เจียวซินกับเค้นความจริง

2995 คำ
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันเตรียมน้ำใส่ถังให้แล้วเพคะ พระชายาจะลงไปแช่น้ำเลยหรือไม่เพคะ” ซีซีและซวนซวนเอ่ยถามนายของตนเมื่อตระเตรียมน้ำสำหรับอาบเสร็จแล้ว “เตรียมของที่ข้าสั่งครบแล้วใช่หรือไม่” “หม่อมฉันเตรียมให้พร้อมแล้วเพคะ” “เช่นนั้นข้าจะลงแช่น้ำเลย แต่พวกเจ้ามิต้องอยู่ปรนนิบัติข้า ไปพักผ่อนเถิดพรุ่งนี้เราต้องออกไปช่วยชาวบ้านแต่เช้า” “เพคะพระชายา” เมื่อผู้เป็นนายกล่าวเช่นนั้นคนสนิททั้งสามจึงได้กลับไปที่กระโจมของตนที่อยู่ถัดไปไม่ไกล เจียวซินเปิดม่านเข้าไปในส่วนของห้องอาบน้ำภายในกระโจม ดีที่ทหารสร้างกระโจมที่มีทั้งส่วนที่เป็นเตียงนอนและมีส่วนที่เป็นพื้นที่สำหรับตั้งถังอาบน้ำ มันทำให้แผนการที่นางวางไว้ง่ายดายมากขึ้น คืนนี้นางตั้งใจไว้ว่าอย่างไรก็ต้องรู้ให้ได้ว่าจดหมายของอนุถังส่งมาว่าอย่างไร เจียวซินปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมดและลงไปแช่น้ำอุ่นที่ลอยด้วยกลีบเหมยกุ้ย (ดอกกุหลาบ) ขัดถูผิวกายอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในกระโจม นางจึงเอื้อมือไปหยิบไม้ที่อยู่บริเวณนั้นมาแหวกม่านดูว่าคนที่เข้ามาใช่ท่านอ๋องหรือไม่ และก็เป็นท่านอ๋องจริงๆ เจียวซิน ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “หนิงเออร์เจ้าเข้ามาช่วยข้าแต่งกายหน่อยเถิด” เฟยเทียนที่ได้ยินเสียงชายาตนเรียกคนสนิทก็มิได้สนใจอันใด แต่… “หนิงเออร์ ซีซี ซวนซวนใครก็ได้ เข้ามาช่วยข้าที” เฟยเทียนมองหานางกำนัลของชายาแต่ก็มิมีใครอยู่ในกระโจมสักคน นางพวกนี้ใช้ไม่ได้เสียจริง! เฟยเทียนจึงเดินเข้าไปหวังจะช่วยชายาแต่งกาย แต่ทว่าจังหวะที่เขาแหวกม่านเข้าไปเป็นจังหวะเดียวกับที่เจียวซินลุกขึ้นจากถังน้ำ ร่างบางเปลือยเปล่ามีเพียงกลีบดอกไม้ที่ประดับตามร่างกายอันขาวผ่องนั้น เฟยเทียนไล่สายตาจากแผ่นหลังขาวลงมาเรื่อยๆ จนถึง… อึก!!! จนถึง…บั้นท้ายกลมกลึงที่ขาวเนียนดังเปาจื่อ (ซาลาเปา) ก้อนใหญ่ เฟยเทียนหยุดมองเปาจื่อแฝดคู่นั้นอยู่นาน จึงไล่สายตาไปตาเรียวขาขาวที่ประดับไปด้วยกลีบดอกไม้สีแดงประปราย “หนิงอะ- ท่านอ๋อง!!!” เจียวซินที่ยืนให้ท่านอ๋องเชยชมเรือนร่างของนางอยู่นานจึงได้หันไปมองท่านอ๋อง แล้วแสร้งทำท่าทีตกใจ รีบนั่งลงในอ่างน้ำเช่นเดิม “เอ่อ คือ…คือหนิงเออร์มิ มิได้อยู่ในกระโจมข้าจึงเข้ามาช่วยเจ้าแต่งกายแทน” เฟยเทียนเสมองไปทางอื่น ทั้งที่ในใจอยากจะเชยชมร่างงามให้มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ “เอ่อ เช่นนั้นท่านอ๋องนำผ้ามาซับกายให้หม่อมฉันทีได้หรือไม่เพคะ” เจียวซินลุกขึ้นก้าวออกจากถังน้ำทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า เฟยเทียนที่ได้ ยินชายากล่าวขอจึงรีบหยิบผ้ามาซับน้ำตามร่างกายของเจียวซินร่างสูงยืนซ้อนหลังคนตัวเล็ก ค่อยๆ นำผ้าซับน้ำที่เกาะตามแผนหลังจนแห้งสนิท จึงเลื่อนผ้าไปซับบั้นท้ายกลมกลึงของชายา อึก!!! เจียวซินยกยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากของผู้เป็นสวามี “สะ เสร็จแล้ว” เฟยเทียนที่นำผ้ามาซับน้ำจากกายของชายาจนเสร็จก็รีบกล่าวบอกเจียวซินทันที “ท่านอ๋องจะซับแต่ด้านหลังหรือ ด้านหน้ายังเปียกชื้นอยู่เลยนะเพคะ…อ๊ะ” เจียวซินตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกพลิกกายหันหน้าเข้าหาท่านอ๋อง เนินอกอันใหญ่โตของเจียวซินบดเบียดอยู่กับแผงอกแกร่ง “เจ้าตั้งใจยั่วยวนข้า…ซินซินของพี่ช่างร้ายกาจนัก” เฟยเทียนโอบรัดเอวบางให้มาชิดตัว สายตาไม่อาจละออกจากเนินอกขาวได้แม้แต่น้อย เขาอยากลงสัมผัส อยากบีบเค้น อยากดูดดึง- “มิใช่เสียหน่อย น้องเพียงขอให้เทียนเกอซับน้ำบนกายออกให้หมดเท่านั้น” เจียวซินพูดพลางคล้องแขนทั้งสองข้างกับคอแกร่ง “เช่นนั้นพี่ไปซับน้ำให้ซินซินต่อที่เตียงดีหรือไม่” ไม่รอคำตอบจากเจียวซิน เฟยเทียนก็รั้งเอวเจียวซินขึ้น นางจึงใช้ขาทั้งสองเกี่ยวเอวหนาเอาไว้เพื่อไม่ให้ตก เฟยเทียนโอบอุ้มชายามานั่งลงขอบเตียงโดยจัดท่าให้เจียวซินนั่งคร่อมตักแกร่งของตน สายตาคมจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของเจียวซิน สายตาสอดประสานส่งความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้แก่กันออกมาจนหมด “ข้ารักเจ้า…พี่รักซินซิน” เขามั่นใจ มั่นใจว่าเขารักหญิงสาวคนนี้ คนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เฟยเทียนประกบปากลงบนริมฝีปากบาง ขบเม้มและไล่เลียกลีบปากนุ่มนั้นอย่างแผ่วเบา ไม่นานริมฝีปากบางก็อ้าออกรอรับการรุกรานจากลิ้นหนา ปลายลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดมิมีใครยอมใคร เฟยเทียนผละออกจากปากบางลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอขาวอันหอมกรุ่น ขบเม้มจนเกิดเป็นรอย “อื้อออออ น้องเจ็บ” เจียวซินร้องท้วงขึ้นมาเมื่อเจ็บจี๊ดตรงลำคอ เฟยเทียนเมื่อได้ยินดังนั้นทำได้เพียงไล่เลียรอยแดงราวกับต้องการขอโทษ เจียวซินที่แม้จะเผลอไผลไปกับรสสัมผัสของเฟยเทียนแต่ก็ยังไม่ลืมเป้าหมายสำคัญครั้งนี้ นางจึงบดเบียดบั้นท้ายเข้าหาแท่งทวนของท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มแข็งขืนขึ้นมาใต้ร่มผ้า “อ่า~” เสียงครางกระเส่าของสวามีทำเอาเจียวซินได้ใจไม่น้อย ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมากอบกุมเนินอกอวบอิ่ม บีบเค้นจนเป็นรอยมือ “เบา เบาหน่อย อื้อ!” เจียวซินครางออกเมื่อเฟยเทียนก้มหน้าลงไปดูดดึงยอดอกอีกข้าง ลิ้นหนาหมุนวนไล่เลียยอดอกแดงก่ำ มิได้การแล้ว หากปล่อยไปเช่นนี้ แผนการคงล่มไม่เป็นท่าแน่ อ๊า~ นึกได้ดังนั้น เจียวซินจึงใช้จังหวะที่เฟยเทียนมัวเมาอยู่กับเนินอกอวบอิ่มของตนหยิบเชือกที่ผูกกับเสาเตียงนอนมามัดมือทั้งสองข้างของเฟยเทียนไว้ แต่บั้นท้ายก็มิลืมทำหน้าที่บดเบียดกระแทกกระทั้นแท่งทวนที่กำลังแข็งขืนนั้น เมื่อจัดการมัดมือท่านอ๋องเสร็จนางจึงลุกออกจากตัวท่านอ๋องทันที “อืม~ เหตุใด…เหตุใดต้องมัดพี่ด้วยเล่าซินซิน” เฟยเทียนที่งุนงงกับการที่ตนถูกมัดมือขึงกับเสาเตียงเช่นนี้ มือซ้ายถูกมัดกับเสาเตียงทางซ้าย มือขวาถูกมัดกับเสาเตียงข้างขวา แม้ว่าเชือกที่มัดไว้ไม่แน่นหนาและเขาสามารถแกะได้อย่างง่ายดายแต่เขาก็ไม่ทำ เพราะอยากรู้ว่าชายาตัวน้อยของเขาจะทำอันใดกันแน่ “เพราะน้องกำลังจะไต่สวนเทียนเกออย่างไรเล่า” เจียวซินพูดพลางหยิบเสื้อคลุมผืนบางมาสวมแต่มิได้รั้งสาบเสื้อมามัดให้เข้าที่ ยังคงปล่อยให้เนินอกอวบโผล่พ้นสาบเสื้อออกมาอยู่อย่างนั้น “เอาไว้ไต่สวนหลังจากนี้ดีหรือไม่ ไม่ว่าเรื่องอันใดพี่จะตอบเจ้าจนกระจ่าง” เฟยเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่าเมื่อเจียวซินนั่งคุกเข่าตรงหว่างข้าของเขาและดึงรั้งอาภรณ์ตัวในของเขาออกจนแท่งทวนอันแข็งขืนเด้งออกมา โอ้ว!!! เสด็จแม่คาดเดาเก่งเสียงจริง จะเข้าปากนางได้ไหมนะ “โอ๊ะ! คิกๆ อึดอัดหรือ เสี่ยวเทียนอยู่ในผ้าอึดอัดใช่หรือไม่” เจียวซินใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ ตรงส่วนปลายของแท่งทวนคล้ายกับต้องการทักทาย เฟยเทียนถึงกับต้องกัดกรามข่มอารมณ์เมื่อเห็นท่าทีซุกซนของชายาตน “อืม~” เฟยเทียนครางเสียงต่ำทันทีที่มือบางกำรอบแท่งทวนของเขา “เทียนเกอรู้หรือไม่ วันนี้น้องปวดใจยิ่งนักที่รู้ว่ามีหญิงอื่นส่งจดหมายรักถึงท่าน” เจียวซินตีหน้าเศร้าราวกับน้อยใจหนักหนา ฝ่ามือบางก็ทำหน้าที่รูดรั้งแท่งทวนช้าๆ “ซี๊ดดด ซินซิน เร็วอีกได้หรือไม่ อ่า~” เฟยเทียนกล่าวขอพลางใช้มือที่ถูกมัดทั้งสองยันค้ำไว้ข้างหลัง “ไม่ จนกว่าเทียนเกอจะตอบน้อง” มือบางยังคงกอบกำแท่งทวนพร้อมกับชักรูดด้วยจังหวะที่ช้ากว่าเดิม “มิ มิใช่จดหมายรัก อ่า~ เป็นรายงานเรื่องลอบสังหารครานั้น” เมื่อได้คำตอบที่พึงใจเจียวซินก็เร่งจังหวะการรูดรั้งเป็นรางวัล "ซี๊ดดดดด อืมมมม อย่างนั้น อย่างนั้น" ร่างใหญ่รู้สึกเสียวซ่านไม่น้อย ใบหน้าคมแหงนขึ้นส่งเสียงครางออกมามิหยุด “เหตุใดอนุถังถึงต้องรายงานเรื่องนั้นหรือ” ไม่ถามเปล่าเจียวซินใช้ลิ้นเล็ก ไล่เลียตั้งแต่โคนจดปลาย วนลิ้นตรงปลายหยักเบาๆ “อ๊าา~ อืม นางเป็นองค์รักษ์ คอยสืบข่าว ซี๊ดดดด ใช้ปากเจ้าครอบมันลงไปคนดี” “หากน้องทำ เทียนเกอจะบอกน้องทุกสิ่งหรือไม่ หืม” จุ๊บ!!! เจียวซินใช้ริมฝีปากดูดดึงส่วนปลายของแท่งทวนเบาๆ “บอก! พี่บอกทุกอย่าง ทุกอย่างที่เจ้าถาม อืม~” เมื่อได้ยินคำตอบที่พึงใจเจียวซินก็อ้าปากรับแท่งทวนของสวามีเข้าปากทันที ความใหญ่โตของแท่งทวน ทำให้เจียวซินลำบากไม่น้อย ปากเล็กพยายามอ้าให้กว้างอมครอบลงมาให้มากที่สุด ระหว่างนั้นลิ้นเล็กก็ไล่เลียอย่างซุกซน ทั้งยังยกศีรษะขึ้นลง รูดรั้ง ดูดดึงแท่งทวนช้าบ้างเร็วบ้างสลับกันไป “อื้ออ อืมมม” “ซี๊ดดดดด ดี ดีมาก ซินซินของพี่ อ่า~” เฟยเทียนเสียวซ่านจนแทบควบคุมตนเองไม่อยู่ เมื่อใกล้แตะขอบสวรรค์ เชือกที่ดึงรั้งมือหนาไว้กับเตียงก็ถูกกระชากจนปมที่มัดหลุดออก เฟยเทียนใช้มือขวากดศีรษะเล็กไว้มือซ้ายที่ยังถูกมัดคอย ค้ำยันไว้ด้านหลัง แล้วสวนสะโพกสอบเข้าไปในปากเล็กครั้งแล้วครั้งเล่า อ๊อก อ๊อก อ๊อก~ “อ๊ะ ซี๊ดดดดดด” เฟยเทียนเกรงกระตุก ปลดปล่อยหยาดรักเข้าปากเล็ก จนหมด “แค่กๆ แค่ก แคกๆ” เจียวซินถึงกับสำลักหยาดรักมากมายที่พุ่งเข้ามา แม้จะกลืนไปบางส่วนแล้วแต่ก็ยังมีส่วนที่ไหลออกมาจากมุมปากเล็ก เฟยเทียนเห็นดังนั้นจึงก้มลงไปโอบอุ้มชายาขึ้นมานอนเอนกายบนเตียงพลางใช้นิ้วเช็ดคราบหยาดรักออกจากมุมปากของคนตัวเล็ก “รสดีหรือไม่ หืม” เฟยเทียนยกยิ้มอย่างต้องการหยอกล้อ “ชิ! คอน้องพังหมดแล้วกระมัง” เจียวซินทำหน้ากระเง้ากระงอด “หึๆ ต้องขออภัยเจ้าด้วยที่ของพี่มันมิใช่เสี่ยวเทียนดังเจ้าว่า” ไม่ว่าเปล่า ใบหน้าคมเข้าไปซุกซบเนินอกอวบอิ่มของชายา “พอเลยเพคะ เล่าความจริงมาให้หมด” “ได้ พี่เล่าแล้วๆ ถังซูเหวินนางเป็นหนึ่งในองค์รักษ์เงาของพี่ ยามที่พี่รู้ว่าต้องแต่งชายารองและอนุเข้ามาพี่ก็ให้นางแต่งเข้ามาในฐานะอนุด้วยเพื่อสืบความจากในจวน อย่างที่เจ้ารู้พวกนางแต่งเข้ามาในจวนอ๋องย่อมมีจุดประสงค์บางอย่างเป็นแน่ พี่จึงคิดแผนการนี้ขึ้นมา” “มิได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันใช่หรือไม่” “มิมีแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเยือน ก็เพียงไปรับข่าวสารเท่านั้น พี่นำ ห่าวซวนเข้าไปด้วยทุกครั้ง เจ้าถามกับห่าวซวนได้” “แล้วเหตุใดไม่ยอมบอกน้องตั้งแต่วันนั้นที่น้องหึงหวงท่านเล่า” เจียวซินถามต่อเพราะนางยังสงสัยในจุดนี้ไม่น้อย “ตอนนั้น ซีซี นางกำนัลของเจ้าทำตัวน่าสงสัย นางแอบออกไปนอกจวนเกือบทุกค่ำคืน ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน จึงบอกเจ้ามิได้” “แล้ว…ไม่ใช่ซีซีใช่หรือไม่ นางมิได้ทำอันใดผิดใช่หรือไม่” เจียวซินตกใจ ไม่น้อยที่รู้ว่าคนที่นางไว้วางใจตกเป็นผู้ต้องสงสัย “นางมิได้ทรยศเรา ซูเหวินพึ่งจะบอกมาในจดหมายว่านางออกไปดูแลมารดาที่ป่วยอยู่เท่านั้น” “แล้วนางมากับเราเช่นนี้ใครจะดูแลมารดาของนางเล่า น้องมิน่าคะยั้นคะยอให้นางมากับเราเลย” เจียวซินทำหน้าหมองลงถนัดตา ก่อนเดินทางซีซีมาขอกับนางว่าอยากอยู่ที่จวนแต่เป็นเจียวซินเองที่ออดอ้อนให้ซีซีเดินทางมาด้วยกัน เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้เจียวซินก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่น้อย “คนดีอย่าได้เศร้าหมองไปเลย พี่จะให้จิ้นหนานส่งคนไปดูแลมารดาของนางให้ดีหรือไม่” “ดีเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ…แล้วคนที่เป็นสายให้ผู้อื่นเล่าเพคะ รู้หรือไม่” “ตอนนี้รู้แน่ชัดแล้วว่าเป็นสกุลอันที่ลอบสังหารเราครานั้น แต่อาจจะมีคนที่อยู่ในเงามืดอีกคนที่ยื่นมือเข้ามาสอด เพราะนางกำนัลของอันอ้ายฉิงออกไปพบคนของสกุลอันหนึ่งคราและไปพบคนอีกผู้ที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัดอีกหนึ่งครา อีกทั้ง นักฆ่าที่สกุลอันส่งมาไม่มีพลธนูสักคนเดียว ตีความได้ว่าพลธนูอาจจะเป็นคนของผู้อื่นแฝงตัวมา” “ร้ายเสียจริงนะ แม่ดอกบัวขาวกลีบเน่า!” เจียวซินถึงกับกร่นด่าอันอ้ายฉิง จะมิให้โกรธได้อย่างไร นางเกือบเอาชีวิตไม่รอด อีกทั้งทหารของเฟยเทียนบางคนก็บาดเจ็บล้มตายกัน “หึๆ นี่เจ้าด่านางแล้วหรือ พี่มิเห็นว่ามันจะเจ็บปวดแม้แต่น้อย” “ช่างเถิดเพคะ แล้วตอนนี้ท่านอ๋องกำลังจะทำการใดอยู่หรือเพคะ” “อยู่กันแค่เราพี่อยากเป็นเทียนเกอมากกว่า” เฟยเทียนว่าพลางเลื่อนมือเข้าไปลูบไล้หน้าท้องของเจียวซิน “ก็ได้ เทียนเกอบอกน้องที นะ นะ” “บัดนี้พี่กำลังสืบหาตัวคนที่วางยาเสด็จพี่อยู่ และสกุลอันก็น่าสงสัยมาก ที่สุดแต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งต่างๆ อยู่มาก การที่พี่ได้ออกจากเมืองหลวงมาจัดการเรื่องโรคระบาดก็เป็นเพราะสกุลอันและพี่รองที่เสนอชื่อพี่ ระหว่างที่พี่ไม่อยู่เมืองหลวงเช่นนี้พวกมันต้องคิดทำการอันใดบางอย่างเป็นแน่” “แล้วอย่างนี้มิเท่ากับเราทำตามแผนการของพวกเขาหรือ” “ย่อมเป็นเช่นนั้น แต่เจ้ามิต้องห่วงพี่วางคนของเราไว้แต่ละเมืองเพื่อสืบข่าวอยู่ตลอด ในจวนของเราพี่ก็ให้จิ้นหนานกับซูเหวินคอยจับตาดูเหล่าชายาและอนุไว้แล้ว” “เทียนเกอของน้องช่างรอบคอบเสียจริง” เจียวซินเอ่ยชมสวามี พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตแก้มสาก “ที่จริงมีอีกหลายเรื่องที่พี่เก่งกาจ” “คิกๆ อ่อ…น้องมีข้อสงสัยอย่างหนึ่งเพคะ เหตุใดเทียนเกอไม่สงสัยองค์ชายห้าบ้างเพคะ เขาเองก็มีสิทธิ์ในบัลลังก์มิใช่หรือ” “เป็นไปมิได้หรอก น้องห้าจิตใจอ่อนโยน โอนอ่อนไปมา ทั้งยังมิได้ใส่ใจเรื่องการบ้านการเมืองนัก มีสิ่งใดให้ทำเขาก็ทำไปตามที่เสด็จพ่อบอกกล่าว สนมเหว่ยมารดาของเขาก็เช่นกัน มิได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเสด็จแม่ของพี่แม้แต่น้อย และ ที่สำคัญน้องห้ามิได้มีกำลังทหารในมือเลยแม้แต้คนเดียว หากเขาคิดจะกบฏก็ถือว่าเขาจงใจฆ่าตัวตาย” “เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่อย่างไรน้องก็มิอยากให้เทียนเกอประมาท ใจคนยากแท้หยั่งถึง” “อืม…แล้วใจของเจ้าเล่า ยากแท้หยั่งถึงดังคนเขาว่าหรือไม่” เฟยเทียนเลื่อนมือจากหน้าท้องแบนราบขึ้นไปกอบกุมเนินอกจองเจียวซินแล้วบีบเค้นเบาๆ “อื้อออ พอแล้ว น้องง่วงแล้วพรุ่งนี้เราต้องวางแผนช่วยชาวเมืองกันแต่เช้า” “เจ้ามิอยากมีเจ้าตัวน้อยมาวิ่งเล่นในจวนสักสองสามคนหรือ” จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอขาว “อยากมีเพคะ แต่น้องยังมิพร้อม” เจียวซินใช้มือทั้งสองผลักดันอกแกร่งเอาไว้ “แล้วเมื่อใดจะพร้อมเล่า” เฟยเทียนทำท่าทีงอแงอยู่ไม่น้อย “หลังจากช่วยบรรเทาทุกข์ให้ชาวเมืองแล้ว น้องอยากบอกบางสิ่งกับ เทียนเกอก่อน หากวันนั้นเทียนเกอยังมั่นใจว่ารักน้องดังเดิม เราจะมีเจ้าตัวน้อยด้วยกัน เช่นนี้ดีหรือไม่เพคะ” เจียวซินยังคิดหนักเรื่องที่นางได้เข้ามาอยู่ในโลกนี้ นางกลัวว่าท่านอ๋องจะรับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ อีกอย่างนางกลัวว่าคนที่ท่านอ๋องรักจะเป็นคุณหนูจาง มิใช่นางในตอนนี้ “ได้ พี่ตกลงตามนั้น แต่…ตอนนี้เจ้าคงต้องช่วยพี่ก่อน” “ช่วยอันใดหรือเพคะ” “ก็…เสี่ยวเทียนของเจ้ามันมิยอมหลับยอมนอน คงอยากให้เจ้ากล่อมมันอีกแล้วกระมัง” เฟยเทียนคว้ามือเจียวซินเลื่อนไปจับแท่งทวนที่แข็งขืนขึ้นมาอีกครา อ่า~ พรุ่งนี้ปากนางคงบวมเป่งจนมิมีหน้าออกไปพบผู้ใดเสียแล้ว . . “อ่า~ คนดีของพี่ ซี๊ดดดด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม