ไม่ใช่แค่กิจกรรมจะน่าสนใจ คนที่ไปก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ขนมผิงรู้จากบัวว่ากลุ่มของไม้ซุงเป็นหัวหอกในการออกค่ายอาสาครั้งนี้ เธอก็เลยชวนบัวกับเป้ยไปสมัครที่โต๊ะ ซึ่งรับบริจาคเงิน รวมทั้งรับอาสาสมัครที่จะร่วมเดินทาง
ไม้ซุงเพิ่งมาเห็นขนมผิงตอนขึ้นรถบัสที่เหมาสำหรับไปออกค่าย
“ไอ้ยักษ์ มึงรู้ใช่ไหมว่าผิงไปด้วย” เขาหันไปหาเรื่องเพื่อน หลังจากต้อนให้นักศึกษารุ่นน้องขึ้นรถหมดแล้ว
“รู้ กูก็บอกแล้วไงว่าบัวไป ผิงก็ต้องไปด้วยสิ” ยักษ์ทำหน้าอาละวาดกลับ
“โว้ย จะได้ทำงานไหม มึงรู้ไหมว่าผิงน่ะวุ่นวายจะตายห่า”
“มึงไม่ต้องห่วง ดีจะตาย กูจะได้หาโอกาสตีสนิทกับผิง” กระทิงทำหน้าร่าเริง แล้วกระโดดขึ้นบันไดรถบัสอย่างลิงโลด
กระทิงมองหาหัวทุยๆ ซึ่งวันนี้คาดผมด้วยผ้ายืดสีน้ำตาลมีหูหมีคุมะสองข้าง ขนมผิงนั่งคู่กับเป้ย ส่วนบัวนั่งถัดไปอีกเบาะ มีที่ว่างข้างๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นที่ของยักษ์
“เป้ย จ้างร้อยนึง พี่ขอนั่งกับผิง” กระทิงก้มลงกระซิบข้างหูเป้ย
“ห้าร้อย ทั้งไปทั้งกลับ” เป้ยต่อรอง แบมือรอ
“เรียนมนุษย์ฯ หรือบัญชีวะ”
“มนุษย์ฯ แต่หิวเงิน” เป้ยตอบทันควัน
“งก” ว่าแต่ก็ควักธนบัตรสีม่วงยัดใส่มือเป้ย
“นั่งด้วยคนนะจ๊ะน้องผิง” กระทิงซึ่งนั่งแทนที่เป้ยเอ่ยเสียงหวานเมื่อขนมผิงหันจากหน้าต่างมามองเพื่อน
“อ้าว พี่ทิง เป้ยไปนั่งไหนล่ะ” เธอทำหน้าเลิ่กลั่ก หันไปมองเบาะด้านหลัง เป้ยยกมือให้ ส่งสัญญาณว่ามีคนขอสลับที่ แล้วขนมผิงก็เหลือบเห็นไม้ซุงเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้เกือบท้ายรถ ขนมผิงยิ้มให้แต่เขาแบะปากใส่
“พี่กระทิงกินอะไรมาหรือยัง ผิงทำแซนด์วิชมาจากหอ เอาไหม”
“ทำเองเหรอ อยากกินขึ้นมาเลย”
ขนมผิงตะแคงตัวลงหยิบแซนด์วิชที่ใส่ไว้ในกระเป๋าซึ่งวางไว้บนพื้นรถให้เขาหนึ่งอัน เธอหนึ่งอัน
“ผิงทำมาหลายอันเลย ไม่อิ่มบอกนะ” เธอก้มลงไปอีก หยิบอีกสองอันยื่นไปที่เบาะข้างหน้าให้บัวกับยักษ์
“อร่อยมาก เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำเย็นๆ ในกระติกท้ายรถมาให้นะ”
“งั้นผิงฝากให้พี่ซุงกับเป้ยด้วย” เธอก้มไปหยิบอีกสองอัน
กระทิงเดินเบียดคนที่เดินสวน เขาส่งขนมให้เป้ยเสร็จ เดินต่อไปเกือบท้ายรถก็เป็นไม้ซุง
“น้องผิงฝากมาให้ ทำเอง”
ไม้ซุงมองแซนด์วิชขนมปังโฮลวีตไส้แฮมชีสแล้วก็ท้องร้อง ปกติจะกินข้าวเช้าตอนเจ็ดโมงครึ่ง ตอนนี้เพิ่งจะหกโมง ทว่าหน้าตาของแซนด์วิชก็ทำให้เขาหิวขึ้นมา แถมกระทิงยังพูดไปยัดเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย แต่เขาไม่อยากจะรับ เดี๋ยวเสียฟอร์ม
“ถ้าไม่รับ กูเอานะ”
“ของกู” ไม้ซุงดึงแซนด์วิชมาจากเพื่อน แกะกินเดี๋ยวนั้น ความจริงมันก็ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ธรรมดาๆ ชีสก็ไม่ได้หมักเอง แฮมก็ในซูเปอร์ เนยก็ในซูเปอร์อีก ไม่เห็นจะมีอะไรวิเศษเลย แต่เขากินหมดภายในสองนาที
กระทิงเดินกลับมาพร้อมน้ำดื่มเย็นเจี๊ยบสองขวด มันเดินผ่านเขาไปนั่งแหมะกับขนมผิง
ไม่รู้เป็นธรรมเนียมหรืออย่างไร พอรถออกสู่เส้นทางได้แค่สิบนาที ด้านหลังรถก็เริ่มตั้งวงดนตรี กลองยาว ฉิ่ง ฉาบ กรับ มาครบ แต่พวกที่สามารถหลับเอาเป็นเอาตายได้ก็มี
ไม้ซุงมองเห็นหัวขนมผิงโขกหน้าต่าง แล้วก็เหมือนหัวติดสปริง มันเด้งกลับมาตั้งตรงได้โดยอัตโนมัติ ส่วนกระทิงก็อดไม่ได้ ดนตรีมาปุ๊บลุกปั๊บ คว้าเบียร์ในกระติกกระดกดื่ม ร่วมร้องเต้นกับฉิ่งฉาบทัวร์
“เฮ้ยซุง เปลี่ยนที่นั่งกัน ดนตรีมัน กูดื่มด้วย เดี๋ยวผิงเหม็น” กระทิงสะกิดเพื่อน
“มึงแบบนี้ทุกที ทั้งดื่มทั้งดิ้น” ไม้ซุงส่ายหัว ยอมสลับที่แต่โดยดี
ขนมผิงยังอยู่ในอากัปกิริยาเดิม เอาหัวโขกหน้าต่างและกลับมาตั้งตรง
“ง่วงอะไรนักหนาวะ มานี่เดี๋ยวหัวโน” ไม้ซุงพึมพำ ดึงหัวเธอมาพิงไหล่ตัดรำคาญ
ขนมผิงขยับก้นขยับตัวเล็กน้อยถ่ายน้ำหนักมาด้านที่ศีรษะถูกกดไว้ เธอหลับสบาย แต่หูหมีบนผ้าขาดผมของเธอมันสีข้างแก้มเขาจั๊กจี้ เขาขยับหนี พานทำให้ร่างที่พิงไหล่อยู่ไหลลงไปหนุนตัก ขนมผิงขยับอีกนิดหน่อยก็หลับสบายยิ่งกว่าเดิม
“แกล้งแต๊ะอั๋งปะเนี่ย” ไม้ซุงจับไหล่เธอ ก้มลงไปมองหน้าใกล้ๆ ขนมผิงอ้าปากน้อยๆ อย่างหลับสนิท เขาปล่อยเลยตามเลย อดทนสองชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว
ไม้ซุงถอนใจ ยกมือทั้งสองข้างกอดอก แต่นั่งเฉยๆ ก็เริ่มง่วงจึงถือโอกาสหลับ วางมือลงบนตัวขนมผิงโดยไม่รู้ตัว
ขนมผิงตื่นขึ้นมาอีกทีด้วยอาการเมื่อยเอว เธอยืดตัวขึ้นมา พบไม้ซุงที่ลืมตามองอยู่ ใบหน้าของทั้งสองห่างกันแค่คืบ เขาดูหล่อมาก ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหล่อ
“ผิงฝันไปปะเนี่ย ในดวงตาของพี่ตอนนี้มีแต่ผิง ต้องจูบพิสูจน์แล้ว”
ขนมผิงหลงเข้าไปในดวงตาสีดำลึกล้ำคู่นั้น ยื่นหน้าเข้าไปจนจะติด แต่เขากลับหัวเราะออกมา
“โตแล้ว เป็นสาวแล้วนะเราน่ะ”
“จ้ะ โตแล้ว รับผิงไว้พิจารณาได้หรือยัง” เธออ้อนไม่ยับยั้ง
“แต่ยังนอนน้ำลายไหลเหมือนเด็ก หน้ามีแต่กลิ่นน้ำลาย”
เขาดันหัวเธอออก ขนมผิงหลุดออกจากภวังค์หวาน เอามือปาดปาก เธอรู้สึกกระดากอายเหลือเกิน รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าบนพื้นมาเช็ดปาก พอมองไปที่กางเกงเขาก็เห็นรอยเปื้อนน้ำลายเป็นดวงๆ