เมื่อถึงเวลาที่คลับเปิดให้บริการ ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง เหล่าสาวๆ พีอาร์ต่างรีบเดินออกจากห้องแต่งตัวออกไปประจำที่ของตัวเองเพื่อต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ
ฟู่ววว~
จัสมินเป่าลมออกทางปากเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องแต่งตัวไป วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำรัดรูปกระโปรงสั้นแค่คืบ ก็คงจะจริงอย่างที่มุกหมวยว่าไว้ ต่อให้เธอจะมาช้าหรือมาเร็ว สุดท้ายชุดที่เธอเลือกใส่ก็เป็นสีดำอยู่ดี
ร่างบางเดินกรีดกรายบนรองเท้าส้นสูงด้วยความมั่นใจ ริมฝีปากอวบอิ่มอมยิ้มเล็กน้อยเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง ความโด่ดเด่นของเธอเป็นที่พูดถึงในหมู่ลูกค้าค่อนข้างมาก แค่เดินผ่านก็ทำเอาต้องเหลียวมองตามกันเป็นแถบ
ยกเว้นก็แต่เจ้าของคลับที่เดินสวนกับเธอเข้าพอดี เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอเลยสักนิด เดินเฉียดไหล่ของเธอออกไปราวกับมองไม่เห็นกัน แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่ได้แปลกอะไร เพราะโดยปกติแล้วนั้นไนต์จะไม่พูดคุยกับพนักงานคนไหนถ้าไม่จำเป็น ไม่เว้นแม้แต่เธอที่มีสถานะลึกซึ้งกับเขามายาวนานหลายเดือนจนทุกคนที่ทำงานในคลับนี้ต่างก็พูดถึงกันให้สนุกปากว่าสมภารกินไก่วัด แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดให้ไนต์ได้ยินสักคน
จัสมินเลิกสนใจคนตัวสูงที่เดินหน้านิ่งสวนกับเธอไป ก่อนจะเดินต่อไปยืนกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เพื่อรอให้ลูกค้าเรียกเข้าไปบริการ ที่คลับแห่งนี้จะเป็นระบบสมาชิก คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกต่อให้มีเงินมากมายขนาดไหนก็จะถูกปฏิเสธการเข้าใช้บริการ และคนที่จะเป็นสมาชิกของคลับแห่งนี้ได้จะต้องถูกตรวจสอบประวัติย้อนหลังอย่างละเอียด เพื่อป้องกันเผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจะได้รู้ตัวและระบุได้ว่าใครเป็นใคร
“จัสมิน โต๊ะ 9 เรียกเธอ”
ผู้จัดการสาวสวยที่มีหน้าที่ดูแลพีอาร์ประจำคลับเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาถึงจุดที่เหล่าสาวๆ ยืนอยู่ ทำเอาคนอื่นๆ ที่ออกมาก่อนต่างจิกตามองไปที่เจ้าของชื่ออย่างริษยา ทั้งที่เพิ่งจะเดินออกมาแต่กลับถูกเรียกเข้าไปที่โต๊ะเลยทันที
จัสมินไม่ได้สนใจสายตาจิกกัด เธอพยักหน้าให้กับผู้จัดการสาวก่อนจะเดินตามหลังไปที่โต๊ะหมายเลข 9 เพื่อทำงานบริการของตัวเองตามปกติ...
โต๊ะหมายเลข 9 ถูกจับตามองอย่างไม่วางตาจากเจ้าของคลับที่ยืนมองอยู่ในห้องกระจกวีไอพีชั้นสอง การโอบกอด ลูบไล้ คลอเคลีย ทุกการกระทำของสมาชิกคลับคนหนึ่งกับพีอาร์สาวอยู่ในสายตาของเขาหมดทุกอย่าง
แก้วไวน์ในมือหนาถูกบีบแน่นจนแทบจะแตกละเอียดคามือ สายตาคมจ้องมองลงไปที่ชั้นล่างอย่างไม่วางตา แม้จะมองไม่ค่อยชัดเพราะแสงไฟหลากสีที่ถูกเปิดสลับไปมา แต่จากมุมนี้ของห้องวีไอพีก็ทำให้มองลงไปเห็นชั้นล่างได้เกือบทั่วบริเวณ ต่างจากคนที่อยู่ด้านล่างต่อให้มองขึ้นมาก็ไม่เห็นอะไร ขึ้นชื่อว่าวีไอพี ทุกอย่างต้องเป็นส่วนตัวมากอยู่แล้ว
“ให้ตามเธอมั้ยครับ” ธันย์ ลูกน้องคนสนิทของไนต์เอ่ยถามเสียงเรียบที่เห็นเจ้านายหนุ่มเอาแต่ยืนมองลงไปที่โต๊ะหมายเลข 9 ด้วยแววตาดุดัน ทว่าสีหน้ากลับนิ่งเฉย
“…”
ไร้คำตอบจากไนต์ ความเงียบทำให้ธันย์เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ และไม่คิดจะทำอะไรหากไม่ได้รับคำสั่งใดๆ
กึก!
เกิดเสียงดังกึกขึ้นท่ามกลางเสียงจังหวะดนตรีที่ดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องเบาๆ ทำให้ธันย์ที่เลิกสนใจเจ้านายหนุ่มไปหลังจากที่ถามไม่ตอบ ต้องเงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างสูงโปร่งของไนต์อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าแก้วไวน์ในมือของไนต์นั้นแตกคามือ ไวน์ในแก้วไหลอาบลงตามมือหยดลงพื้นห้องเป็นทาง
ธันย์รีบลุกจากโซฟาเดินตรงเข้าไปหาเจ้านายหนุ่มที่ยังยืนนิ่ง เหมือนจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำแก้วไวน์แตกคามือไปแล้ว สาเหตุก็คงหนีไม่พ้นโต๊ะหมายเลข 9
“ให้ผมตามเธอมั้ย?” ธันย์ถามย้ำคำถามเดิมที่เคยถามไปก่อนหน้าอีกครั้ง
“กลับ” ไนต์เอ่ยขึ้นสั้นๆ ปล่อยเศษซากของแก้วไวน์ในมือทิ้งลงพื้นแล้วหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูทันที ไม่ได้สนใจว่าที่มือตัวเองจะมีบาดแผลจากการถูกแก้วบาดไหม
ร่างสูงโปร่งก้าวยาวๆ ออกจากห้องวีไอพีลงไปยังชั้นล่างเพื่อจะกลับเพนท์เฮาส์ของตัวเอง สีหน้าที่เคยเรียบนิ่งในตอนเข้ามาแปรเปลี่ยนเป็นความดุดันในตอนที่เดินกลับออกไป ทำเอาเหล่าพนักงานที่พบเห็นต่างรีบก้มหน้าหลบสายตาด้วยความสั่นกลัว ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นสีหน้าดุดันแบบนี้
ไนต์กลับถึงเพนท์เฮาส์ด้วยความไม่สบอารมณ์ สั่งให้คนสนิทอย่างธันย์เปิดไวน์ขวดใหม่ไว้ให้ ส่วนตัวเองก็เข้ามาหาอุปกรณ์ทำแผลที่เก็บอยู่ในห้องนอน จัดการล้างแผลที่มือของตัวเองหยิบผ้าพันแผลมาพันไว้ลวกๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจ เมื่อทำแผลเสร็จก็เดินกลับออกมาจากห้องนอน
“ทำไมมึงยังอยู่” ไนต์ถามเสียงเรียบที่เดินออกมาแล้วยังเห็นว่าธันย์นั่งอยู่ในห้อง
“เผื่อนายมีอะไรจะใช้ผมอีก”
“ไม่มี มึงลงไปพักเถอะ”
“ครับ” ธันย์ขานรับกดหน้าลงเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูลิฟต์ส่วนตัว เพื่อจะลงไปที่ห้องพักของตัวเองที่อยู่ชั้นล่างของเพนท์เฮาส์หรูแห่งนี้
หลังจากที่ธันย์ลงลิฟต์ไปไนต์ก็เดินไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นมารินไวน์ที่ธันย์เปิดไว้ให้ใส่ในแก้วจนเกือบจะเต็ม ก่อนจะยกมันขึ้นกระดกลงคอด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น
ภาพที่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังโอบกอดลูบไล้เอวบางของพีอาร์สาวสวยตัวท็อปของคลับยังคงติดตาเขาไม่จางหาย พนักงานของคลับเขาทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปัดป้องเมื่อลูกค้าถึงเนื้อถึงตัวมากเกินไป แต่นี่เธอกลับไม่คิดปัดป้องปล่อยให้ลูกค้านั่งโอบกอดลูบไล้เอวคอดและสะโพกอยู่แบบนั้น เห็นแล้วมันทำให้เขาหงุดหงิดที่เธอไม่คิดจะระวังตัวเอง
หรือเขาจะให้อิสระกับเธอมากเกินไปอย่างนั้นเหรอ บางทีเธออาจจะลืมว่าตัวเองมีข้อตกลงที่ผูกมัดกับเขาอยู่ก็ได้ ถึงได้นั่งให้ลูกค้าลูบไล้อยู่แบบนั้น
ปึก!
แก้วไวน์ที่ยกดื่มจนหมดถูกวางลงกระแทกกับเคาน์เตอร์บาร์เสียงดังปึก ไวน์ในขวดถูกรินใส่ในแก้วใบเดิมอีกครั้ง ไนต์หยิบแก้วไวน์เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟากลางห้องด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางมาหลายชั่วโมง เพราะเขาเพิ่งจะบินกลับมาจากบ้านเกิดที่อังกฤษ กลับมาถึงก็ให้ธันย์เอาของไปส่งให้กับคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ตอนนี้ให้ถึงคอนโด
ถ้ารู้ว่าเธอจะไปนั่งให้คนอื่นลูบไล้ ตอนที่เดินสวนกันเขาน่าจะลากเธอออกมาด้วย ถ้าทำแบบนั้นเขาก็คงไม่ต้องหงุดหงิดอยู่แบบนี้ แค่นึกว่าตัวเองต้องกอดจูบเธอต่อจากใครบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้เขาเพิ่มขึ้นไปอีก
นานวันเข้าเขายิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ต้องมาเห็นภาพแบบเดิมซ้ำๆ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ในเมื่อข้อตกลงเดียวที่เขามีให้เธอคือห้ามรู้สึกเกินกว่าสถานะที่มี นอกเหนือจากนั้นเธอจะทำอะไรเขาก็คงไม่มีสิทธิ์ไปห้าม และนั่นก็งานของเธอ งานที่เปลืองตัวจนทำเอาเขาหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็นภาพการทำงานของเธอ