เสียงกุกกักของพื้นไม้กระทบกันนั่นไม่เท่ากับเสียงหัวใจที่เต้นเร็ว ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเกรงว่าเสียงของตนจะดังจนสตรีร่างอวบเผลอตื่นขึ้นมา
เขาพยายามทำให้เบามือที่สุด พร่ำภาวนาพร้อมคำสัญญาในใจเปล่งออกมาแต่ไร้สุ่มเสียง 'ครั้งเดียว ขอแค่ครั้งเดียว แล้วเขาจะนำมันมาคืน' นี่คือคำสัญญาเพียงฝ่ายเดียวโดยไร้การประทับลายนิ้วมือ หรือเอกสารการยืมหากอีกฝ่ายจะเบี้ยวและไม่นำของมาคืนดังคำที่ลั่นวาจาในใจ
ไม่! เขาไม่ได้หัวขโมย หากแต่ขอสมบัติบางส่วนที่ภายภาคหน้าก็ต้องกลายเป็นของเขามาใช้เสียก่อน กุญแจห้องเก็บของอยู่ในกล่องบนหัวนอนท่านแม่นี่นา อ๊ะ! เจอแล้ว มือหนากุมพวงกุญแจแน่นเพื่ออำพรางเสียงที่สามารถเล็ดลอดออกมาจากการกระทบเสียดสีกัน มือที่สั่นน้อยๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วดังกลองรัว ค่อยๆ เลื่อนปิดลิ้นชัก สองขาก้าวถอยหลังราวแมวย่องก่อนที่จะหมุนตัวไปยังห้องหนึ่งภายในเรือนของมารดา
แกร๊ก! เสียงปิดกุญแจวงใหญ่ให้เข้าที่เข้าทาง และค่อยสาวเท้ากลับไปโดยไม่หลงลืมว่าตนต้องนำลูกกุญแจกลับไปคืนยังตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่
สิ่งของล้ำค่าเพียงสองสามชิ้นที่เขาหยิบมาคงได้เงินหลายพันตำลึง เพื่อเป็นทุนรอนสำหรับวันพรุ่งนี้ หนิงไช่กวงคิดแล้วรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง ในใจอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ ตัวเขาจะได้แก้มือหลังจากที่เสียเงินจำนวนมากไป ไม่เพียงเท่านั้นยังติดหนี้บ่อนการพนัน หากนำเงินไปคืนสัญญาหนี้ก็จะสิ้นสุดและตัวเขาจะได้รู้สึกปลอดโปร่ง ไม่มีอะไรมากวนใจระหว่างที่กำลังเสี่ยงโชค
รุ่งอรุณเป็นไปตามที่หนิงไช่กวงมุ่งหวัง สองขาก้าวพ้นธรณีประตูของบ่อนใจกลางเมือง หลงจู๊ผู้รู้งานรีบต้อนรับลูกค้าขาประจำ เขาเป็นลูกค้าที่กระเป๋าหนักทั้งนายตนให้ความสำคัญยิ่ง หาใช่เพราะความฉลาดแต่เป็นเพราะความโลภโมโทโสที่ไม่เป็นลองใคร
"คุณชายหนิงมาเร็วกว่าที่ข้าน้อยคาดการณ์ไว้อีกนะขอรับ"
หนิงไช่กวงดูไม่สบอารมณ์กับการทักทายของหลงจู๊ในบ่อนสักเท่าไหร่ เพียงก้าวเท้าเข้าไปยังด้านใน
"วันนี้คุณชายจะเล่นอะไรดีขอรับ"
"ข้าไม่ได้มาเสี่ยงโชค ข้าต้องการสัญญาเงินกู้เมื่อครั้งนั้น" เขาล้วงบางอย่างออกมาจากอกแล้วยื่นให้หลงจู๊ "เอ๊านี่! เจ้าลองดูสิว่าของในมือข้า...พอไหม รวมตั๋วเงินสดนี่ด้วย"
"คุณชายนี่รักษาสัญญาเป็นมั่นเหมาะนะขอรับ เรื่องสัญญาไม่ต้องห่วง แต่...ของทั้งหมดนี้ข้าน้อยเกรงว่าจะไม่เพียงพอ ทว่าท่านไม่ต้องกังวล ทางบ่อนเราไว้ใจลูกค้าเช่นท่านอยู่แล้วขอรับ" คำกล่าวยกย่องถึงความล่ำซำของตระกูลหนิง ทั้งเชื้อเชิญให้เขาเล่นเพื่อลดจำนวนเงินที่กู้ยืมไป หนิงไช่กวงแต่เดิมก็มีใจนักเลงอยู่แล้ว คิดในใจ 'ไม่เพียงพอเช่นนั้นหรือ ดวงไม่ดีคงไม่มีทุกวันหรอกกระมัง' เขาคิดใคร่ครวญ อย่างไรวันนี้ก็ว่างเสี่ยงโชคอย่างที่เขาตั้งใจแต่เดิมที
หลงจู๊เดินนำหนิงไช่กวงเข้าด้านใน สั่งคนงานให้ต้อนรับขับสู้ลูกค้าผู้นี้ให้ดี ส่วนตัวเขารีบส่งคนไปแจ้งข่าวกับจื้อซิ่งเหมี่ยน ทรัพย์จำนวนหนึ่งที่หนิงไช่กวงนำมาทางร้านนำไปแลกเป็นตั๋วเงินให้เขาต่อเป็นทุน
เพียงสองชั่วยามตั๋วเงินที่หนิงไช่กวงได้มาก็หมด ทางบ่อนนำเงินออกมาให้เล่นเป็นทุนอีกหมื่นตำลึงแม้จะเป็นจำนวนมหาศาลแต่
จื้อซิ่งเหมี่ยนได้กำชับไว้แล้ว นางต้องการให้หนิงไช่กวงเล่นให้หนักยิ่งเงินหมดเท่าไหร่ยิ่งดี ความโลภที่ต้องการเงินคืนพร้อมเงินสำรองติดกระเป๋าก็จะกระตุ้นความอยาก ไม่นานเขาจะเอ่ยปากขอกู้เงินจากบ่อนอีกครั้ง ยิ่งเล่นยิ่งเสีย ยิ่งเล่นทางบ่อนยิ่งได้มาก นั่นคือสัจธรรม!
"ไม่คิดว่าข้าน้อยจะเจอคุณชายหนิงที่นี่" จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินนวยนาดเข้ามาในบ่อน พร้อมยิ้มแย้มส่งให้ หนิงไช่กวงเห็นจื้อซิ่งเหมี่ยนก็ยิ้มเจื่อนให้ นางไม่ได้สนใจแต่แสร้งชะเง้อมองถั่วที่เจ้ามือกำลังโยน
"เจ้ามาเล่นหรือ? "
"ข้าน้อยเล่นเป็นเสียที่ไหนเล่าเจ้าคะ จำได้ว่ามากับคุณชายหนิงครั้งหนึ่ง พอผ่านมาก็เลยแวะมาดูเสียหน่อย เผื่อว่าจะเจอคุณชายหนิง"
"ทำไมหรือว่าคิดถึงข้า? "
"ก็คุณชายไม่ไปที่หอเสียหลายวัน สาวๆ ที่หอต่างคิดถึงคุณชายหนิงกันทั้งนั้น"
"แล้วเจ้าเล่า? " นางกัดริมฝีปากล่างเห็นฟันขาวเรียงกัน ส่งแววตาเอียงอายกับคำถามที่เล่นทีจริงของเขา เมื่อเห็นว่าท่าทางการแสดงออกของตนเข้าตาเขา นางจึงสืบเท้าเข้าใกล้จนเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ "ยิ่งกว่าคิดถึง" หนิงไช่กวงมองขึ้นลงระหว่างดวงตาและริมฝีปากอวบอิ่ม "ข้าอาจจะพร้อมหากคืนนี้คุณชายประมูลข้าได้"
"ประมูล? "
"เจ้าค่ะ อีกสองอาทิตย์ ไม่ใช่แค่ขุนนางเท่านั้นที่อยากได้คืนแรกของข้า แม้แต่เหนียนอ๋อง...ทว่าใจข้ามีแต่คุณชายเท่านั้น"
"เพราะ? "
"กาลเวลาเปลี่ยนใบหน้าคนได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกหลังจากพบกันครั้งแรกได้" นั่นคือคำตอบที่นางให้แก่เขา นางชอบเขาตั้งแต่อดีต และไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานเท่าใด
"เริ่มที่เท่าไหร่? "
"จำนวนเงินอาจจะมากกว่าครั้งที่แล้ว มีขุนนางท่านหนึ่งเสนอต่อมารดาข้าน้อยให้คืนแรกหนึ่งแสนตำลึง ข้าน้อยพยายามจะหลอกถามว่าเป็นผู้ใด หากแต่นั่นคือความลับ ลำพังตัวข้าน้อยไม่คิดอะไรหากจะเสียคืนแรกให้กับบุรุษที่ไม่เคยพบหน้า ทว่ากิจการที่หอเปรียบเสมือนสินเจ้าสาว หาก..." หนิงไช่กวงเอ่ยแทรก เมื่อได้ยินสินเจ้าสาวคือหอนางโลมเลื่องชื่อ มารดาของเขาก็เคยได้ยินมาแล้วคงยอมแน่ๆ
"ได้!เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะนำเงินมากกว่าแสนตำลึงไปประมูลเจ้า ข้าจะให้เจ้าเป็นฮูหยินของข้าให้จงได้"
"คุณชาย!" จื้อซิ่งเหมี่ยนมีสีหน้าตื่นตะลึง พลางกล่าวเชิงทักท้วง "เงินมากมายเพียงนั้น...หนิงฮู..." นางยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ถูกเขาเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
"ข้ารู้จักกับเจ้าของบ่อนนี้ ข้าจะยืมเขามาก่อนและไปนำเงินบางส่วนที่จวนข้ามาสมทบ คงมากพอที่จะประมูลเจ้า" นางน้ำตาซึมที่หางตา เขาใช้นิ้วไล้น้ำตาออกให้ด้วยความห่วงใย
เขาเอ่ยถึงแผนการที่เขามีไว้ในสมอง เล่าให้นางฟังว่าเขาจะประมูลนาง และพยายามทักท้วงฝ่ายตรงข้ามให้นานที่สุด ทั้งสองเสวนากันสักครู่ จื้อซิ่งเหมี่ยนที่รู้ว่าตนได้ทำตามแผนลุล่วงไปแล้วจึงเอ่ยปากลา
"ข้าน้อยไปก่อนนะเจ้าคะ" จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินออกจากบ่อนไป ใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาล้ำลึกยากจะคาดเดา 'รู้จักกับเจ้าของบ่อนหรือ อีกไม่นานเข้าจะได้รู้จักมากกว่านี้อีก' นางไม่เอ่ยคำใดออกมา เมื่อก้าวพ้นธรณีประตู นางกระซิบบอกสาวใช่นางหนึ่ง
"เจ้าไปบอกหลงจู๊ ข้าไม่ต้องการแค่สัญญากู้เพียงแค่แสนสองแสนตำลึง แต่ต้องการมากกว่านั้นรวมทั้งวันนี้เงินที่เขาติดตัวกลับออกจากบ่อน หลังจากที่ข้าได้สัญญาเงินกู้แล้ว ต้องมีไม่เพียงกี่อีแปะติดตัว
สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยรู้สึกสั่นสะท้านไม่คิดว่าคุณหนูจื้อจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ นึกสงสารหนิงไช่กวงขึ้นมาบ้างไม่รู้ว่าคุณชายสกุลใหญ่ไปทำสิ่งใดให้นางเจ็บแค้น ถึงต้องการให้สิ้นเนื้อประดาตัว นางได้แค่รับคำแล้วรีบสาวเท้าเดินอ้อมไปทางด้านหลังบ่อนโดยไม่ให้ผิดสังเกต
ทางแถบตงเป่ยของแคว้น ยามนี้แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า แสงตะเกียงเรื่องส่องแสงสว่างแวววาววูบวาบครึกครื้น ไม่ต่างกับคฤหาสน์ใหญ่โตโอฬารตระหง่านง้ำ บ่าวใช้ก็นำตะเกียงแขวนนำทางเหมือนเฉกเช่นทุกวัน แต่ไม่อีกกี่ชั่วยามข้างหน้าด้านในกลับมีเสียงตวาดดังขึ้นจนสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงแผดร้องอันเจ็บปวดโหยหวนดังระงม ไม่ว่าจะเสียงบุรุษ ดรุณีหรือชรา แต่เพียงไม่นานทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบงัน มีเพียงลมเย็นโชยมาจนกลิ่นโลหิตคละคลุ้งไปทั่วคฤหาสน์
"ท่านอ๋อง นี่ขอรับหุ่นสตรีหยก" ชายผู้ถูกเรียกว่าท่านอ๋อง แง้มม่านมองดูหุ่นสตรีหยก มีขนาดเท่ากับเด็กน้อยอายุราวๆ สามสี่ปี เขาจำต้องลงจากรถม้าและอุ้มหุ่นสตรีหยกมาไว้ในเกี้ยวของตน
"กลับเมืองหลวง เรื่องสนุกรอข้าอยู่"
"พ่ะย่ะค่ะ" เมื่อสั่งการเรียบร้อยก็ปิดม่าน 'สตรีเกิดใหม่น่ะหรือ เจ้าเป็นใครข้าก็อยากจะรู้'