เจียวซินกับครอบครัวสุขสันต์

3430 คำ
​ “เหตุใดเจ้าต้องนอนตรงกลางหนิงหลง” เฟยเทียนพูดขึ้นมาอย่างฮึดฮัด เมื่อพบว่าบนเตียงมีน้องชายตัวน้อยนอนคั่นกลางระหว่างเขาและจางเจียวซินอยู่ “เจียวซินบอกว่าน้องตัวน้อย ถ้านอนยิมๆ จะถูกเบียดโตกเตียงไปเลย” เมื่อฟังคำตอบจากน้องชายจึงรู้ต้นสายปลายเหตุ คิดจะหลีกหนีข้าหรือ หึ!! “หนิงหลงเจ้าให้เจียวซินนอนริมเช่นนี้ หากตอนกลางคืนนางหนีกลับตำหนักเล่าจะทำเช่นไร” เฟยเทียนคว้าตัวน้องชายมากกกอด พร้อมกระซิบข้างหูน้องชาย องค์ชายตัวน้อยที่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพี่ชายจอมเจ้าเล่ห์ถึงกับชะงัก “ไม่สู้เราให้นางนอนตรงกลาง เจ้ากอดทางขวา พี่กอดทางซ้าย นางคงแอบหนีกลับตำหนักไม่ได้แล้ว” องค์ชายน้อยพยักหน้างึกงักอย่างเห็นด้วย เจียวซินได้แต่สงสัยว่าสองพี่น้องพูดคุยอันใดกันเหตุใดทำหน้าตาเคร่งเครียดเช่นนั้น “เจียวซิน น้องนอนยิมด้านในสุดดีกว่า น้องจะกอดเจียวซินทางขวา” องค์ชายน้อยย้ายตัวเองเข้าไปด้านในเรียบร้อย เจียวซินถึงกับอึ้ง มิใช่ว่าตกลงกันแล้วหรือ เหตุใดอาหลงถึงทำกับเจียวซินเช่นนี้ได้เล่า “นอนลงได้แล้ว ข้าจะดับเทียนแล้ว” เฟยเทียนยิ้มกริ่ม นอนลงอย่างสบายอกสบายใจ ส่วนเจียวซินได้แต่ฮึดฮัดในใจแต่ก็ยอมเอนตัวนอนแต่โดยดี ร่างบางดึงรั้งผ้าขึ้นห่มร่างเล็กขององค์ชายน้อย ร่างเล็กขยับกายเข้าสู่อ้อมกอดของเจียวซิน อย่างน่ารักจนเจียวซินอดยกยิ้มไม่ไหว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีแขนใหญ่เคลื่อนเข้าโอบกอดนาง “ท่านอ๋อง!” “อันใดเล่า ข้าจะกอดน้องชายข้าบ้างมิได้หรือ” เฟยเทียนกระซิบถามข้างหูเจียวซิน แต่ก็ไม่พ้นหูของเด็กน้อย “กอดได้ พี่สามกอดน้องได้เลย กอดกันสามคน” เด็กน้อยนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วันนี้มีคนกอดเขาถึงสองคนแหนะ! “อาหลง นอนได้แล้วพรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สดชื่น” สิ้นเสียงเจียวซิน สองพี่น้องก็พร้อมใจกันหลับตาลง เข้าสู่ห่วงนิทรา . . “นั่นใครน่ะ หยุดก่อนๆ” เจียวซินวิ่งตามหลังหญิงสาวคนหนึ่ง นางมองไปรอบๆ พบว่าที่นี่คือจวนอ๋องไม่ผิดแน่ และหญิงสาวคนนั้นกำลังไปที่ศาลาริมสระ เจียวซินเหนื่อยหอบหยุดอยู่หน้าศาลา ไม่ทันที่เจียวซินจะเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้น ก็มีงูร่วงหล่นลงมาจากหลังคา นางกรีดร้องดีดดิ้นไปมาจนตกลงไปในสระ เจียวซินพยายามจะก้าวเข้าไปในศาลาเพื่อช่วยที่จะช่วยหญิงสาวแต่เหมือนมีกระจกมากั้น นางเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด แต่นางทำอันใดมิได้เลย เจียวซิน พยายามเรียกให้คนมาช่วย พยายามทุบตีและดันสิ่งที่กั้นอยู่ แต่ก็ไม่ทัน หญิงสาวคนนั้นก็ได้จมลงไปในน้ำ และภาพสุดท้ายที่เจียวซินเห็นคือใบหน้าของหญิงสาวที่จมน้ำ แต่ทว่าใบหน้านั้นกลับเป็นใบหน้าของนาง!!! “เจียวซิน! เจียวซิน!!” เฮือก!!! “หึก หื้อ เพคะ” เจียวซินที่หอบหายใจจนตัวโยนตอบรับคำเรียกของเฟยเทียน “เป็นอันใด ฝันร้ายหรือ” เฟยเทียนจับไปตามกรอบหน้าของเจียวซินเพื่อ เรียกสติ “หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ…ดีที่อาหลงไม่ตื่นตามไปด้วย” เจียวซินหันมององค์ชายน้อยที่ยังหลับสนิท “อยากนอนต่อหรือไม่ หรือเจ้าอยากออกไปสูดอากาศด้านนอกเสียก่อน” เฟยเทียนที่เป็นห่วงกลัวนางจะนอนไม่หลับจึงเสนอทางเลือกให้ “มิเป็นไรเพคะ หม่อมฉันอยากนอนต่อ” เจียวซินอยากนอนต่อ อยากฝันต่อ นางคาดว่าในฝันอาจจะเป็นเหตุการณ์ก่อนที่นางจะเข้ามาอยู่ในร่างเจียวซิน นางอยากรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเจียวซินคนก่อนบ้าง แต่ที่รู้ๆ คือเจียวซินคนก่อนมิได้กระโดดน้ำหวังฆ่าตัวตายเป็นแน่ เจียวซินคนก่อนตกน้ำเพราะมีงูตกใส่หัวนาง คิดดังนั้นเจียวซินจึงล้มตัวลงนอนและเข้าสู้ห่วงนิทรา เจียวซินตื่นมาตั้งแต่ปลายยามอิ๋น เพื่อไปดูการตระเตรียมสำรับสำหรับองค์ชายน้อยที่ยังนอนอยู่กับท่านอ๋อง สุดท้ายแล้วเมื่อคืนนางก็ไม่ได้ฝันต่อ นางสงสัยยิ่งนักว่าเกิดสิ่งใดขึ้นหลายวันมานี้นางฝันถึงจางเจียวซินคนเก่าอยู่หลายครั้งทุกครั้งที่ฝันจะเห็นเพียงนางทำหน้านิ่งเฉย บางคราทำเหมือนจะอ้าปากพูดสิ่งใด แต่เจียวซินเองก็ตื่นขึ้นมาก่อนทุกครั้ง “ใครเป็นคนจัดการอาหารขององค์ชายหนิงหลงหรือ ทำอาหารอันใดไว้บ้าง” เจียวซินเอ่ยถามคนในครัว “หม่อมฉันเพคะ เป็นปลาย่าง เนื้อตุ๋น และน้ำแกงไก่ (ซุปไก่) เพคะ” พี่เลี้ยงที่ตามองค์ชายน้อยมาจากในวังเอ่ยตอบ “ไม่มีพืชผักเลยหรือ” เจียวซินอดแปลกใจมิได้เด็กในวัยนี้หากไม่สอนให้ทานผักแต่เริ่มก็จะไม่อยากทานผักอีกเลย “องค์ชายมิโปรดผักเพคะ ฮองเฮาทรงบังคับให้ทานหลายรอบแต่ก็มิเป็นผลเลยเพคะ” “งั้นหรือ ข้าจะลองทำอาหารให้องค์ชาย พวกเจ้าช่วยข้าเตรียมของทีเถิด” เจียวซินอยากลองทำเมนูผักให้องค์ชายน้อยดูบ้าง นางเลือกทำข้าวผัดทรงเครื่อง ทำง่ายไม่ยุ่งยาก ใส่ผักที่มีสีสันและมีรสหวานเช่นพวกหูหลัวโป (แคร์รอต) หนานกวา (ฟักทอง) และยู้หมี่ (ข้าวโพด) เมื่อเตรียมของแล้วนางจึงเริ่มหั่นพืชผักต่างๆ ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครั้งแรกอาจจะยังไม่ใส่ผักเยอะสักเท่าไหร่ นอกจากนี้นางจะใส่ไข่และเนื้อตุ๋นที่ฉีกเป็นชิ้นพอดีคำลงไปผัดด้วย ไม่นานข้าวผัดของ องค์ชายตัวน้อยก็เสร็จสมบูรณ์ กลิ่นหอมฟุ้งทำให้หลายคนถึงกับแปลกใจว่าเหตุใดพระชายาจึงเข้าครัวทำอาหารเป็น “ต่อไปก็จัดจานสินะ ข้าอยากได้ชามที่แบนๆ หน่อยน่ะ มีหรือไม่” เมื่อได้ชามที่ต้องการเจียวซินจึงเริ่มจัดอาหารใส่ทันที นางทำเป็นรูปหมีเหมือนที่เคยเห็นในโลกก่อน มีใบหน้าที่เติมตา จมูก ปาก และมีหูสองข้าง เหล่าคนครัวที่เห็นอาหารที่เจียวซินทำถึงกับตาค้าง นางอยากจะบอกเหลือเกินว่ามิต้องตกใจไป นางทำได้เพียงอาหารง่ายๆ เท่านั้น “เสร็จแล้ว พวกเจ้าไปดูทีว่าท่านอ๋องและองค์ชายมารอแล้วหรือยัง” “มารอแล้วเพคะ พระชายารองและอนุทั้งสามก็มาร่วมรับสำรับด้วยเพคะ” นางกำนัลชีชีเอ่ยบอกผู้เป็นนาย “อืม เช่นนั้นช่วยยกสำรับเข้าไปในห้องโถงทีเถิด ส่วนข้าวผัดที่ข้าทำเหลือไว้เอาให้เด็กน้อยผู้นั้นลองชิมดูเถิด” เด็กน้อยที่เจียวซินกล่าวถึงคือบุตรสาววัยหกหนาวของแม่ครัวที่สอนเจียวซินทำขนมในวันนั้น นางเห็นว่าเด็กน้อยนั่งแอบหลังมารดามองมาที่นางอยู่บ่อยครั้ง กล่าวเพียงเท่านั้นก็เข้าไปรับสำรับในห้องโถง “สิ่งนี้คืออันใดหยือ งดงามยิ่ง” เสียงเล็กเอ่ยถามเจียวซินที่ยื่นข้าวผัดมาตรงหน้า “เป็นข้าวผัด เจียวซินเข้าครัวทำเพื่ออาหลงโดยเฉพาะ น่าทานหรือไม่” “น่าทาน แต่ว่ามันมีผักน้องไม่ทานผัก มันขมมากๆ” องค์ชายน้อยทำหน้าแหยงเมื่อนึกถึงผักที่ตนเคยกินก่อนหน้า “ลองชิมดูก่อนเถิด ผักเหล่านี้หวานมิเหมือนที่อาหลงเคยทานเป็นแน่ ทานผักเมื่อเติบใหญ่จะได้แข็งแรง มีพละกำลัง” เจียวซินพยายามหลอกล่อให้อาหลงลองชิมดูก่อน แต่ทว่า… “องค์ชายหนิงหลงมิชอบ พระชายาจะไปบังคับได้อย่างไรเพคะ หม่อมฉันคีบเนื้อตุ๋นให้ดีกว่านะเพคะ” เจียวซินตวัดสายตาขึ้นมองอนุจ้งอย่างแข็งกร้าว จนอนุจ้งตกใจกลัวรีบหดมือเข้าหาตนเองทันที “ไม่ทานผักก็แข็งแรงได้ ดังเช่นท่านอ๋องเป็นแบบอย่าง” อันอ้ายฉิงเห็นช่องให้ทิ่มแทงเจียวซินจึงรีบพูดสอดเข้าไป ทั้งนางยังหมายจะเอาอกเอาใจเฟยเทียน ที่ไม่ชอบทานผักเช่นกัน เฟยเทียนที่ฟังอยู่เผลอไผลพยักหน้าเห็นดีไปกับคำพูดเหล่านั้นด้วยเหตุที่ตนก็ไม่ทานผักเช่นกัน แต่ก็ต้องชะงักนิ่งงันเมื่อเห็นว่าเจียวซินหันมาจ้องหน้าเขาเขม็ง ร่างกายที่ผ่อนคลายของเฟยเทียน ยืดตรง เกร็งขึ้นทันตาเห็น “พวกท่านนี่อย่างไร เป็นผู้ใหญ่แต่มิรู้ความ มิได้อ่านตำรับตำราหรือถึงมิรู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี” เจียวซินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นแต่ก็มิได้ใส่อารมณ์มากนัก นางมิอยากให้องค์ชายน้อยจำไปเป็นแบบอย่าง แต่คำพูดของเจียวซินทำเอาคนที่อยู่ในห้องโถงทุกคนถึงกับอึ้ง นี่มิใช่ว่าพระชายาตำหนิไปถึงท่านอ๋องหรอกหรือ “อาหลงผักในอาหารที่เจียวซินทำนั้น เลือกเฉพาะผักที่มีรสหวาน มิขมแม้แต่น้อย หากอาหลงลองชิมสักคำอาหลงของเจียวซินต้องชอบแน่หากไม่ชอบเจียวซินจะไม่บังคับ…แต่ถ้าหากอาหลงไม่อยากลองชิมก็ไม่เป็นไร เจียวซินคงเศร้าใจมิน้อย” เจียวซินแสร้งตีหน้าเศร้าแล้วทำท่าจะดึงชามข้าวผัดตรงหน้าองค์ชายน้อยออกไป แต่มือน้อยๆ ก็รีบคว้าไว้เสียก่อน “ช้าก่องง น้องชิม น้องชิม” องค์ชายน้อยรีบนำข้าวผัดเข้าปากเพราะกลัวเจียวซินจะเศร้าโศก แต่ทว่าปากที่เคี้ยวหมุบหมับอยู่กลับชะงัก แล้วกลืนลงไป เจียวซินและเหล่าพี่เลี้ยงนางกำนัลลุ้นจนตัวโก่ง ขอให้องค์ชายน้อยชอบทีเถิด “รสดีจริงๆ หวานๆ ไม่ขมสักนิด” ว่าดังนั้นมือน้อยก็นำข้าวผัดใส่ปากไม่หยุด ทานไปยิ้มไป จนเฟยเทียนสงสัยว่ารสดีถึงเพียงนั้นเลยหรือ จึงใช้ตะเกียบแย่งข้าวผัดของน้องชายมาทานหนึ่งคำ “อืม รสดีจริงๆ” “พี่สามมม เหตุใดมาแย่งของน้องเช่นนี้” เสียงเล็กโวยวาย แต่เฟยเทียนก็ยังยื้อแย่งของน้องชายกินอยู่ดี เหล่าชายารองและอนุต่างหัวเสียไม่น้อยที่หักหน้าเจียวซินไม่ได้ หลังจากทุกคนรับสำรับเช้ากันเสร็จสิ้นจึงแยกย้ายกันกลับตำหนัก เจียวซินจึงพาองค์ชายน้อยไปนั่งที่ศาลาริมสระเพื่อรอองค์หญิงเฟยเฟิ่งที่กำลังเดินทางมาจวนอ๋อง วันนี้ท่านอ๋องจะพาพวกนางไปตลาดเทียบท่า เห็นว่าช่วงนี้มีกายกรรมมาจัดแสดงมากมาย แต่การไปครานี้คงต้องปลอมตัวกันเสียหน่อย เพื่อพรางตาศัตรู คิกๆ แผนนี้นางเป็นคนคิดเอง ฉลาดล้ำเลิศเหลือเกิน!!! นั่งเล่นไม่นานเฟยเฟิ่งก็มา นางจึงบอกแผนการอันชาญฉลาดให้ทุกคนฟังพร้อมจับทุกคนแปลงกายเป็นครอบครัวพ่อค้าต่างเมืองทันที “เจียวซิน ข้าต้องหาบสิ่งนี้ด้วยหรือ” เฟยเทียนชี้ไปที่สัมภาระกองโต “ต้องสิเจ้าคะ มิฉะนั้นจะแนบเนียนได้อย่างไร มาเจ้าค่ะข้าช่วยยกขึ้นบ่าให้” เจียวซินยกสัมภาระขึ้นบ่าให้ท่านอ๋อง นอกจากการแต่ตัวที่แนบเนียนแล้วก็ต้องเปลี่ยนคำพูดให้แนบเนียนด้วยเช่นกัน “หากข้าปวดหลัง เจ้าต้องรับผิดชอบ” เฟยเทียนคาดโทษเจียวซินไว้ “ข้าว่ามันยังขาดอะไรไปนะเจ้าคะ ข้าว่าท่านพ่อยังดูหนุ่มเกินไปเจ้าค่ะ คิกๆ” เฟยเฟิ่งที่รับบทบาทเป็นบุตรสาวคนโตก็เริ่มสวมบทบาททันที นางมิเคยละเล่นเช่นนี้มาก่อนจึงรู้สึกสนุกสนานไม่น้อย “เช่นนั้นหรือ…เพิ่มหนวดดีหรือไม่” เจียวซินหยิบพู่กันมาแตะหมึก มือเล็กกำลังจะเลื่อนเข้าไปแต้มหมึกบนริมฝีปากท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องดันจับมือนางไว้เสียก่อน “ข้าไม่เติมหนวดเด็ดขาด ไม่เด็ดขาด” เฟยเทียนยื่นคำขาด แค่นี้เขาก็อับอายจนไม่รู้เอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว เขาบอกกับเจียวซินแล้วว่ามิจำเป็นต้องแต่งกายเช่นนี้แต่นางก็ยังดื้อดึงว่าเป็นการพรางตัวจากศัตรู มิใช่ว่าพวกเจ้ากำลังสนุกกันอยู่หรอกหรือ “เหตุใดเล่าท่านพ่อ เรากำลังละเล่นเป็นครอบครัวสุขสันต์กัน หากท่านพ่อ มิยอมแต้มหนวด ข้าว่าท่านแม่ไปหาพ่อใหม่ให้ข้ากับน้องเถิด ฮึกๆ” เฟยเฟิ่งที่ยังสวมบทบาทบุตรสาวพ่อค้าต่างเมืองทำท่าสะอึกสะอื้น “หาท่านพ่อใหม่เถิดท่านแม่ ฮึก” เฟยเทียนหันไปมองหน้าน้องชายตัวน้อย ที่ตอนนี้กำลังสวมบทบาทเป็นบุตรชายของเขาด้วยอีกคนอย่างเหนื่อยใจ ยุยงให้ชายาเขาหาสามีใหม่งั้นหรือ ฝันไปเถิด อย่าคิดว่าเขาจะยอม “แต้มลงมา แต้มลงมาเยอะๆ แล้วเจ้าก็ห้ามไปหาบิดาคนใหม่ให้บุตรของข้า หากข้ารู้พวกมันไม่ตายดีแน่!” ประโยคหลังเฟยเทียนจงใจกระซิบข้างหูของ เจียวซิน มิใช่เขาไม่รู้ว่าตอนอยู่ค่ายทหารนายกองหรงเข้ามาทักทายนาง จากที่เขารู้มาคุณชายหรงผู้นี้เข้านอกออกในบ้านสกุลจางบ่อยครั้งด้วยเพราะเป็นสหายของรองแม่ทัพซีห่าว คุณชายหรงต้องมีใจให้เจียวซินเป็นแน่ หรือจะส่งนายกองหรงไปประจำการที่ชายแดนทางใต้ดีนะ “บิดาคนม่งคนใหม่อันใดของท่าน” เจียวซินรีบแต้มหมึกทำเป็นหนวดให้ท่านอ๋องจนแล้วเสร็จ ทั้งสี่คนจึงได้เดินทางไปตลาดเทียบท่าทันที “ท่านพ่อ น้องอยากทานสิ่งนั้น” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วอยู่ในอ้อมแขนของ เจียวซินเอ่ยบอกเฟยเทียน เฟยเทียนมองไปที่แผงขายถังหูลู่ แล้วจึงพาภรรยาและบุตรปลอมๆ ไปยังแผงขาย “ขายอย่างไรหรือเจ้าคะ” เจียวซินเอ่ยถามคนขาย “ไม้ละสี่อีแปะเจ้าค่ะ เอากี่ไม้ดีเจ้าคะ” “เอาหกไม้เจ้าค่ะ…หกสี่ ยี่สิบสี่…นี่เจ้าค่ะ ยี่สิบสี่อีแปะ” เจียวซินพึมพำคิดเลขแล้วจึงแบมือขอเงินจากเฟยเทียนจ่ายไปให้คนขาย “เหตุใดท่านแม่จึงคิดคำนวณว่องไวเช่นนี้เจ้าคะ ลูกร่ำเรียนมาบ้างยังต้องหยุดคิดเสียนาน ท่านแม่เรียนรู้กับอาจารย์ท่านใดหรือ” เฟยเฟิ่งนึกสงสัยไม่น้อย นางเป็นถึงองค์หญิงในวัง อาจารย์ที่สอนนางย่อมเชี่ยวชาญกว่าอาจารย์ที่สอนบุตรขุนนางเป็นแน่ แต่การคำนวณอย่างรวดเร็วเมื่อครู่นางมิเคยร่ำเรียนมาก่อน “หม่อม- เอ่อ แม่อ่านมาจากตำราและฝึกฝนด้วยตนเอง หากเจ้าอยากรู้แม่จะสอนให้ แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่ช่วยให้เราคำนวณได้อย่างรวดเร็ว อย่างมือของเรา” เจียวซินแบมือทั้งสองข้างออกมา “หากจะคิดเงินที่เราซื้อของไป ถังหูลู่ 24 อีแปะ เสี่ยวหลงเปา 16 อีแปะ ของเล่น 25 อีแปะ รวมเป็น 65 อีแปะ” เจียวซินกางๆ พับๆ นิ้วไปมาตามจำนวนเงินที่เสียไปไม่นานก็ได้จำนวนที่เสียไปทั้งหมดออกมา “เร็วจริง ข้ามิเคยรู้ว่าใช้นิ้วช่วยคำนวณได้” เฟยเทียนอดทึ่งไม่ได้ เขาเป็นองค์ชายในรั้วในวังยังไม่สามารถทำได้เช่นนี้มาก่อน “เขาเรียกว่า จินตคณิต* เจ้าค่ะ จะช่วยให้คำนวณได้เร็วขึ้น ไว้คราหน้าแม่จะสอนพวกเจ้าทั้งสอง” เจียวซินเอ่ยกับบุตรปลอมๆ ของนาง นางมีความรู้ด้านนี้มากมายหากถ่ายทอดให้คนอื่นนำไปใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้าได้นางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง หลังจากหาของกินจนอิ่มท้อง เฟยเทียนก็พาทุกคนไปดูการแสดงกายกรรม มิใช่แค่เฟยเฟิ่งและหนิงหลงเท่านั้นที่ตื่นตาตื่นใจ แม้แต่เจียวก็ตื่นตาตื่นใจเช่นกัน ในโลกก่อนนางเคยดูแต่ในโทรทัศน์ไม่เคยเห็นการแสดงจริงๆ สักครา เจียวซินเพลิดเพลินกับการแสดงจนมิได้สนใจว่าตอนนี้ลำแขนด้านซ้ายของท่านอ๋องโอบกอดเอวนางจนแผ่นหลังแนบชิดกับอกแกร่ง มือขวาจับจูงมือของบุตรสาวปลอมๆ อย่างเฟยเฟิ่งเอาไว้ ผู้ใดมองเข้ามาคงเห็นแต่ครอบครัวสุขสันต์เป็นแน่ “น้องยังไม่กลับ คืนนี้น้องนอนกับเจียวซินกับพี่สาม นอนกันสามคน” เสียงเล็กขององค์ชายตัวน้อยบอกกับข้ารับใช้ของฮองเฮาที่ส่งมารับกลับวัง เฟยเทียนที่เห็นท่าทีว่าน้องชายคงมิยอมกลับแน่จึงได้บอกให้ข้ารับใช้กลับไปก่อน แล้วให้กลับมารับวันหลัง “เช่นนั้นอาหลงไปอยู่กับท่านอ๋องก่อนดีหรือไม่ เจียวซินจะเข้าครัวทำกับข้าวให้อาหลงก่อน” เด็กน้อยยอมออกจากอ้อมอกของเจียวซินแต่โดยดี เจียวซินจึงรีบเข้าครัวเพราะกลัวจะเลยเวลาสำรับเย็น ครานี้มีเหล่าพี่เลี้ยงขององค์ชายน้อยเข้าครัวศึกษาอาหารที่เจียวซินทำ หลังจากรับสำหรับเย็นเสร็จสองพี่น้องก็รบเร้าให้เจียวซินอาบน้ำให้ จะไม่ยอมก็ทำเศร้าโศกเสียใจ คนน้องยังพออาบให้ได้ แต่คนพี่นี่สิ ใบหน้าอันคมคาย กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ บนร่างกายสูงใหญ่ ทำเอาเจียวซินมิรู้ว่าจะวางสายตาไว้ที่ใด นางยอมรับตามตรงว่าท่านอ๋องทั้งรูปงาม ทั้งมียศมีเกียรติ อุปนิสัยมิได้ย่ำแย่ ทั้งยังแข็งแกร่ง หากผู้ใดได้เป็นคนรักคงโชคดีไปทั้งชีวิต นึกแล้วเจียวซินก็อดที่จะไล่สายตาไปตามกล้ามท้อง ลงไป ลงปะ… “อะแฮ่ม! มองอันใดหรือ” เฟยเทียนเอ่ยทั้งที่ยังนั่งอยู่ในถังน้ำกับองค์ชายน้อยใช้แขนทั้งสองพาดขอบถัง “มะ มะ มองอันใดเพคะ มิได้มอง มิได้มองเพคะ” เจียวซินที่ถูกจับได้ลุกลี้ลุกลนหันไปนำผ้ามาขัดตัวองค์ชายน้อย นางอับอายมิน้อย แต่ต้องยอมรับว่านางชื่นชอบรูปร่างเช่นท่านอ๋องมิน้อย บ้าจริง!!! เหตุใดถึงเผลอไผลได้ขนาดนั้น หลังจากผ่านช่วงเวลาหฤหรรษ์มาไม่นาน นางก็ต้องมาใจเต้นกับการนอนกอดกันสามคน แล้วเช่นนี้นางจะห้ามใจตนเองได้อย่างไร มิใช่ไม่รู้ว่าท่าทางของท่านอ๋องบัดนี้แปลความว่าอย่างไร แต่นางยังติดอยู่ที่ว่าเจียวซินคนก่อนรัก ท่านอ๋อง แล้วนางก็เป็นเจ้าของร่างนี้ มันจะไม่ดูใจร้ายไปหรือกับการแย่งคนรักของนาง อีกทั้งท่านอ๋องเองก็มีชายา อนุ อีกมากมายตัวเจียวซินเองคงรับไม่ได้กับการอยู่กันหนึ่งผัวห้าเมียหรอก เจียวซินที่นอนคิดไม่ตกอยู่ในอ้อมแขนท่านอ๋อง ไม่นานก็ผล็อยหลับไป . . อีกแล้ว ฝันถึงเหตุการณ์นี้อีกแล้ว บัดนี้เจียวซินกำลังยืนมองร่างของหญิงสาวนั่นก็คือเจียวซินคนก่อนกำลังตะเกียกตะกายจากน้ำ โดยที่นางทำอันใดมิได้เลย แต่เมื่อร่างของเจียวซินคนเก่านั้นจมหายไปในน้ำ กลับมีมือบางมาแตะไหล่เจียวซิน นางจึงหันกลับไปนางก็ตกใจสุดขีด “กรี๊ดดดดด!!!!” Tip: จินตคณิต เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่พัฒนาสมองทั้งสองซีก โดยใช้ตัวเลข ลูกคิด หรือใช้นิ้วมือ เช่น การใช้นิ้วมือในการบวกลบจำนวน ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม