำหรับสตรีที่ยังมิได้ออกเรือนยามออกมานอกจวน ย่อมไม่แปลกที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ทว่าสตรีที่อยู่หอนางโคมเขียวจำเป็นด้วยหรือที่ต้องปกปิดใบหน้า หากงดงามย่อมเป็นการดีไม่น้อยเพื่อให้บุรุษมากหน้าหลายตาได้ยลโฉมและเรียกแขกให้ไปแวะเวียนยังหอของตน แล้วเหตุใดสตรีงดงามอย่างจื้อซิ่งเหมี่ยนต้องปิดบังด้วยเล่า ผู้ใดสามารถให้คำตอบนี้กับความคิดของเด็กน้อยที่เดินเคียงข้างสาวงามได้นอกจากเจ้าตัว "ท่านน้าจะเข้าไปซื้อจริงๆ หรือเจ้าคะ" เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างเสียไม่ได้ เพราะเงินที่จื้อซิ่งเหมี่ยนสั่งให้นำมาช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับราคาผ้าที่นางเริ่มคำนวณในใจกับจำนวนเงินในกระเป๋า ว่าผ้าร้านนี้คงมีราคาค่างวดมากเป็นแน่ "ไม่เชื่อใจข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หืม? " จื้อซิ่งเหมี่ยนเห็นท่าทางกังวลใจก็รู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่ แต่เพราะแผนการในใจและนางก็ไม่อยากอธิบายมากทำเพียงเดินนำทางเด็กน้อยข้างกายเข้าร้าน "ท่านน้า แต่ว่า..." ฮุ่ยกวงยังไม่ทันเอ่ย ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อน ทำให้นางรีบปิดปาก "อ๊ะ คุณหนูกู้ เชิญๆ ด้านในขอรับ" หลงจู๊ผู้ดูแลร้านผ้า เดินเข้ามาต้อนรับสตรีอันดับหนึ่งของแคว้น นางไม่ได้ตอบคำทักทายนั้น ทำเพียงพยักหน้ารับ หัวคิ้วขมวดมุ่นของฮุ่ยกวงเริ่มแสดงออกถึงความใคร่รู้แต่ยังไม่กล้าเอ่ยถามว่าเหตุใดหลงจู๊ผู้นี้ถึงเรียกท่านน้าของตนว่าคุณหนูกู้ "ข้ามาดูผ้า ได้ยินว่ามีผ้าเนื้อดีลายใหม่เพิ่งเข้ามา จึงคิดจะมาเลือกเอง คงไม่รบกวนท่านหลงจู๊" "ไม่ผิดขอรับ มีผ้าลายใหม่ๆ มาแต่ไม่มากขอรับ เชิญคุณหนูกู้นั่งรอด้านนี้ก่อน ข้าน้อยจะนำผ้าลายมาให้คุณหนูดู" หลงจู๊เดินเข้าไปด้านในเพื่อให้คนช่วยกันนำผ้าหลากหลายสีสันมาให้คุณหนูใหญ่สกุลกู้เลือก "ท่านน้า ข้าไม่เข้าใจ" ฮุ่ยกวงที่นิ่งยืนฟังเห็นหลงจู๊ขายผ้าเดินไปหลังร้าน นางรีบเปิดปากถามเสียทันที "เจ้าไม่ต้องเข้าใจทุกอย่าง ประเดี๋ยวหลงจู๊นำผ้ามาเจ้าก็ไปจับๆ เลือกๆ มาให้ข้าเท่านั้นก็พอ เข้าใจหรือไม่? " "เจ้าค่ะท่านน้า" คำตอบของฮุ่ยกวงทำให้จื้อซิ่งเหมี่ยนพอใจ นางแค่เล่นสนุกเหมือนเมื่อครั้งที่นางวัยเยาว์บ้าง ปรักปรำผู้อื่นนางก็ทำเป็น หลงจู๊เดินนำคนงานออกมา ในมือของคนงานล้วนมีผ้าหลายสำรับนำมาวางตรงหน้า ฮุ่ยกวงเดินเข้าไปดูผ้าและทำตามที่ จื้อซิ่งเหมี่ยนสั่ง เมื่อมือน้อยได้สัมผัสผ้าผืนลื่นมันวาวทอลวดลายต่างๆ ภายใต้สายตาของจื้อซิ่งเหมี่ยนและหลงจู๊เจ้าของร้าน นางไม่รอให้เด็กน้อยเอ่ยคำใดๆ จื้อซิ่งเหมี่ยนรีบเปิดปากขึ้นทันที "ท่านหลงจู๊ ข้ารับหมดนี่ช่วยให้คนขนขึ้นรถม้าให้ข้าด้วย" "เอ่อ...คุณหนูกู้รับหมดเลยหรือขอรับ? " "ใช่ ท่านมีปัญหาอะไรหรือ? " "เปล่าขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ แล้ว..." "ค่าสินค้าทั้งหมดรบกวนท่านช่วยส่งคนไปเก็บที่จวน ข้าจะนั่งรอตรงนี้ และนี่...ถือว่าเป็นค่าน้ำสินน้ำใจเล็กน้อยจากข้าที่ทำให้ท่านเหนื่อย แม้จะไม่มากแต่ก็พอซื้อน้ำชาได้หลายกา" นางวางก้อนเงินเพื่อแสดงไมตรีจิตให้กับหลงจู๊ร้านผ้าที่เป็นหนึ่งของสกุลหนิง ก้อนเงินใหญ่ทำให้เขาตาลุกวาว รีบทำตามคำของสตรีแรกรุ่นทันที "ท่านน้า หลงจู๊จะไม่มาเอาเรื่องกับเราที่หอหรือเจ้าคะ" ฮุ่ยกวงเริ่มเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้น กระซิบถามเมื่อหลงจู๊ของร้านเดินออกไปควบคุมคนงานขนผ้าขึ้นรถม้า "หากจะเอาเรื่องคงต้องไปที่จวนสกุลกู้ ไม่ใช่กับหอเรา หรือหากมาข้าก็มีคนรับหน้าแทน ไยต้องกลัวด้วยเล่า ไปเถอะ! ข้าไม่อยากอยู่นาน" "เจ้าค่ะ ท่านน้า" นางมีหรือจะรั้งรอ จึงรีบรับคำทันที ทั้งสองเดินออกจากร้าน จื้อซิ่งเหมี่ยนมองการขนย้ายเพียงแวบเดียวก็ดึงสายตากลับมามองด้านหน้าของถนน ผู้คนยังคงเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อยู่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชายคุ้นหน้า นางยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก็ยกมุมปากยิ้ม หนิงไช่กวงเดินเข้าร้านแห่งหนึ่งที่ตนรู้จักเป็นอย่างดี นางยกมุมปาก ในใจนึกขอบคุณเจ้าโจรชั่วที่เก็บสมบัติล้ำค่าไว้ในห้องทำให้นางได้หยิบติดมือมา ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ได้มายืนจุดนี้ ลำพังใบหน้าและเสียงที่ย่อยยับเพราะฝีมือคนใจทรามจนนางอาจคิดสั้นลาสู่ปรโลก ดีที่มีนักพรตเฒ่ากับลูกศิษย์รูปงามผ่านมาเห็นและช่วยไว้จนนางกลับมาเป็นปกติเหมือนดังเดิม ไม่สิ! ต้องกล่าวว่าดีกว่าเดิมนัก นางต้องขอบคุณเลือดของคนสกุลกู้ที่อยู่ในกายนางครึ่งหนึ่ง ที่ทำให้ความโลภผุดเข้ามาแวบหนึ่งในช่วงที่จะเอาชีวิตรอด อัญมณีมากโขที่นางพอจะหยิบติดไม่ติดมือมาได้ก็เพียงพอที่จะทำให้นางมีจุดยืนที่สูงพอมองเห็นอะไรได้กว้างขึ้น ไกลขึ้น หากไม่ใช่ของเหล่านั้น ก็อย่าได้คิดหวังว่านางจะผงาดได้ และสิ่งนี้ทำให้นางตระหนักได้ว่าสตรีถึงแม้จะงดงามทั้งภายนอกและจิตใจแต่ไร้ซึ่งอำนาจและเงินตรา มีแต่จะถูกข่มแหง และที่ผ่านมานางและมารดาต่างก็ไร้ซึ่งอำนาจ ทรัพย์สมบัติของท่านแม่ก็ถูกน้องสาวแท้ๆ ยักยอกเป็นของตนไปหมด อยู่จวนสกุลกู้พวกนางเป็นผู้ตั้งรับแต่ยังไม่เคยรุกสักครั้ง หมากนี้ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะสิถึงจะสนุก "ดูแม่นางซิ่งเหมี่ยน จะสนอกสนใจคุณชายหนิง มองตามแผ่นหลังตาไม่กะพริบเลย" จื้อซิ่งเหมี่ยนหันมองตามเสียงเห็นบุรุษคุ้นหน้ายืนอยู่ไม่ไกลจากฮุ่ยกวงมากนัก นางรู้สึกระอากับบุรุษผู้นี้นักแม้แต่ชื่อนางยังไม่อยากรู้จัก "สนใจสิ รูปงามนามเพราะ ฐานะก็ไม่ธรรมดา การแต่งกายก็คัดสรรอย่างดี ผิดจากบางคนเห็นกี่ครั้งก็มีแต่สีดำ" นางมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นางยอมรับว่าเขาเป็นบุรุษรูปงามคนหนึ่งแต่นางไม่เสียเวลาเอาความหล่อเหลาของเขามาใส่ในอารมณ์ "สีดำดูดีออก ข้าชอบนะ หากสตรีผิวสีแทนค่อนไปทางเข้ม ข้าก็ยิ่งชอบ แต่เสียดายสตรีนางนั้นคงยากที่จะหาพบ" จื้อซิ่งเหมี่ยนอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาทันที ความคิดหนึ่งฉุกขึ้นทำให้นึกย้อนตอนวัยเยาว์ เพราะตนเองมีผิวไม่ขาวเหมือนกับกู้หรูอวี้ นางถึงถูกกลั่นแกล้ง และล้อเลียนว่าเป็นสตรีอัปลักษณ์ บิดาก็ไม่ได้ให้ความรักหรือแม้แต่จะกางปีกปกป้อง ทว่าตอนนี้ผิวพรรณของนางไม่ได้เป็นดังก่อน และนางก็ไม่ยอมให้เป็นด้วย "ไม่ยากหรอกเจ้าค่ะ ตากแดดบ่อยๆ ประเดี๋ยวก็มีผิวเข้มเจ้าค่ะ" ฮุ่ยกวงเอ่ยแทรกขึ้น นางรู้สึกชอบบุรุษผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก "แล้วคุณหนูของเจ้าจะยอมตากแดดตากลมหรือ หากผิวกายไม่ขาวผ่องไม่งาม นางอาจเคืองโกรธที่เป็นเช่นนั้น" เขาหันไปเสวนากับเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่หางตายังมองสตรีที่เขาคิดจะแกล้งเล่น "นี่! ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ท่านและข้าไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ควรหยุดการสนทนาไว้เพียงแค่นี้" นางไม่มีอารมณ์จะคุยกับเขาอีกต่อไป "ฮุ่ยกวง ไป!" "เจ้าค่ะ ท่านน้า" ฮุ่ยกวงคอตกเดินตาม ส่วนชายผู้นั้นก็เดินตามไปอย่างไม่ลดละ "ท่านเลิกเดินตามได้หรือไม่" จื้อซิ่งเหมี่ยนหยุดฝีเท้าแล้วหันมาค้อนวงใหญ่ให้เขา "จ้าวยวี่เสียง" "อะไร? " "ชื่อข้า จ้าวยวี่เสียง ข้าไม่เคยเอ่ยชื่อนี้ให้ใครเลยนะ" "ข้าควรต้องดีใจด้วยหรือที่ทราบนามของท่าน อีกอย่างท่านก็เป็นแค่คนของท่านลุงเฟิ่ง ข้าไม่สนใจสักนิดหากท่านจะจากหอของข้าไป เลิกตามข้าได้แล้ว!" นางหันหลังเดินต่อ แต่เขากลับวิ่งดักด้านหน้า เดินถอยหลังราวกับเขามีตาหลังอย่างไรอย่างนั้น "อ๊ะ! ข้ามีบุญคุณกับหญิงงามล่มเมืองอย่างคุณหนูจื้อเชียวน๊า..."ท่าทางยียวนกวนประสาทยิ่งทำให้อารมณ์นางพุ่งปรี๊ด แต่ต้องพยายามข่ม มีให้เสียกริยาบนท้องถนน "บุญคุณอะไรไม่ทราบ" "เฮ้อ...ไม่คิดว่าคุณหนูจะหลงลืมง่ายเช่นนี้ เอาเถอะ ข้าน้อยฐานะต่ำต้อยขอแถลงไข เงินห้าหมื่นตำลึงทองข้าใช้สมองของข้าหารายได้เข้าหอของเจ้า บุญคุณไม่ตอบแทนกลับผลักไสผู้มีพระคุณ" น้ำเสียงหยอกเย้าพร้อมคิ้วที่ยกขึ้น ดูเขาเปี่ยมเสน่ห์ แต่นั่นมิอาจทำให้ จื้อซิ่งเหมี่ยนประทับใจ "ท่าน!" นางเดือดดาลกับท่าทางที่เขาทำใส่นาง แต่สักพักก็ข่มอารมณ์ "ได้! จะให้ข้าตอบแทนอะไร ว่ามา!" "ตอนนี้ข้าหิวมาก ท่านเฟิ่งใช้งานข้าตั้งแต่เช้าตอนนี้น้ำชาสักถ้วยยังไม่ตกถึงท้อง เช่นนั้นคุณหนูจื้อช่วยเลี้ยงข้าวข้าสักมื้อใหญ่ที่โรงเตี๊ยมนั้นได้หรือไม่ ส่วนเรื่องตอบแทนรออิ่มแล้วข้าจะบอก" เขาไม่รอให้นางตอบปฏิเสธรีบเดินไปคว้ามือฮุ่ยกวงเด็กน้อยจิ้มลิ้มเดินไปพร้อมกับตน นางจำต้องเดินตามอย่างไม่สบอารมณ์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม