เปิดตัว7

2748 คำ
จุดประสงค์ที่แท้จริงของนางคือจะให้ หนิงไช่กวงจัดการบางอย่าง "คุณชายเชิญโต๊ะนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ทุกคนย่อมเห็นว่าท่านมิคดโกงข้าน้อยแน่" เขาพยักหน้ารับ และจังหวะที่เขากำลังหันหลังเดิน นางสืบเท้าเข้าใกล้พลางเอ่ยเสียงเบาให้หนิงไช่กวงได้ยิน "หอโน้นส่งคนมาเพื่อดูหน้าข้า คุณชายหนิงพอจะหาวิธีให้พวกเขาออกไปได้ไหมเจ้าคะ" หนิงไช่กวงเห็นคนของหอตรงข้ามตั้งแต่เข้ามาแล้ว และรู้ว่าหอนั้นคงไม่ยินยอมให้ใครแย่งแขกของหอไปได้ง่ายๆ ไม่นานหอนั้นจะต้องหาวิธีแก้แค้น อนึ่งนางก็เป็นยอดบุปผางามที่ทางหอนั้นเคยส่งคนมาเทียบเคียงแต่นางก็ปฏิเสธอย่างไร้ไมตรี คงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับนางและไม่แน่ว่าอุบัติเหตุที่สาวงามก่อนหน้าแจ้งแก่ตน อาจมาจากคนของหอนั้นก็เป็นได้ "ได้!" เขาตบปากรับคำนาง ทำให้จื้อซิ่งเหมี่ยนพึงใจ เอ่ยขอบคุณแต่ก็ไม่ลืมทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจ นางขอตัวไปเปลี่ยนชุด ส่วนเขาเดินไปนั่งยังโต๊ะที่นางจัดให้โดยไม่ลืมที่จะสั่งการบางอย่างให้คนของเขาจัดการ จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินขึ้นชั้นบน และตรงไปยังห้องหนึ่งเพื่อจะเปลี่ยนชุด ทว่านางต้องหยุดฝีเท้าเพราะเบื้องหน้าคือชายนิสัยเสียที่นางไม่คิดว่าจะเจอ นางเบนกายหลบและเดินสวนเขาไป นางก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวจำต้องหยุดเมื่อคำของบุรุษนั้นพูดหยอกเย้าแต่นางไม่นึกสนุกด้วย "สตรีงามมักอำมหิต ไม่คิดว่าจะเจอกับตัว" นางอยากจะโต้เขากลับ แต่ห้ามปากไม่โอภาปราศรัยกับเขา "แหม...ข้าฐานะต่ำต้อยจนคุณหนูจื้อไม่คิดจะเสวนาด้วยหรอกหรือ? " "คุณชายกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงจะเดินไปพักและรอเงินห้าหมื่นตำลึงทอง หรือคุณชายไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้? " "ข้ารู้ จึงช่วยให้บุปผาเช่นเจ้า แต่ข้าจะได้สิ่งใดตอบแทน? " "ไม่มี! สตรีเช่นข้าตระหนี่ไม่เผื่อแผ่ใคร โดยเฉพาะคนที่กระทำกับข้า" น้ำเสียงนางแข็งกร้าวขึ้นมาจนเขาจับน้ำเสียงได้แต่ยังเย้าหยอก "เช่นนั้นข้าจะทำดีด้วย เผื่อสาวงามจะเมตตาข้าบ้าง" "ข้าไม่ชอบฝืนใจใคร อย่าดีกว่า" "ใครว่าข้าฝืน ทุกอย่างที่กล่าวล้วนมาจากใจและความรู้สึกของข้าล้วนๆ มิเสแสร้ง" "หากรู้จักตัวตนของข้า ท่านอาจจะไม่อยากทำดีต่อข้าก็เป็นได้ ท่านเป็นคนของลุงเฟิ่งอย่าคิดว่าข้าจะต้องเกรงใจ" นางกล่าวจบก็เดินเข้าไปด้านใน ส่วนเขาก็ยกมุมปากยิ้ม พ้นแผ่นหลังนาง แขนยกขึ้นกระดิกนิ้ว ไม่นานก็มีชายสองคนเดินเข้ามาฟังคำสั่งจากผู้เป็นนาย ราวหนึ่งชั่วยามคนของจวนสกุลหนิงได้ยกหีบเงินห้าหมื่นตำลึงทองมา ทำให้คนภายในหอหอมหมื่นลี้ต่างตะลึงด้วยเหตุผลหลายประการ บ้างคิดว่าคุณชายหนิงเป็นบุรุษที่รักษาคำพูด บ้างก็คิดว่าคนสกุลหนิงร่ำรวยจริงดังคำเล่าลือ แต่ที่แน่ๆ ไม่เคยมีใครเห็นก้อนเงินเป็นหีบๆ ต่อหน้าต่อตาตนเองมาก่อน "แค่นี้คงสรุปได้ว่าข้า . ‘หนิงไช่กวง’ เป็นคนรักษาคำพูด ในเมื่อข้ากล้าวางเงินห้าหมื่นตำลึงดังที่เอ่ย ข้าก็ต้องนำมา หาใช่เพราะตนเองผู้เดียว แต่เป็นเพราะความสำราญแก่ทุกคนจะได้ยลโฉมสาวงาม ถือว่าการกระทำของข้าครั้งนี้ เป็นการคืนกำไรให้ทุกท่านที่เคยไปอุดหนุนผ้าที่ร้านสกุลหนิง" เขากล่าวด้วยใบหน้าอมยิ้ม และหูก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าบางคนจะไปอุดหนุนผ้าของร้านสกุลหนิงอีกด้วย ทำให้เขาหันหน้าไปและก้มศีรษะให้ คนอย่างเขาจะไม่ยอมเสียดุลการค้าเป็นแน่ "เช่นนั้นข้าขออนุญาตทุกท่านเปิดหน้ากากแม่นางจื้อ" เขาเดินไปยังลานการแสดงที่นางยืนรออยู่ก่อนแล้ว จื้อซิ่งเหมี่ยนที่บัดนี้เปลี่ยนชุดใหม่แต่ยังคงเป็นสีแดง ทว่าลวดลายบนผ้ากลับดูให้นางงามสง่ามากกว่าเดิม คราแรกนางจะเปลี่ยนชุดเพื่อให้ตนเองแลดูสดใสเหมือนดอกไม้ยามผลิบาน แต่เมื่อพิจารณาอีกครั้งการที่นางสวมชุดที่ดูเร้าร้อนยิ่งทำให้น่าค้นหามากกว่า ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน มือข้างที่ถนัดของบุรุษที่ไม่เคยจับดาบหรือผ่านงานหนัก ค่อยๆ เปิดหน้ากากลวดลายนกนางยูง ภายใต้สายตานับร้อยคู่เพราะไม่ใช่มีเพียงแขกเหรื่อแต่ยังมีนางคณิกา หรือแม้แต่ หลวนถงบางคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของหอยังก้าวเข้ามาในเขตของสตรี ทุกคนต่างพากันเงียบเสียงเพื่อที่ลุ้นว่าสตรีผู้มากด้วยศิลป์บุตรีของแม่นางจื้อลี่เจียง เจ้าของหอนางโลมคนใหม่ที่เข้ามาซื้อกิจการแห่งนี้แทนเจ้าของเดิมจะมีใบหน้าเป็นเช่นไร หน้ากากค่อยๆ หลุดติดมือของหนิงไช่กวง แต่เดิมภายในหอหอมหมื่นลี้ที่เงียบกริบแม้แต่เสียงเข็มหล่นลงพื้นก็สามารถทำให้คนจับทิศทางได้ จวบจนใบหน้าเผยต่อหน้าทุกคนเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น "กู้หรูอวี้" เสียงของหนิงไช่กวงดังขึ้นพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น แม่นางจื้อคือกู้หรูอวี้หรือ? ไม่สินางผิวขาวเปล่งปลั่งประกายคล้ายมีสีของผลผิงกั่วเจืออยู่ แต่กู้หรูอวี้มีผิวที่ขาวนวลเนียน หากกล่าวเรื่องน้ำเสียง นางผู้นี้มีเสียงที่ใสกระจ่างกว่ามาก หรือหากจะวัดกันในเรื่องความงามเฉิดฉันก็คงเป็นสตรีเบื้องหน้าที่มีความงามอยู่เหนือธุลีดิน ดวงตานี้มีแววซุกซนและในขณะเดียวกันกลับเย่อหยิ่ง ดื้อรั้นยากคาดเดา จะว่าเหมือนกู้หรูอวี้ก็ไม่เสียทีเดียวหากพิจารณาให้ถ้วนถี่แววตานี้ตัวเขาเคยเห็นที่ใดกัน อ๊ะ! นางเหมือนกู้หลันอวี้ หรือว่า? "คุณชายหนิงผิดหวังหรือเจ้าคะ" นางก้มหน้าลงพื้นและเงยหน้าพร้อมดวงตาที่เริ่มชื้นน้ำ "ข้าน้อยขอโทษทุกคนด้วย จื้อซิ่งเหมี่ยนทำให้ทุกท่านผิดหวัง ไม่ผิดข้าน้อยใบหน้าคล้ายกับสาวงามสะคราญของเมืองนี้ 'กู้หรูอวี้' แต่ว่าข้าไม่ใช่" "ไม่ๆ ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดเจ้าถึงใบหน้าละม้ายคล้ายกันยิ่งนัก ราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน" หนิงไช่กวงรีบยกมือปฏิเสธทั่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก กลัวคำตอบของนางจะเป็นอย่างที่ใจคิด "เจ้าค่ะ ข้าน้อยคือกู้หลันอวี้แต่นั่นก็เมื่อหกปีก่อน บัดนี้ข้าเปลี่ยนชื่อแซ่แล้ว หวังว่าทุกท่านคงให้โอกาสข้าน้อยและท่านแม่ได้ลืมตาอ้าปากนะเจ้าคะ" ทุกคนต่างพยักหน้าเพราะถือว่าอย่างไรก็มิใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตน อนึ่งทั้งสองแม่ลูกก็ออกจากจวนสกุลกู้นานแล้ว หากแต่จะมีงิ้วสนุกๆ ให้ชมบ้างในบางครั้ง นางย่อกายขอบคุณทุกคนที่แสดงน้ำใจ ไม่นานนางก็หันมาทางหนิงไช่กวง "คุณชายหนิง เชิญด้านนี้เจ้าค่ะ" นางเดินนำไปยังห้องหนึ่งที่นางเตรียมไว้ เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ทำให้มองเห็นด้านในที่มีการตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูมีมนต์เสน่ห์ดึงดูด อาหารถูกจัดวางไว้อย่างดี พร้อมให้คนมาลิ้มชิมรส "คุณชายหนิงเห็นใบหน้าซิ่งเหมี่ยนแล้วรังเกียจหรือเจ้าคะ? " นางถามอย่างประหม่า "ใครกล้ารังเกียจเจ้ากันเล่า ข้าเพียงสงสัยหกปีเจ้าหายไปไหนมาหรือ? " นางยิ้มขื่นดูน่าสงสาร ตัวเขาหรืออยากตะกองกอดให้สาแก่ใจ แต่นั่นยังไม่ใช่โอกาสที่เหมาะนัก "ท่านพ่อ...ไม่สิ! ใต้เท้ากู้ไม่รักท่านแม่และก็ไม่ยอมรับข้าตั้งแต่ต้น การเดินออกจากจวนนั้นคือทางออกที่ดีที่สุด" "แล้วเจ้าไปอยู่ที่ไหน? " "ทุกที่ ค่ำไหนนอนนั่น แม้แต่วัดร้างข้าก็เคยนอน" สิ่งที่นางเอ่ยคือเรื่องจริง หนิงไช่กวงมิได้สนใจว่าอดีตนางจะทุกข์ยากประการใด แต่สิ่งที่เขากำลังคิดคืออดีตที่เขาเคยกระทำ แต่นั้นเขายังเด็ก "แล้วเรื่อง...เอ่อ" "นั่นมันอดีตเจ้าค่ะ ทั้งข้าและคุณชายต่างก็ยังเยาว์นัก บางเรื่องเพราะความคิดตื้นเขินทำให้ผู้อื่นนำไปล้อเลียนจนคุณชายเกิดไม่พอใจขึ้นมา วันนี้ซิ่งเหมี่ยนมีโอกาสพูดขอกล่าวกับคุณชายว่าข้าขอโทษที่มีความคิดเช่นนั้น ทั้งที่ไม่ควร" นางก้มหน้ารับผิดกับอดีตที่น่าอาย “แต่ตอนนั้นเจ้าปฏิเสธไม่ได้ชอบข้า” เขาย่อมสงสัย เพราะทุกครั้งนางมักแสดงสายตาว่ารังเกียจเขา “ข้าจำต้องปฏิเสธ คุณชายมาแต่ละครั้งมักพาพวกพ้องมาด้วย และแต่ละคนก็มักล้อเลียนข้า เพราะเหตุนี้ข้าจำต้องโป้ปดความคิดของตน ข้าช่างโง่เขลาเสียจริง” "ไม่ๆ " เขารีบปัดมือตนเองปฏิเสธทันที มือรีบทำหน้าที่สุภาพบุรุษปลอบใจสาวงาม "ข้าเสียอีกที่ต้องขอโทษเจ้า หากไม่เพราะพวกนั้นไม่บังคับให้ข้าทำร้ายเจ้า เจ้าก็คงไม่เจ็บตัว แต่ความจริงแล้วข้าก็ชอบเจ้าอยู่นะ" นางเงยหน้าขึ้นสบตาหนิงไช่กวง ดวงตาแดงระเรื่อและเอ่ยด้วยดวงตาสุกสกาวเจือน้ำตาที่คลอเบ้าที่จะร่วงหล่น ยิ่งทำให้ผู้มองรู้สึกสงสาร "จริงหรือเจ้าคะ ข้าคิดว่าคุณชายหนิงจะรังเกียจข้าที่อัปลักษณ์เสียอีก" "ใครว่าเจ้าอัปลักษณ์ เจ้างดงามยิ่ง ดูสิใครๆ ต่างหมายปองเจ้าทั้งนั้น" "แต่ในอดีต..." "หืม...เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น เจ้าก็เหมือนลูกเป็ดที่ใครๆ ต่างเห็น แต่แม้จริงเจ้าคือหงส์ที่ซ่อนรูปลักษณ์ ข้าต้องขอบใจเจ้าที่ชอบข้า และดีที่ข้าไม่ทรยศต่อความรู้สึกของตัวเอง" นางยิ้มแต่ในใจกลับรังเกียจชายคนนี้ยิ่ง ยิ่งเขากล่าวคำความดีต่างๆ ล้วนนำมาใส่ตนเองเสียหมด "แต่ว่า...ข้าได้ยินมาว่าคุณชายหนิงและคุณหนูกู้ต่างมีใจปฏิพัทธ์กัน หากนางรู้เข้าว่าข้ายังมีใจชื่นชอบท่านอยู่นางคงมาทำร้ายข้าแน่ๆ " "ใครว่าข้าชอบนาง เป็นเพราะผู้ใหญ่จัดการต่างหากเล่า เจ้าก็รู้ว่าสองตระกูลต่างทำการค้าทั้งคู่ แต่นั่นเจ้าก็อย่าได้สนใจเลย เพราะเจ้าคือคนที่ข้าชอบ หาใช่กู้หรูอวี้ผู้จองหองคนนั้น" "เป็นข้าที่กังวลเกินเหตุ สตรีก็เช่นนี้กลัวชายที่ตนมีใจให้ไม่ชอบพอตนเอง ข้าคงเป็นหนึ่งในสตรีเหล่านั้น คุณชายหนิงดื่มสักหน่อยนะเจ้าคะ" นางรินสุราให้และส่งยื่นให้แก่เขา เขารับมาดื่มทั้งไม่ลืมส่งสายตาเจ้าชู้ให้นางส่งยิ้มน้อยๆ ให้เขาแต่ไม่มีท่าทางเอียงอายอย่างสตรีแรกรุ่นที่เจอบุรุษรูปงาม "คุณชายหนิงเงินมากมายที่นำมาประชันขันแข่งกับบุรุษผู้นั้น ข้าเกรงว่า..." เขารีบใช้นิ้วมือปิดปากนาง ทำให้นางต้องหยุดคำพูด นัยน์ตามองเขาอย่างหาคำตอบ "ข้าจัดการเอง ก็อย่างที่ข้าได้พูดไปเงินจำนวนนั้นถือว่าเป็นการคืนกำไรให้กับคนในเมืองหลวง ทุกคนอยากเห็นใบหน้าเจ้าทั้งนั้นข้าก็แค่จัดการให้ อย่างน้อยเจ้าก็จะได้มีเกียรติไม่ดีหรือ? " "คุณชายหนิงเป็นคนดียิ่ง คิดเผื่อผู้อื่น ไม่แปลกใจที่กิจการของคนสกุลหนิงจะรุ่งเรืองเพราะจิตใจของคุณชายเมตตาต่อผู้อื่นนี่เอง" เขาหัวเราะต่อคำเยินยอของนาง "เจ้าก็อย่าได้เป็นกังวล เรื่องนี้เล็กน้อย" "เจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยก็ยังอดกังวลแทนคุณชายไม่ได้อยู่ดี ว่าแต่คนของหอนั้น? " "เรื่องนั้นข้าส่งคนไปจัดการเรียบร้อยแล้ว รับรองได้ว่าสองคนนั้นไม่ทันเห็นใบหน้าเจ้าจนนำเรื่องนี้ไปรายงานให้คนของหอนั้นฟังแน่ แต่ถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วพวกนั้นก็ต้องเห็นใบหน้าเจ้าอยู่แล้ว" "ข้าทราบเจ้าค่ะ เพียงแต่วันนี้ข้ายังไม่พร้อม" คำพูดนางหาใช่ดังที่ใจคิด ใครว่านางไม่พร้อม แต่ไยนางต้องจัดการเองให้เหนื่อยด้วยเล่า "ค่ำคืนนี้ข้าอยากสนทนากับเจ้าทั้งคืน" "คุณชายจะทิ้งสาวงามที่ข้าเตรียมไว้หรือเจ้าคะ พวกนางแต่ละคนรอคุณชายอยู่" "แต่คนที่ข้าอยากสนทนาด้วยในคืนนี้คือเจ้า" "คุณชายจะใจร้ายจนไม่ให้ซิ่งเหมี่ยนพักผ่อนเลยหรือเจ้าคะ เอาอย่างนี้ดีไหมเจ้าคะ..." นางยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ พลางเอ่ย "ถ้าคุณชายหนิงทนการปรนนิบัติของเหล่าสาวงามที่ข้าเตรียมไว้ได้ คนสุดท้ายที่จะปรนนิบัติท่านคือข้า" "จริง? " "ไม่พลิกลิ้น แต่คุณชายต้องทนให้ได้นะเจ้าคะ ข้าจะอดหลับอดนอนเพื่อดูว่าท่านเก่งกาจเพียงใด" นางกระเซ้าจนเขาหัวเราะลั่นชอบอกชอบใจในคำของนาง นางก็ทำหน้าที่สตรีเอาใจบุรุษงาม คอยคีบอาหารและรินสุราให้ ระหว่างที่สนทนากันได้เพียงสองสามประโยค นอกห้องได้ยินเสียงเคาะประตูหลายครั้งจนจื้อซิ่งเหมี่ยนต้องลุกไปเปิดประตู "คุณชายขอรับคุณชาย หนิงฮูหยินสั่งให้คนมาตามคุณชายกลับจวนขอรับ" น้ำเสียงระคนประหม่าดังออกมาจากปากคนข้างกายของ หนิงไช่กวงพร้อมสองขาสาวเท้าเข้ามาโดยยังไม่ขออนุญาตผู้เป็นนาย ทำให้เขาพอใจ เพราะนี่ไม่เท่ากับว่าเขาเสียหน้าแก่สตรีหรือนี่ ในสายตานางคงมองเขาเป็นเด็กไม่รู้จักโต ต้องให้มารดาคอยจับป้อนข้าวอยู่กระมัง เขาโมโหตวาดลั่นใส่คนของเขา จนคนข้างกายกลัวตัวสั่น ลงไปนั่งคุกเข่า ใครอยากเข้ามาตามกันเล่าแต่ที่เขาถือวิสาสะเพราะคำขู่ที่คนตระกูลหนิงสั่งไว้ หากเขาพาคุณชายผู้เอาแต่ใจนี้กลับไปไม่ได้ คนที่จะโดนโบยคือเขา จื้อซิ่งเหมี่ยนเห็นสีหน้าลำบากใจ ทั้งนางก็เบื่อจะสนทนากับเขาแล้ว จึงตัดใจเอ่ยช่วยเขาสักสองสามประโยค "กลับก่อนเถิดเจ้าค่ะ หนิงฮูหยินคงโกรธมากจนโทสะลามมาถึงบ่าวไพร่ที่ไม่รู้ความ กลัวจนลนลานไปหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าก้าวเท้าเข้ามาถึงห้องนี้หรอก แต่ถ้าคุณชายหนิงลำบากใจเมื่อเจอหน้ามารดาของท่านด้วยสาเหตุเรื่องเงินจำนวนนั้น จนทำให้คุณชายต้องผิดใจกับหนิงฮูหยิน ทั้งหมดนั่นข้าคืนให้ได้นะเจ้าคะ" "ไม่! เรื่องนี้ข้าจัดการเอง แต่เจ้าไม่โกรธข้าใช่หรือไม่ที่ไม่สามารถอยู่ร่วมสนทนากับเจ้าในคืนนี้ได้" "ไม่เจ้าค่ะ แค่เป็นคุณชายที่เปิดหน้ากาก ข้าก็ดีใจแล้ว ไฉนจะต้องโกรธท่านอีกเล่าเจ้าคะ" "แล้วข้าจะมาหาเจ้า" "เจ้าค่ะ" หนิงไช่กวงมองจื้อซิ่งเหมี่ยนอย่างเสียดาย แต่ต้องหักห้ามใจปลอบประโลมตัวเองว่าให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน และเดินสาวเท้าข้ามธรณีประตูออกไป จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินช้าๆ มองตามร่างของหนิงไช่กวงจนเห็นหลังของเขาพ้นหน้าประตูของหอหอมหมื่นลี้ "กู้หลันอวี้ ชื่อนี้คุ้นๆ นะ เหมือนข้าเคยได้ยินที่ไหน" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจนนางสะดุ้งตกใจ ทำได้แต่ถลึงตาใส่ "ได้ยินตอนที่ข้าเอ่ยด้านล่างไงเล่า ไม่คิดว่าบุรุษหน้าตาดีอย่างท่านจะสมองเสื่อม!" นางเอ่ยจบก็หันหลังเดินพ้นจากบุรุษที่นางไม่ชอบหน้าเมื่อพบครั้งแรก แต่กลับเป็นเขารู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม