“พระชายาเพคะ หม่อมฉันเตรียมน้ำใส่ถังให้แล้วเพคะ พระชายาจะลงไปแช่น้ำเลยหรือไม่เพคะ” ซีซีและซวนซวนเอ่ยถามนายของตนเมื่อตระเตรียมน้ำสำหรับอาบเสร็จแล้ว
“เตรียมของที่ข้าสั่งครบแล้วใช่หรือไม่”
“หม่อมฉันเตรียมให้พร้อมแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นข้าจะลงแช่น้ำเลย แต่พวกเจ้ามิต้องอยู่ปรนนิบัติข้า ไปพักผ่อนเถิดพรุ่งนี้เราต้องออกไปช่วยชาวบ้านแต่เช้า”
“เพคะพระชายา” เมื่อผู้เป็นนายกล่าวเช่นนั้นคนสนิททั้งสามจึงได้กลับไปที่กระโจมของตนที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
เจียวซินเปิดม่านเข้าไปในส่วนของห้องอาบน้ำภายในกระโจม ดีที่ทหารสร้างกระโจมที่มีทั้งส่วนที่เป็นเตียงนอนและมีส่วนที่เป็นพื้นที่สำหรับตั้งถังอาบน้ำ มันทำให้แผนการที่นางวางไว้ง่ายดายมากขึ้น คืนนี้นางตั้งใจไว้ว่าอย่างไรก็ต้องรู้ให้ได้ว่าจดหมายของอนุถังส่งมาว่าอย่างไร เจียวซินปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมดและลงไปแช่น้ำอุ่นที่ลอยด้วยกลีบเหมยกุ้ย (ดอกกุหลาบ) ขัดถูผิวกายอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในกระโจม นางจึงเอื้อมือไปหยิบไม้ที่อยู่บริเวณนั้นมาแหวกม่านดูว่าคนที่เข้ามาใช่ท่านอ๋องหรือไม่ และก็เป็นท่านอ๋องจริงๆ เจียวซิน ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“หนิงเออร์เจ้าเข้ามาช่วยข้าแต่งกายหน่อยเถิด” เฟยเทียนที่ได้ยินเสียงชายาตนเรียกคนสนิทก็มิได้สนใจอันใด แต่…
“หนิงเออร์ ซีซี ซวนซวนใครก็ได้ เข้ามาช่วยข้าที” เฟยเทียนมองหานางกำนัลของชายาแต่ก็มิมีใครอยู่ในกระโจมสักคน
นางพวกนี้ใช้ไม่ได้เสียจริง!
เฟยเทียนจึงเดินเข้าไปหวังจะช่วยชายาแต่งกาย แต่ทว่าจังหวะที่เขาแหวกม่านเข้าไปเป็นจังหวะเดียวกับที่เจียวซินลุกขึ้นจากถังน้ำ ร่างบางเปลือยเปล่ามีเพียงกลีบดอกไม้ที่ประดับตามร่างกายอันขาวผ่องนั้น เฟยเทียนไล่สายตาจากแผ่นหลังขาวลงมาเรื่อยๆ จนถึง…
อึก!!!
จนถึง…บั้นท้ายกลมกลึงที่ขาวเนียนดังเปาจื่อ (ซาลาเปา) ก้อนใหญ่ เฟยเทียนหยุดมองเปาจื่อแฝดคู่นั้นอยู่นาน จึงไล่สายตาไปตาเรียวขาขาวที่ประดับไปด้วยกลีบดอกไม้สีแดงประปราย
“หนิงอะ- ท่านอ๋อง!!!” เจียวซินที่ยืนให้ท่านอ๋องเชยชมเรือนร่างของนางอยู่นานจึงได้หันไปมองท่านอ๋อง แล้วแสร้งทำท่าทีตกใจ รีบนั่งลงในอ่างน้ำเช่นเดิม
“เอ่อ คือ…คือหนิงเออร์มิ มิได้อยู่ในกระโจมข้าจึงเข้ามาช่วยเจ้าแต่งกายแทน” เฟยเทียนเสมองไปทางอื่น ทั้งที่ในใจอยากจะเชยชมร่างงามให้มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ
“เอ่อ เช่นนั้นท่านอ๋องนำผ้ามาซับกายให้หม่อมฉันทีได้หรือไม่เพคะ” เจียวซินลุกขึ้นก้าวออกจากถังน้ำทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า เฟยเทียนที่ได้ ยินชายากล่าวขอจึงรีบหยิบผ้ามาซับน้ำตามร่างกายของเจียวซินร่างสูงยืนซ้อนหลังคนตัวเล็ก ค่อยๆ นำผ้าซับน้ำที่เกาะตามแผนหลังจนแห้งสนิท จึงเลื่อนผ้าไปซับบั้นท้ายกลมกลึงของชายา
อึก!!! เจียวซินยกยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากของผู้เป็นสวามี
“สะ เสร็จแล้ว” เฟยเทียนที่นำผ้ามาซับน้ำจากกายของชายาจนเสร็จก็รีบกล่าวบอกเจียวซินทันที
“ท่านอ๋องจะซับแต่ด้านหลังหรือ ด้านหน้ายังเปียกชื้นอยู่เลยนะเพคะ…อ๊ะ” เจียวซินตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกพลิกกายหันหน้าเข้าหาท่านอ๋อง เนินอกอันใหญ่โตของเจียวซินบดเบียดอยู่กับแผงอกแกร่ง
“เจ้าตั้งใจยั่วยวนข้า…ซินซินของพี่ช่างร้ายกาจนัก” เฟยเทียนโอบรัดเอวบางให้มาชิดตัว สายตาไม่อาจละออกจากเนินอกขาวได้แม้แต่น้อย เขาอยากลงสัมผัส อยากบีบเค้น อยากดูดดึง-
“มิใช่เสียหน่อย น้องเพียงขอให้เทียนเกอซับน้ำบนกายออกให้หมดเท่านั้น” เจียวซินพูดพลางคล้องแขนทั้งสองข้างกับคอแกร่ง
“เช่นนั้นพี่ไปซับน้ำให้ซินซินต่อที่เตียงดีหรือไม่” ไม่รอคำตอบจากเจียวซิน เฟยเทียนก็รั้งเอวเจียวซินขึ้น นางจึงใช้ขาทั้งสองเกี่ยวเอวหนาเอาไว้เพื่อไม่ให้ตก เฟยเทียนโอบอุ้มชายามานั่งลงขอบเตียงโดยจัดท่าให้เจียวซินนั่งคร่อมตักแกร่งของตน สายตาคมจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของเจียวซิน สายตาสอดประสานส่งความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้แก่กันออกมาจนหมด
“ข้ารักเจ้า…พี่รักซินซิน” เขามั่นใจ มั่นใจว่าเขารักหญิงสาวคนนี้ คนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เฟยเทียนประกบปากลงบนริมฝีปากบาง ขบเม้มและไล่เลียกลีบปากนุ่มนั้นอย่างแผ่วเบา ไม่นานริมฝีปากบางก็อ้าออกรอรับการรุกรานจากลิ้นหนา ปลายลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดมิมีใครยอมใคร เฟยเทียนผละออกจากปากบางลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอขาวอันหอมกรุ่น ขบเม้มจนเกิดเป็นรอย
“อื้อออออ น้องเจ็บ” เจียวซินร้องท้วงขึ้นมาเมื่อเจ็บจี๊ดตรงลำคอ เฟยเทียนเมื่อได้ยินดังนั้นทำได้เพียงไล่เลียรอยแดงราวกับต้องการขอโทษ เจียวซินที่แม้จะเผลอไผลไปกับรสสัมผัสของเฟยเทียนแต่ก็ยังไม่ลืมเป้าหมายสำคัญครั้งนี้ นางจึงบดเบียดบั้นท้ายเข้าหาแท่งทวนของท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มแข็งขืนขึ้นมาใต้ร่มผ้า
“อ่า~” เสียงครางกระเส่าของสวามีทำเอาเจียวซินได้ใจไม่น้อย ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมากอบกุมเนินอกอวบอิ่ม บีบเค้นจนเป็นรอยมือ
“เบา เบาหน่อย อื้อ!” เจียวซินครางออกเมื่อเฟยเทียนก้มหน้าลงไปดูดดึงยอดอกอีกข้าง ลิ้นหนาหมุนวนไล่เลียยอดอกแดงก่ำ
มิได้การแล้ว หากปล่อยไปเช่นนี้ แผนการคงล่มไม่เป็นท่าแน่ อ๊า~
นึกได้ดังนั้น เจียวซินจึงใช้จังหวะที่เฟยเทียนมัวเมาอยู่กับเนินอกอวบอิ่มของตนหยิบเชือกที่ผูกกับเสาเตียงนอนมามัดมือทั้งสองข้างของเฟยเทียนไว้ แต่บั้นท้ายก็มิลืมทำหน้าที่บดเบียดกระแทกกระทั้นแท่งทวนที่กำลังแข็งขืนนั้น เมื่อจัดการมัดมือท่านอ๋องเสร็จนางจึงลุกออกจากตัวท่านอ๋องทันที
“อืม~ เหตุใด…เหตุใดต้องมัดพี่ด้วยเล่าซินซิน” เฟยเทียนที่งุนงงกับการที่ตนถูกมัดมือขึงกับเสาเตียงเช่นนี้ มือซ้ายถูกมัดกับเสาเตียงทางซ้าย มือขวาถูกมัดกับเสาเตียงข้างขวา แม้ว่าเชือกที่มัดไว้ไม่แน่นหนาและเขาสามารถแกะได้อย่างง่ายดายแต่เขาก็ไม่ทำ เพราะอยากรู้ว่าชายาตัวน้อยของเขาจะทำอันใดกันแน่
“เพราะน้องกำลังจะไต่สวนเทียนเกออย่างไรเล่า” เจียวซินพูดพลางหยิบเสื้อคลุมผืนบางมาสวมแต่มิได้รั้งสาบเสื้อมามัดให้เข้าที่ ยังคงปล่อยให้เนินอกอวบโผล่พ้นสาบเสื้อออกมาอยู่อย่างนั้น
“เอาไว้ไต่สวนหลังจากนี้ดีหรือไม่ ไม่ว่าเรื่องอันใดพี่จะตอบเจ้าจนกระจ่าง” เฟยเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่าเมื่อเจียวซินนั่งคุกเข่าตรงหว่างข้าของเขาและดึงรั้งอาภรณ์ตัวในของเขาออกจนแท่งทวนอันแข็งขืนเด้งออกมา
โอ้ว!!! เสด็จแม่คาดเดาเก่งเสียงจริง จะเข้าปากนางได้ไหมนะ
“โอ๊ะ! คิกๆ อึดอัดหรือ เสี่ยวเทียนอยู่ในผ้าอึดอัดใช่หรือไม่” เจียวซินใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ ตรงส่วนปลายของแท่งทวนคล้ายกับต้องการทักทาย เฟยเทียนถึงกับต้องกัดกรามข่มอารมณ์เมื่อเห็นท่าทีซุกซนของชายาตน
“อืม~” เฟยเทียนครางเสียงต่ำทันทีที่มือบางกำรอบแท่งทวนของเขา
“เทียนเกอรู้หรือไม่ วันนี้น้องปวดใจยิ่งนักที่รู้ว่ามีหญิงอื่นส่งจดหมายรักถึงท่าน” เจียวซินตีหน้าเศร้าราวกับน้อยใจหนักหนา ฝ่ามือบางก็ทำหน้าที่รูดรั้งแท่งทวนช้าๆ
“ซี๊ดดด ซินซิน เร็วอีกได้หรือไม่ อ่า~” เฟยเทียนกล่าวขอพลางใช้มือที่ถูกมัดทั้งสองยันค้ำไว้ข้างหลัง
“ไม่ จนกว่าเทียนเกอจะตอบน้อง” มือบางยังคงกอบกำแท่งทวนพร้อมกับชักรูดด้วยจังหวะที่ช้ากว่าเดิม
“มิ มิใช่จดหมายรัก อ่า~ เป็นรายงานเรื่องลอบสังหารครานั้น” เมื่อได้คำตอบที่พึงใจเจียวซินก็เร่งจังหวะการรูดรั้งเป็นรางวัล
"ซี๊ดดดดด อืมมมม อย่างนั้น อย่างนั้น" ร่างใหญ่รู้สึกเสียวซ่านไม่น้อย ใบหน้าคมแหงนขึ้นส่งเสียงครางออกมามิหยุด
“เหตุใดอนุถังถึงต้องรายงานเรื่องนั้นหรือ” ไม่ถามเปล่าเจียวซินใช้ลิ้นเล็ก ไล่เลียตั้งแต่โคนจดปลาย วนลิ้นตรงปลายหยักเบาๆ
“อ๊าา~ อืม นางเป็นองค์รักษ์ คอยสืบข่าว ซี๊ดดดด ใช้ปากเจ้าครอบมันลงไปคนดี”
“หากน้องทำ เทียนเกอจะบอกน้องทุกสิ่งหรือไม่ หืม”
จุ๊บ!!! เจียวซินใช้ริมฝีปากดูดดึงส่วนปลายของแท่งทวนเบาๆ
“บอก! พี่บอกทุกอย่าง ทุกอย่างที่เจ้าถาม อืม~” เมื่อได้ยินคำตอบที่พึงใจเจียวซินก็อ้าปากรับแท่งทวนของสวามีเข้าปากทันที ความใหญ่โตของแท่งทวน ทำให้เจียวซินลำบากไม่น้อย ปากเล็กพยายามอ้าให้กว้างอมครอบลงมาให้มากที่สุด ระหว่างนั้นลิ้นเล็กก็ไล่เลียอย่างซุกซน ทั้งยังยกศีรษะขึ้นลง รูดรั้ง ดูดดึงแท่งทวนช้าบ้างเร็วบ้างสลับกันไป
“อื้ออ อืมมม”
“ซี๊ดดดดด ดี ดีมาก ซินซินของพี่ อ่า~” เฟยเทียนเสียวซ่านจนแทบควบคุมตนเองไม่อยู่ เมื่อใกล้แตะขอบสวรรค์ เชือกที่ดึงรั้งมือหนาไว้กับเตียงก็ถูกกระชากจนปมที่มัดหลุดออก เฟยเทียนใช้มือขวากดศีรษะเล็กไว้มือซ้ายที่ยังถูกมัดคอย ค้ำยันไว้ด้านหลัง แล้วสวนสะโพกสอบเข้าไปในปากเล็กครั้งแล้วครั้งเล่า
อ๊อก อ๊อก อ๊อก~
“อ๊ะ ซี๊ดดดดดด” เฟยเทียนเกรงกระตุก ปลดปล่อยหยาดรักเข้าปากเล็ก จนหมด
“แค่กๆ แค่ก แคกๆ” เจียวซินถึงกับสำลักหยาดรักมากมายที่พุ่งเข้ามา แม้จะกลืนไปบางส่วนแล้วแต่ก็ยังมีส่วนที่ไหลออกมาจากมุมปากเล็ก เฟยเทียนเห็นดังนั้นจึงก้มลงไปโอบอุ้มชายาขึ้นมานอนเอนกายบนเตียงพลางใช้นิ้วเช็ดคราบหยาดรักออกจากมุมปากของคนตัวเล็ก
“รสดีหรือไม่ หืม” เฟยเทียนยกยิ้มอย่างต้องการหยอกล้อ
“ชิ! คอน้องพังหมดแล้วกระมัง” เจียวซินทำหน้ากระเง้ากระงอด
“หึๆ ต้องขออภัยเจ้าด้วยที่ของพี่มันมิใช่เสี่ยวเทียนดังเจ้าว่า” ไม่ว่าเปล่า ใบหน้าคมเข้าไปซุกซบเนินอกอวบอิ่มของชายา
“พอเลยเพคะ เล่าความจริงมาให้หมด”
“ได้ พี่เล่าแล้วๆ ถังซูเหวินนางเป็นหนึ่งในองค์รักษ์เงาของพี่ ยามที่พี่รู้ว่าต้องแต่งชายารองและอนุเข้ามาพี่ก็ให้นางแต่งเข้ามาในฐานะอนุด้วยเพื่อสืบความจากในจวน อย่างที่เจ้ารู้พวกนางแต่งเข้ามาในจวนอ๋องย่อมมีจุดประสงค์บางอย่างเป็นแน่ พี่จึงคิดแผนการนี้ขึ้นมา”
“มิได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันใช่หรือไม่”
“มิมีแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเยือน ก็เพียงไปรับข่าวสารเท่านั้น พี่นำ ห่าวซวนเข้าไปด้วยทุกครั้ง เจ้าถามกับห่าวซวนได้”
“แล้วเหตุใดไม่ยอมบอกน้องตั้งแต่วันนั้นที่น้องหึงหวงท่านเล่า” เจียวซินถามต่อเพราะนางยังสงสัยในจุดนี้ไม่น้อย
“ตอนนั้น ซีซี นางกำนัลของเจ้าทำตัวน่าสงสัย นางแอบออกไปนอกจวนเกือบทุกค่ำคืน ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน จึงบอกเจ้ามิได้”
“แล้ว…ไม่ใช่ซีซีใช่หรือไม่ นางมิได้ทำอันใดผิดใช่หรือไม่” เจียวซินตกใจ ไม่น้อยที่รู้ว่าคนที่นางไว้วางใจตกเป็นผู้ต้องสงสัย
“นางมิได้ทรยศเรา ซูเหวินพึ่งจะบอกมาในจดหมายว่านางออกไปดูแลมารดาที่ป่วยอยู่เท่านั้น”
“แล้วนางมากับเราเช่นนี้ใครจะดูแลมารดาของนางเล่า น้องมิน่าคะยั้นคะยอให้นางมากับเราเลย” เจียวซินทำหน้าหมองลงถนัดตา ก่อนเดินทางซีซีมาขอกับนางว่าอยากอยู่ที่จวนแต่เป็นเจียวซินเองที่ออดอ้อนให้ซีซีเดินทางมาด้วยกัน เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้เจียวซินก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่น้อย
“คนดีอย่าได้เศร้าหมองไปเลย พี่จะให้จิ้นหนานส่งคนไปดูแลมารดาของนางให้ดีหรือไม่”
“ดีเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ…แล้วคนที่เป็นสายให้ผู้อื่นเล่าเพคะ รู้หรือไม่”
“ตอนนี้รู้แน่ชัดแล้วว่าเป็นสกุลอันที่ลอบสังหารเราครานั้น แต่อาจจะมีคนที่อยู่ในเงามืดอีกคนที่ยื่นมือเข้ามาสอด เพราะนางกำนัลของอันอ้ายฉิงออกไปพบคนของสกุลอันหนึ่งคราและไปพบคนอีกผู้ที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัดอีกหนึ่งครา อีกทั้ง นักฆ่าที่สกุลอันส่งมาไม่มีพลธนูสักคนเดียว ตีความได้ว่าพลธนูอาจจะเป็นคนของผู้อื่นแฝงตัวมา”
“ร้ายเสียจริงนะ แม่ดอกบัวขาวกลีบเน่า!” เจียวซินถึงกับกร่นด่าอันอ้ายฉิง จะมิให้โกรธได้อย่างไร นางเกือบเอาชีวิตไม่รอด อีกทั้งทหารของเฟยเทียนบางคนก็บาดเจ็บล้มตายกัน
“หึๆ นี่เจ้าด่านางแล้วหรือ พี่มิเห็นว่ามันจะเจ็บปวดแม้แต่น้อย”
“ช่างเถิดเพคะ แล้วตอนนี้ท่านอ๋องกำลังจะทำการใดอยู่หรือเพคะ”
“อยู่กันแค่เราพี่อยากเป็นเทียนเกอมากกว่า” เฟยเทียนว่าพลางเลื่อนมือเข้าไปลูบไล้หน้าท้องของเจียวซิน
“ก็ได้ เทียนเกอบอกน้องที นะ นะ”
“บัดนี้พี่กำลังสืบหาตัวคนที่วางยาเสด็จพี่อยู่ และสกุลอันก็น่าสงสัยมาก ที่สุดแต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งต่างๆ อยู่มาก การที่พี่ได้ออกจากเมืองหลวงมาจัดการเรื่องโรคระบาดก็เป็นเพราะสกุลอันและพี่รองที่เสนอชื่อพี่ ระหว่างที่พี่ไม่อยู่เมืองหลวงเช่นนี้พวกมันต้องคิดทำการอันใดบางอย่างเป็นแน่”
“แล้วอย่างนี้มิเท่ากับเราทำตามแผนการของพวกเขาหรือ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น แต่เจ้ามิต้องห่วงพี่วางคนของเราไว้แต่ละเมืองเพื่อสืบข่าวอยู่ตลอด ในจวนของเราพี่ก็ให้จิ้นหนานกับซูเหวินคอยจับตาดูเหล่าชายาและอนุไว้แล้ว”
“เทียนเกอของน้องช่างรอบคอบเสียจริง” เจียวซินเอ่ยชมสวามี พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตแก้มสาก
“ที่จริงมีอีกหลายเรื่องที่พี่เก่งกาจ”
“คิกๆ อ่อ…น้องมีข้อสงสัยอย่างหนึ่งเพคะ เหตุใดเทียนเกอไม่สงสัยองค์ชายห้าบ้างเพคะ เขาเองก็มีสิทธิ์ในบัลลังก์มิใช่หรือ”
“เป็นไปมิได้หรอก น้องห้าจิตใจอ่อนโยน โอนอ่อนไปมา ทั้งยังมิได้ใส่ใจเรื่องการบ้านการเมืองนัก มีสิ่งใดให้ทำเขาก็ทำไปตามที่เสด็จพ่อบอกกล่าว สนมเหว่ยมารดาของเขาก็เช่นกัน มิได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเสด็จแม่ของพี่แม้แต่น้อย และ ที่สำคัญน้องห้ามิได้มีกำลังทหารในมือเลยแม้แต้คนเดียว หากเขาคิดจะกบฏก็ถือว่าเขาจงใจฆ่าตัวตาย”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่อย่างไรน้องก็มิอยากให้เทียนเกอประมาท ใจคนยากแท้หยั่งถึง”
“อืม…แล้วใจของเจ้าเล่า ยากแท้หยั่งถึงดังคนเขาว่าหรือไม่” เฟยเทียนเลื่อนมือจากหน้าท้องแบนราบขึ้นไปกอบกุมเนินอกจองเจียวซินแล้วบีบเค้นเบาๆ
“อื้อออ พอแล้ว น้องง่วงแล้วพรุ่งนี้เราต้องวางแผนช่วยชาวเมืองกันแต่เช้า”
“เจ้ามิอยากมีเจ้าตัวน้อยมาวิ่งเล่นในจวนสักสองสามคนหรือ” จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอขาว
“อยากมีเพคะ แต่น้องยังมิพร้อม” เจียวซินใช้มือทั้งสองผลักดันอกแกร่งเอาไว้
“แล้วเมื่อใดจะพร้อมเล่า” เฟยเทียนทำท่าทีงอแงอยู่ไม่น้อย
“หลังจากช่วยบรรเทาทุกข์ให้ชาวเมืองแล้ว น้องอยากบอกบางสิ่งกับ เทียนเกอก่อน หากวันนั้นเทียนเกอยังมั่นใจว่ารักน้องดังเดิม เราจะมีเจ้าตัวน้อยด้วยกัน เช่นนี้ดีหรือไม่เพคะ” เจียวซินยังคิดหนักเรื่องที่นางได้เข้ามาอยู่ในโลกนี้ นางกลัวว่าท่านอ๋องจะรับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ อีกอย่างนางกลัวว่าคนที่ท่านอ๋องรักจะเป็นคุณหนูจาง มิใช่นางในตอนนี้
“ได้ พี่ตกลงตามนั้น แต่…ตอนนี้เจ้าคงต้องช่วยพี่ก่อน”
“ช่วยอันใดหรือเพคะ”
“ก็…เสี่ยวเทียนของเจ้ามันมิยอมหลับยอมนอน คงอยากให้เจ้ากล่อมมันอีกแล้วกระมัง” เฟยเทียนคว้ามือเจียวซินเลื่อนไปจับแท่งทวนที่แข็งขืนขึ้นมาอีกครา
อ่า~ พรุ่งนี้ปากนางคงบวมเป่งจนมิมีหน้าออกไปพบผู้ใดเสียแล้ว
.
.
“อ่า~ คนดีของพี่ ซี๊ดดดด”