เช้าวันต่อมา...
มุกดาปั่นจักรยานไปบ้านหลังใหญ่อย่างเช่นทุกวัน วันนี้เตรียมของมาใส่บาตรเยอะเลยทีเดียว แต่พอปั่นจักรยานมาถึงหน้าบ้านก็เจอกับคนตัวโตที่ยืนเอาแขนไขว้หลังอยู่ แปลกใจมากเลยทีเดียว
“คุณปริมคะ” เสียงเรียกของหล่อนทำเอาคนที่หันหลังอยู่สะดุ้ง แต่ไม่ถึงกับร้องอุทาน เขายังเก็บทรงไว้ได้ “ใส่บาตรเหรอคะ”
“อืม” ชายหนุ่มหันมาตอบเธอ “พอดีแม่บอกให้ใส่”
“อ้อ” มุกดาพยักหน้าเข้าใจ ปกติแล้วเธอก็ใส่บาตรกับมารดาของเขาเป็นประจำ ทว่าพอท่านไปท่องเที่ยวก็ทำให้ต้องใส่บาตรคนเดียวมาหลายวันแล้ว “ดีจังค่ะ ทำบุญร่วมชาติเราจะได้เจอกันอีกในชาติหน้า”
“หือ...”
“โอ๊ะ...ไม่มีอะไรคะ” เผลอพูดไปจนได้ เดี๋ยวเขาก็รู้หรอก ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงไม่รู้หรอกว่าเธออยากเจอเขาอีกในภพหน้า
“ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไร” ว่าพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ชายหนุ่มหันไปคว้าเอาถาดข้าวที่แม่ครัวเตรียมไว้ให้ ก่อนจะเดินนำหน้าคนตัวเล็กไปหาพระสงฆ์ที่เดินเรียงรายมารอหน้าบ้านแล้ว
...มุกดาใส่บาตรก่อนเขา ด้วยความที่คนตัวโตไม่ได้อยู่ไทยนาน คงลืมวัฒนธรรมเก่า ๆ นี้ไปแล้ว มุกดาแทบจะจับมือของเขาใส่บาตร แต่หารู้ไม่ว่าที่อังกฤษก็มีวัดไทยเช่นกัน
“ไม่เคยใส่บาตรเหรอคะ” พอรับศีลรับพรเสร็จ เธอก็เอ่ยถาม ส่วนคนตัวโตก็อยากแกล้ง
“ไม่เคย”
“โห ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเหรอคะ แม่คุณชอบใส่บาตรมาก บังคับให้ฉันใส่บาตรตั้งแต่เด็กเลย ไม่รู้ว่าทำไม” ปรินทร์เงียบ เขารู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงต้องบังคับให้เธอใส่บาตรตลอด เพราะคนที่นับถือศาสนาพุทธมีความเชื่อโลกหลังความตายยังไงล่ะ
...เขาเงียบ เดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างเงียบ ๆ เช่นเดิม โดยมีคนตัวเล็กเดินตามต้อย ๆ
“ขอบคุณนะคะ”
“_”
“ขอบคุณที่เอารถมาให้” เขาชะงักฝ่าเท้าเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าหล่อนมีเรื่องอะไรให้คิดในหัว เธอถึงเงียบไปแบบนั้น พอจะไปถามตัวเปล่าก็กระไรอยู่ เลยถือโอกาสนั้นจูงรถจักรยานของเธอไปด้วย แต่พอเห็นว่านอนหลับไปแล้วเลยไม่อยากรบกวนก็เท่านั้น
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาไปทำงานเลยค่ะ กินข้าวหรือยังคะ”
“ยัง”
“โอเค เดี๋ยวฉันไปเตรียมกับข้าวมาให้ ป้าหน่อยคงเตรียมไว้แล้ว”
“ไม่ต้องทำเอง มานั่งแล้วเรียกแม่บ้านมา” เขาออกคำสั่ง แต่คนตัวเล็กก็ดื้อเช่นเดิม “มานี่”
“ทำไมคะ ฉันไม่นั่งกินข้าวกับคุณหรอกค่ะ”
“หึ แล้วที่ร้านขนมจีนนั่น?”
“กะ ก็ตอนนั้น...” ฉันยังใจไม่สั่นขนาดนี้นี่ เธอนึกคิดในใจไม่ได้เอ่ยพูดออกไป มุกดายอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้วว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ ไม่ยากหรอกสำหรับคนใจดี หน้าตาหล่อเหลา แถมยังสายเปย์แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เธอจะรู้สึกปลื้ม
“อะไรของเธอ...พูดไปหยุดไป”
“ก็มัน...” เธอพูดไม่ออกอีกหน คราวนี้เขาลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับจับไหล่ของเธอทั้งสองข้าง ดันหลังเล็กน้อยให้เธอเดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว
“ป้าหน่อยครับ! จัดโต๊ะกินข้าวทีครับ” มุกดาแปลกใจ ไม่เคยเห็นเขาตะโกนเรียกใครแบบนี้มาก่อน เสียงดังแบบนี้แทบไม่หลุดจากริมฝีปากหนา
“เอ่อ เดี๋ยวฉันไปช่วยป้า...”
“ไม่ต้อง หยุด! ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ” เขาข่มอำนาจ แน่นอนว่าเธอไม่มีสิทธิ์ขัดได้ หญิงสาวยอมนั่งอยู่เฉย ๆ รอกินข้าวตามที่เขาสั่งจนได้...
เวลาต่อมา...
“วันนี้มีไปดูถ่ายโฆษณาค่ะ” เสียงของเลขาฯ สาวฝึกหัดดังเบา ๆ มุกดากลัวว่าตนพูดผิด ซึ่งตารางงานนี้พี่เอมี่ยังคงเป็นคนจัดเช่นเดิม สิ่งที่เธอต้องทำคือต้องคอยบอกเจ้านาย และต้องคอยจัดระเบียบตลอดว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
“ตอนนี้?” ปรินทร์หันมาถาม แดดเปรี้ยงแบบนี้คงไม่ใช่กลางแดดหรอกมั้ง
“ใช่ค่ะ” ปรินทร์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ มองกองเอกสารบนโต๊ะที่เพิ่งเซ็นไปหมาด ๆ อันที่จริงพ่อของเขาอ่านหมดแล้วล่ะ เหลือแค่รอลายเซ็น จากเขาเพียงเท่านั้น อันไหนที่อยากให้อนุมัติก็แยกแฟ้มให้แล้ว เช่นเดียวกับเรื่องไหนที่ไม่ให้อนุมัติ
…ปรินทร์ลุกขึ้นยืน เขาเดินนำหน้าคนตัวเล็ก เดินไม่เร็วมากเพราะขาของเธอไม่ได้ยาวเท่าเขา ชายหนุ่มทำทีก้าวขาสั้น ๆ เพื่อที่จะได้เดินไปพร้อมกับเธอ
“ฉันเอาร่มมาด้วยนะคะ” พอไปถึงลานกว้างใจกลางกรุงฯ คนตัวเล็กก็ล้วงเอาร่มจากในกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมา กระเป๋าผ้าใบใหญ่นี้ยิ่งกว่ากระเป๋าโดเรมอนเสียอีก แต่ทว่า
“มานี่ ฉันถือเอง” พอเธอจะกางร่มออก ฝ่ามือหนาก็คว้าไปกางเองจนได้ “เดี๋ยวสิ ฉันเป็นลูกน้องนะคะ ต้องทำให้เจ้านาย คุณปริมเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ”
“ไม่เข้าใจผิดหรอก” ว่าแล้วก็ออกตัวเดิน ใช้มือดันหลังคนตัวเล็กให้เดินนำหน้าออกไปก่อน ส่วนเขาช้อนอยู่ทางด้านหลัง พอเขาเดินออกไป เหล่าฝูงชนก็หลีกทางให้
“ท่านประธานมาแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้น มุกดาไม่รู้ว่าใครพูด แต่ก็รู้สึกแปลกใจที่กองถ่ายโฆษณานี้ยิ่งใหญ่มาก
“ดูก่อนไหมครับ ตอนนี้นางแบบของเราพักอยู่น่ะครับ” ปรินทร์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ที่กำลังฉายอยู่ เขานั่งลงที่เก้าอี้โดยไม่ลืมที่จะขยับเก้าอี้ให้คนตัวเล็กข้างกายด้วย
“นั่งสิ”
“เอ่อ...” มุกดาหันซ้ายแลขวา มีหลายคนมองมาที่เธอ ทุกคนเป็นทีมงานที่เอเจนซีถ่ายทำโฆษณาหามาให้ เธออึกอักเล็กน้อย แต่พอเขายื่นมือมาคว้าข้อมือของเธอพลางกระตุกเบา ๆ นั้นทำให้เธอเสียหลักอย่างช่วยไม่ได้
“ทะ ทำอะไร” แต่ยังดีที่หย่อนสะโพกลงเก้าอี้ หญิงสาวหันไปแยกเขี้ยวใส่คนที่ชอบเล่นไม่รู้เรื่อง
“ก็ลีลานัก ให้นั่งไม่ยอมนั่ง” เธอไม่ได้โต้เถียง เพียงแค่ย่นจมูกใส่หนึ่งทีเท่านั้น ก่อนที่ผู้กำกับโฆษณาจะทำการเปิดวิดีโอที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จให้กับปรินทร์ได้ดู
“นี่ครับ คุณสายป่านเป็นนางแบบโฆษณาคนใหม่ของธนาคารธนธาดาครับ” ผู้หญิงในจอมอนิเตอร์นี้มุกดารู้จัก หล่อนเป็นดาราวัยรุ่นที่กำลังมาแรงสุด ๆ อายุอานามพอ ๆ กับเธอเลยก็ว่าได้
“เป็นไงครับ โอเคไหมครับ เดี๋ยวจะมีเอาไปตัดต่อใส่ซาวด์เอฟเฟ็กต์เพิ่มเติมนะครับ” ปลายนิ้วมือลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด ก่อนที่ปรินทร์จะพยักหน้าเบา ๆ
“ทำดีมากเลยครับ”
“ขอบคุณมากเลยครับ ต้องยกความดีความชอบให้กับนางแบบของเราที่เก็บได้ทุกมุมกล้องเลยครับ นั่นไงครับ...เธอมาพอดีเลย” เสียงของผู้กำกับโฆษณานั้นดังมากเลยทีเดียว เขาชี้มือชี้ไม้ไปที่นางแบบสาวคนนั้น ทำให้ทั้งสองคนที่นั่งแนบข้างนั้นหันไปมอง
“โห...สวยกว่าในทีวีอีก” มุกดาพึมพำเสียงแผ่วเบา ส่วนปรินทร์นั้นเขามีสีหน้านิ่งเรียบ แทบไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย ต่างจากผู้มาใหม่โดยสิ้นเชิง
“สวัสดีค่ะ ฉันสายป่านนะคะ” หล่อนมองเขาตาไม่กะพริบเลยทีเดียว ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีกว่าพระเอกหลาย ๆ คนที่เล่นละครกับเธอ ใบหน้าเทพบุตรชัด ๆ
“ค่ะ ฉันมุกดาเป็นเลขาฯ ของคุณปรินทร์นะคะ” แม้นว่าหล่อนจะไม่ได้มองเธอเลย แต่ด้วยหน้าที่เลขาฯ ทำให้มุกดาเป็นฝ่ายเอ่ยปากแนะนำตัวก่อน
“ส่วนนี่คุณปริม ประธานบริษัทคนใหม่ค่ะ” สายป่านได้ยินอย่างนั้นก็ดวงตาลุกวาว หล่อนยื่นมือไปข้างหน้าหมายจะจับมือทักทายทำความรู้จักอีกฝ่าย แต่เขากลับเสียมารยาทไม่ยื่นมือมาเสียอย่างนั้น
“แค่นี้ใช่ไหมครับ งั้นผมกลับก่อน”
“เดี๋ยวครับ...มีถ่ายรูปคู่กับคุณสายป่านนะครับ”
“หืม...” มุกดาครางเสียงในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะเปิดสมุดโน้ตของพี่เอมี่ออกมา “ให้ตายสิ ฉันเปิดข้ามหน้า”
“ถ่าย? ทำไมต้องถ่ายครับ”
“อ้อ เพราะคุณเป็นผู้บริหารคนใหม่ครับ เลยต้องถ่ายรูปขึ้นแบนเนอร์ของเว็บไซต์ใหม่ครับ แอปพลิเคชันด้วยครับ เพิ่มความน่าเชื่อถือ” ปรินทร์หันไปมองคนตัวเล็ก ถ้ารู้ว่าจะมีการถ่ายรูปของเขาด้วย เขาจะไม่ย่างกรายมาที่นี่เด็ดขาด ชายหนุ่มไม่ชอบถ่ายรูปแต่ไหนแต่ไร
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันเปิดหน้าข้าม” ว่าแล้วก็ชูสมุดโน้ตเล็ก ๆ ให้เขาดู ชายหนุ่มไม่อยากต่อว่าเธอเลยสักนิด เลยเลือกที่จะเงียบเช่นเดิม
“คุณปริมไม่อยากถ่ายแบบกับฉันเหรอคะ” สายป่านว่าเสียงอ่อน ท่าทีน้อยอกน้อยใจทำให้หนุ่ม ๆ รอบกายที่แอบมองเธออยู่นั้นเกิดเห็นใจขึ้นมา ยิ่งเธอส่งสายตาอ้อน ๆ แบบนี้แล้วด้วย ใครจะไม่อ่อนระทวย
“โห ไม่มีหรอกครับคนที่ไม่อยากถ่ายแบบกับคุณสายป่าน” ผู้กำกับพูดเอาอกเอาใจคนสวย มุกดาย่นจมูกเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองไม่สวยเลยเมื่อยืนเทียบเคียงกับเธอคนนี้
“เดี๋ยวจะมีช่างแต่งหน้าแล้วก็สไตลิสต์มาหานะครับ” ปรินทร์พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ เขาไม่ชอบเลยจริง ๆ แต่พอเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของมุกดาก็ไม่อยากโวยวายอะไร เธอมีหน้าที่ปฏิเสธแทนเขา แต่ก็เป็นการยากที่จะเข้าใจกันและกัน คงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกนาน