EP : 7

1924 คำ
- วันต่อมา - “ทำไมต้องมีแกอยู่ด้วย” “นั่นสิครับ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องมีน้องสะใภ้กับลูกติดสามีเก่ามาร่วมฟังการเปิดพินัยกรรมด้วย” “ไอ้เหี้ยดิน!” “ครับ คุณมีปัญหาอะไรกับผมครับคุณเชน” คนเป็นลูกชายทำท่าจะพุ่งเข้าใส่แต่ผมถามนิ่ง ๆ ไม่แม้แต่ขยับร่างกายด้วยความตกใจท่าทางของอีกฝ่ายแม้แต่น้อยเลยทำให้อีกฝ่ายหยุดการเคลื่อนไหวแล้วเปลี่ยนเป็นท่าทางฟึดฟัดแทน “แกมันคางคกขึ้นวอไม่รู้จักเจียมตัว! ยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองกำลังจะตกลงมา ระวังตัวไว้เถอะฉันอุตส่าห์ลดตัวมาเตือนด้วยความหวังดี” คุณนภายิ้มเยาะ กระตุกยิ้มเยาะเย้ยให้ผมทั้งที่เส้นประสาทตรงขมับกำลังกระตุกด้วยความโมโหผมเลยก้มหัวให้คนสูงวัยตรงหน้านิดหน่อยแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ “ไอ้คนจองหอง!” เสียงแสบแก้วหูของคุณนภาดังไล่หลังไม่ได้ทำให้ผมให้ความสนใจ ถ้าผมสนใจผมคงประสาทกินตั้งแต่ผมเป็นเด็กแล้ว สนใจมากไม่ได้หรอกครับไร้สาระ - เวลาต่อมา – “จะเปิดพินัยกรรมได้รึยังคะคุณทนาย” “ครับ คุณไอริสกับคุณปฐพีมาแล้ว พยานในการรับฟังพินัยกรรมก็พร้อมแล้วถ้างั้นผมขออนุญาตเปิดพินัยกรรมเลยนะครับ” “เดี๋ยว ๆ นะคุณทนาย ทำไมพูดแค่ชื่อไอ้ปฐพี แล้วผมกับแม่คืออะไร?” “ผมขอเปิดพินัยกรรมนะครับจะได้ทราบพร้อมกัน” คุณอาทนายตอบแต่อีกคนกลับยิ่งไม่พอใจจนลุกขึ้นยืนแล้วตะคอกใส่หน้าท่าน “ผมถาม!” “เปิดพินัยกรรมคุณก็ทราบเองครับคุณเชน กรุณาลดเสียงแล้วก็นั่งลง อย่ากร้าวร้าวใส่คุณอาทนาย ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะเชิญคุณออกไปรอข้างนอก” “ไอ้ดิน!” “นั่งลงคุณเชน” “มึงมันจองหอง ไม่มีคุณลุงถือหางมึงยังกล้าจองหองต่ออีกเหรอ!” “ผมบอกให้คุณนั่ง” เขามองพี่เชนด้วยสายตาราบเรียบ ไม่มีแววตาของความหวาดหวั่น มีแต่สายตาเข้มที่มองนิ่งแต่ดูก็รู้ว่าไม่ยอมคน “กูจะจัดมึงให้อ่วมเลยไอ้ลูกหมา!” “กรุณานั่งครับคุณเชน” “พี่เชนค่ะ นั่งเถอะค่ะ” ฉันว่าพี่เชนไม่จบง่าย ๆ แน่ถ้าฉันไม่ทำอะไรซักอย่าง อีกอย่างพี่เชนก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วย และฉันก็เกรงใจคุณอาทนายกับรำคาญเป็นการส่วนตัว “หึ! กูเห็นแก่ไอริสหรอกนะ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” พี่เชนชี้หน้าเขาแล้วก็ยอมนั่งลงด้วยท่าทางฟึดฟัด เฮ้อ! เบื่อมากเลยค่ะ นี่ล่ะอีกเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่ค่อยอยากกลับเมืองไทย “เอาล่ะครับถ้าไม่ติดขัดอะไรแล้วผมขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบนะครับเพราะผมจะเปิดพินัยกรรมแล้ว” “ก็เชิญสิคะ ใครไปขัดคุณล่ะคุณทนาย ฉันก็รอตั้งแต่แรกแล้ว” เฮ้อ! ลูกเงียบแม่ก็ต่อเลย ให้ตายเถอะ “เชิญคุณอาทนายได้เลยค่ะ” ใจจริงอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ ท่องเอาไว้ว่ายังไงซะก็ญาติผู้ใหญ่ ถึงจะไม่ใช่ทางสายเลือดก็ยังต้องให้เกียรติบ้าง “ถ้าอย่างนั้นอาขออ่านพินัยกรรมเลยนะ” “ค่ะคุณอา” ฉันยิ้มให้ท่านแล้วท่านก็เปิดซองเอกสารเพื่อหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นออกมาช้า ๆ “ข้าพเจ้า นายพิธาน ไพศาลธนกุล ซึ่งเป็นผู้เขียนพินัยกรรมฉบับนี้ และขณะที่เขียนข้าพเจ้ามีสติสัมปะชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ดีทุกประการและ ขอให้ปฏิบัติตามเจตนาของข้าพเจ้าอันเนื่องมาจากทรัพย์สินที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ถือครอง มีดังรายละเอียดต่อไปนี้ หนึ่งเงินสดในธนาคารจำนวน xxx บาท รถยนต์ โฉนดที่ดิน เครื่องประดับ หุ้นของบริษัทไพศาลธนกุลจำนวนยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่ข้าพเจ้าถือครองยกให้แก่นางสาวไอริสา ไพศาลธนกุล ผู้เป็นบุตรสาวของข้าพเจ้า สองบ้านไพศาลธนกุลรวมทั้งโฉนดที่ดิน ยกให้แก่นางสาวไอริสา ไพศาลธนกุล และนายปฐพี ศิริวงค์วัฒนา เป็นผู้ถือครองร่วมกัน” “อะไรนะ!” ไม่ใช่แค่คุณอานภาหรอกที่ช็อกจนต้องตะโกนถามเสียงดังเพราะฉันเองก็ช็อกไม่ต่างกัน “ท่านเขียนไว้อย่างนี้ครับ” “ไม่จริง! พี่พิธานจะยกบ้านหลังนี้ให้ไอ้กาฝากมีสิทธิ์ร่วมกับลูกแท้ ๆ ของตัวเองได้ยังไง!” “ผมไม่ทราบการตัดสินใจของท่านหรอกครับคุณนภา” “ฉันไม่เชื่อ! แกใช่ไหมไอ้กาฝาก! แกใช่ไหมที่เป่าหูพี่พิธานให้ยกบ้านหลังนี้ให้แก!” “ผมว่าฟังคุณอาทนายอ่านพินัยกรรมให้จบก่อนดีกว่านะครับ ท่านยังอ่านไม่จบเลย เอาไว้จบแล้วเราค่อยคุยกัน” “ไอ้คนถือดี!” “ขออนุญาตให้อยู่ในความสงบนะครับคุณนภา ผมจะได้อ่านพินัยกรรมต่อ” “ก็อ่านสิยะ!” “การถือครองบ้านไพศาลธนกุลร่วมกันให้ถือเป็นที่สุดเมื่อนายปฐพี ศิริวงศ์วัฒนา แต่งงานและมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย” “อะไรนะ! แบบนี้ถ้าไอ้กาฝากมันไม่แต่งงานมันก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ไปจนวันตายน่ะสิ!” “ครับ” “แกสองคนรวมหัวกันใช่ไหม!” “อานภาคะ อานภาใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ” ฉันเองก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าคุณพ่อต้องการอะไรถึงเขียนพินัยกรรมแบบนี้ แต่การที่อานภาชี้หน้าคุณอาทนายมันไม่ใช่เรื่องที่สมควร เพราะท่านเป็นเพื่อนของคุณพ่อแล้วก็อาวุโสกว่าอานภาหลายปี “อาใจเย็นไม่ลงหรอกหนูไอริส ดูพินัยกรรมสิ พี่พิธานไม่มีทางเขียนพินัยกรรมบ้า ๆ แบบนี้แน่” “พินัยกรรมฉบับนี้ไม่ได้ถูกพิมพ์ แต่ถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือของท่านทุกตัวอักษรครับคุณนภา เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้” “...ถ้างั้นก็อ่านให้มันจบ!” อานภาอึ้งไปแล้วก็ตะคอกใส่คุณอาทนายอีกครั้ง เฮ้อ! แค่ไม่เข้าใจเรื่องบ้านก็มากพอแล้ว นี่ยังต้องมาฟังเสียงอนาภาตลอดเวลาอีก “จบแล้วครับ” “อะ อะไรนะ!” “พินัยกรรมที่ท่านเขียนมีเท่านี้ครับ ส่วนเอกสารนี้เป็นรายการทรัพย์สินอย่างละเอียดทั้งหมดที่ท่านมอบให้หนูนะไอริส” “เดี๋ยวนะ! ยกหุ้นในบริษัทให้หนูไอริสแค่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้วมันจะหมดได้ยังไง!” “ท่านมีหุ้นเท่านี้ครับ” “อะไรนะ!” เสียงอานภาดังมากกว่าเดิม ฉันเองก็ตกใจเพราะคุณพ่อเป็นเจ้าของบริษัท ท่านก่อตั้งมาเองกับมือ แถมหลายปีมานี้ฉันก็รู้มาว่าบริษัททำกำไรได้หลายพันล้านต่อปี แล้วทำไมคุณพ่อถึงถือครองหุ้นแค่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ “ท่านถือครองหุ้นของพีเอสกรุ๊ปเท่านี้ครับ” “เกิดอะไรขึ้นคะคุณอา” “แล้วฉันกับตาเชนล่ะ ไม่มีชื่อฉันกับลูกชายของฉันในพินัยกรรมเลยรึไง!” “นั่นสิ! ทำไมไม่มีชื่อคุณแม่กับผมเลย” ฉันถามจบยังไม่ทันได้คำตอบสองแม่ลูกก็ถามแทรกขึ้นมา “ผมไม่สามารถตอบได้ครับ ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของท่านทั้งหมดนี่คือหนังสือเซ็นรับทราบ หนูไอริสอ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนแล้วค่อยเซ็นก็ได้นะลูก” “ไม่เป็นไรค่ะคุณอา ไอริสชื่อใจคุณอา” ฉันยิ้มให้ท่าน ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีคุณอาทนายที่ทำงานให้คุณพ่อมาเสมอ อีกอย่างฉันจำลายมือของคุณพ่อได้ มันไม่ใช่พินัยกรรมปลอมหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณพ่อคงมีเหตุผลถึงตัดสินให้เขามีสิทธิ์ครึ่งหนึ่งในบ้านหลังนี้ แน่นอนว่าไม่ถูกใจฉันหรอก แต่ฉันต้องเคารพการตัดสินใจของท่านที่เป็นคนสร้างทุกอย่างขึ้นมาและสามารถจะยกให้ใครก็ได้ หมับ! “อะไรคะพี่เชน” ฉันหยิบปากกามาเตรียมเซ็นรับทราบพินัยกรรมแต่พี่เชนเดินมายืนข้างฉันตอนไหนก็ไม่รู้แถมยังจับมือฉันที่จับปากกาเตรียมเซ็นกระชากออกจากเอกสารด้วย “ไม่ต้องเซ็นค่ะริส ไม่ต้องเซ็นรับไปฟ้องก่อน พี่ว่าพินัยกรรมมันเป็นของปลอม” “ริสจำลายมือคุณพ่อได้ค่ะ” “ลายมือมันปลอมกันได้ไอริส อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ” “ริสจำลายมือคุณพ่อได้ค่ะพี่เชน” ฉันย้ำอีกครั้งเพราะเสียงพี่เชนเริ่มแข็งใส่ฉัน “ต่อให้เป็นของจริงริสก็มีสิทธิ์ฟ้องไม่ให้ไอ้กาฝากมันมีสิทธิ์ได้อะไรทั้งนั้น มันคนนอกให้มันทำไมอย่าไปยอม” “พี่เชนคะ ปล่อยมือริสค่ะ” ฉันพูดอีกเรื่องเพราะพี่เชนยังไม่ยอมปล่อยมือฉัน “แต่เรามีสิทธิ์ฟ้องขอเป็นผู้จัดการมรดกได้นะคะริส” “ริสขอตัดสินใจเองค่ะพี่เชน ที่เชิญพี่เชนกับอานภามาวันนี้ก็เพราะให้เกียรติในฐานะญาติ ริสให้เกียรติพี่เชนแล้วพี่เชนก็กรุณาให้เกียรติริสด้วยนะคะ” ฉันเบื่อและคนอย่างฉันเวลาที่เบื่อก็จะมีขีดจำกัดของสิ่งที่เรียกว่ามารยาทเสมอ “...โอเคค่ะ พี่ให้เกียรติริสเสมอริสก็รู้” ฉันรู้ว่าพี่เชนกับอานภาไม่พอใจที่ตัวเองไม่ได้มรดกอะไรเลย แต่จะได้มันก็แปลกไปหน่อยในเมื่ออานภาเป็นแค่น้องสะใภ้ส่วนพี่เชนก็เป็นลูกติดของอานภาที่ไม่เคยสนิทชิดเชื้อกับคุณพ่อแม้แต่นิดเดียว ส่วนอีกคนฉันปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าการที่คุณพ่อจะยกอะไรให้เขาบ้างไม่ใช่เรื่องแปลก แถมฉันยังแปลกใจด้วยซ้ำที่ในพินัยกรรมของท่านยกให้เขามีสิทธ์เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ร่วมกับฉันแค่อย่างเดียว - เวลาต่อมา – “คุณจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่” “จะมายุ่งอะไรเรื่องของฉัน” “ผมไม่ได้อยากยุ่ง แต่ถ้าคุณเรียนจบช้าก็กลับมาทำงานที่บริษัทช้า” “ก็ดีไม่ใช่เหรอ แฟนนายจะจบโทจากที่นั่นแล้วไม่ใช่รึไง แฟนนายกลับมาก่อนฉันนายจะได้ใช้เส้นสายของนายยัดยัยนั่นลงตำแหน่งที่นายต้องการไง ถ้าฉันกลับมาเร็วฉันมาขัดแข้งขัดขาไม่รู้ด้วยนะ” “ไร้สาระ” “ไอ้ดิน!” เพราะเขาชอบทำหน้านิ่ง ทำเหมือนคำพูดของฉันไร้สาระอย่างที่ปากเขาพูดออกมาแบบนี้ไงถึงได้ทำให้ฉันต้องตะคอกเสียงดังใส่ทุกครั้ง “พักผ่อนทำใจให้สบายแล้วรีบกลับไปเรียน อย่ามานั่งจมปลักไม่ทำอะไรสักอย่างนาน ๆ คุณอาท่านไม่สบายใจหรอก” “อย่ามาสั่ง!” “ไม่ได้สั่งแต่คุณโตแล้วไอริส โตแล้วต้องคิดให้เป็น” “เออฉันจะกลับไปเรียน! แต่บอกไว้ก่อนนะต่อให้นายมีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ครึ่งหนึ่งแต่ถ้านายพายัยแฟนนายหรือผู้หญิงคนไหนมาที่บ้านฉัน ฉันจะเอาเลือดหัวนายกับผู้หญิงของนายมาเทลงกลางบ้าน!” “ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่พาผู้หญิงของผมมาให้เด็กงี่เง่าอย่างคุณระรานแน่นอน เพราะอะไรรู้ไหม...เพราะการโดนเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจโตไม่เป็นคิดไม่เป็นระรานมันโคตรน่ารำคาญเลยไอริส”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม