“ยอมเชื่อฟังแล้วค่ะ พอใจรึยังคะ” ฉันตอบออกไปพร้อมกับยื่นริมฝีปากออกไปเล็กน้อยแล้วทำแก้มพองลม
“หึ ก็แค่เนี่ย เด็กดื้อ” เขาแค่นหัวเราะเอ่ยกลับมาเมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจ พร้อมกับส่งมือหนาขึ้นยีผมของฉันจนหัวฟู
“อือ อย่าแกล้ง” ย่นคอหนีฝ่ามือ
เริ่มใจอ่อนกับฉันแล้วล่ะสิพี่อินแจ เห็นว่าแกล้งได้ก็แกล้งกันอยู่เรื่อยเลย แต่ก็ดีนะเราจะได้พูดคุยและมีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น
หลังจากที่กินข้าวด้วยกันเสร็จพี่อินแจก็ขอตัวกลับห้องของตัวเองไป ส่วนฉันก็ต้องเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังว่าที่แฟนในอนาคต เข้าไปอาบน้ำตามที่เขาได้บอกเอาไว้ เรียกว่าสั่งเอาไว้ก่อนออกจากห้องไป
เฮ้อ ขอถอนหายใจหน่อยเถอะ กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ลำบากกันเลยทีเดียว เพราะฉันต้องคอยระวังไม่ให้น้ำโดยแผลด้วยไม่งั้นมันจะอักเสบขึ้นมาได้
หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินขากะเผลกอย่างกับเต่าคลานมาถึงเตียงนอนและล้มตัวลงทันทีอย่างหมดเรี่ยวแรง ขอแชทหาเพื่อนรักหน่อยละกัน ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยกันเลย
…..
-Chat-
Nicha: แกกลับไปแล้วเหรอ ไม่เห็นบอกฉันเลย
ยังไม่ทันได้เข้าแชทก็เปิดมาเจอข้อความของณิชาที่ถูกส่งเข้ามาเสียก่อน ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่าก่อนออกจากมหาวิทยาลัยลืมโทรบอกณิชา รายนั้นน่ะชอบเป็นห่วงและยิ่งขี้บ่นอยู่ด้วย
Khanom: ขอโทษที่ไม่ได้บอก ฉันปวดขาน่ะเลยกลับมาก่อน (สติกเกอร์ทำปากจู๋)
Nicha: แล้วแกขับรถได้เหรอ อย่าบอกนะว่ากลับพร้อมโอปป้าของแก
ณิชาตอบกลับมาเร็วปานติดจรวด
Khanom: อืม
Nicha: อร๊ายแก เดี๋ยวนี้มีกลับพร้อมกันด้วย เมื่อเช้าตอนพี่เขาอุ้มแกนะฉันตะลึงมากจ้า
Khanom: ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะอุ้มแบบนั้น คิดแล้วเขินอะ
Nicha: ฉันว่าพี่อินแจชอบแก
Khanom: บ้าเหรอ ถ้าชอบก็ดีน่ะสิ ทุกวันนี้ฉันยังถูกหลอกด่าอยู่เลย เดี๋ยวก็ยัยบื้อ เดี๋ยวก็ยัยโก๊ะ
Nicha: ด่าเพราะรักมั้ยแก
Khanom: ขอให้รักเร็วๆ เถอะ เพี้ยง (สติกเกอร์พนมมือไหว้)
Nicha: วันนี้ฉันเช็กชื่อให้แล้วนะ และอาจารย์ก็ไม่ได้สั่งงาน
Khanom: งื้อ ขอบใจมากเพื่อนรัก ฉันรักเธอที่สุดเลย จุ๊บๆ
Nicha: เก็บปากไว้จุ๊บโอปป้าของแกเถอะจ้า แล้วพรุ่งนี้แกมาเรียนไหวป่าว
Khanom: ขอดูพรุ่งนี้เช้าอีกที ถ้าไม่ปวดมากพอเดินไหวก็จะไป
Nicha: โอเค
…..
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดีหน่อยที่วันนี้มีเรียนบ่ายเลยกดเลื่อนมันไปหลายรอบเลย กว่าจะได้เวลาที่ฉันจะลุกออกจากที่นอนได้ก็ปาไปเกือบสิบโมง
ฉันเปิดประตูพร้อมกับอ้าปากหาวเดินออกจากห้องมาอย่างงัวเงีย พร้อมกับยกสองแขนบิดขี้เกียจ “ว้าย” ร้องดังลั่นด้วยความตกใจ “พะ…พี่อินแจ”
“ตื่นได้แล้วเหรอยัยขี้เซา” นี่ก็สรรหาคำมาว่าให้ฉันจริงๆ เลย
“พี่เข้ามาได้ยังไงคะ”
“ก็เปิดเข้ามาไง” ตอบแบบกวนๆ พร้อมกับยกคีย์การ์ดห้องของฉันให้ดู
“เข้าออกห้องกันเป็นว่าเล่นแบบนี้คิดอะไรกับขนมรึเปล่าคะ อินแจโอปป้า” ฉันแกล้งแซวเล่นทำหน้ายิ้มทะเล้น อยากจะดูหน้าคนเย็นชาว่าเขาจะเขินหรือไม่ แต่เปล่าเลยจ้า
“ไปอาบน้ำได้ละ” เขาเอ่ยไล่ให้ฉันไปอาบน้ำด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่าตัวเองยังอยู่ในชุดนอน การที่เห็นเขามาโผล่ในห้องของฉันแบบไม่รู้ตัวแบบนี้มันทำให้สมองไม่สั่งการอะไรทั้งนั้น นอกจากตรงเข้ามาคุยกับเขา ยัยขนมซื่อบื้อ ชอบทำตัวขายหน้าอยู่เรื่อยเลย
หลังจากที่ฉันหยิบเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเสร็จแล้ว ก็ตรงปรี่เข้าห้องไปแต่งหน้าเติมความสวยกันสักหน่อย อยู่ต่อหน้าอินแจโอปป้าขนมต้องสวยค่ะ
สายของวันนี้พี่อินแจทำข้าวผัดมาเผื่อฉันด้วย ส่วนเขานั้นกินจากที่ห้องมาแล้วล่ะ เพราะรายนั้นชอบตื่นเช้าแม้จะไม่ได้ไปเรียน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันส่งยิ้มหวานละมุนเอ่ยขอบคุณและนั่งลงจัดการข้าวผัดที่เขาลงมือทำจนหมดจาน
“มีเรียนเหรอ” พี่อินแจมองฉันที่อยู่ในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทจีบทวิสที่สั้นเพียงสิบหกนิ้วกับเสื้อพอดีตัว
“ค่ะ ขนมมีเรียนบ่าย”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไปส่ง พี่อินแจไม่มีเรียนเหรอคะ ขนมขับรถไปเองก็ได้นะ แค่นี้ก็รบกวนพี่เยอะแล้วค่ะ เกรงใจ”
“อย่าดื้อ บอกว่าจะไปส่ง แค่ทำตามที่บอกก็พอ” แหม ชอบออกคำสั่งจริงเชียว
“ก็ได้ค่ะ”
เราออกจากคอนโดกันมาตอนประมาณเที่ยงครึ่ง คอนโดของเราอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากเท่าไร ใช้เวลาขับรถประมาณสิบถึงสิบห้านาทีก็มาถึงแล้ว
…..
@มหาวิทยาลัย
.
“ขอบคุณนะคะ” ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดประตูลงจากลงจากรถ
“เรียนเสร็จแล้วก็โทรหานะ เดี๋ยวมารับ”
“ค่ะ”
อยากจะบอกว่าทำตัวไม่ถูกเลยจ้า ตอนนี้มีแต่คนมองมาที่รถของพี่อินแจตั้งแต่ขับเข้ามาจอด และหนึ่งในนั้นที่จ้องมองมาทางฉันตั้งแต่ก้าวลงจากรถนก็คือ ‘ลูกพีช’ จะมองอะไรนักหนา
“ใช้ได้นี่ ให้ท่ายังไงถึงให้เขามาส่งเธอได้” วาจากกระแทกแดกดันเอ่ยเสียงดังขึ้นตามหลัง แต่ฉันทำทีไม่สนใจ ลูกพีชเลยรีบย้ำเท้าเข้ามากระชากแขนจนคนโดนกระทำต้องหยุดเดิน
“ปล่อย” เอ่ยเสียงแข็งพร้อมกับสะบัดแขนออกเงยหน้าขึ้นจ้องคนที่เข้ามาหาเรื่อง
อย่าให้มากจนเกินไปนะลูกพีช ถึงจะเป็นคนยอมมาตลอดแต่ใช่ว่าจะยอมได้ตลอดไป ความอดทนของฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน พยายามข่มอารมณ์โกรธและต่อว่าในใจ
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกยุ่งกับพี่อินแจ” ลูกพีชพูดเสียงกร้าวอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยิน สายตาเธอตอนนี้เอาเรื่องมากๆ
“เธอก็ไปบอกเขาเองสิว่าให้เลิกยุ่งกับฉัน ถ้าไม่มีสิทธิ์ก็อย่ามาหาเรื่อง”
“นี่เธอ”
“ขนมมีอะไร นี่เธอมาหาเรื่องเพื่อนฉันอีกแล้วเหรอ รอบก่อนทำให้ขนมเจ็บตัวฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะยัยลูกพีช” ณิชาที่เพิ่งมาถึงก็ตรงดิ่งเข้ามาหาฉัน และเอ่ยเอาเรื่องลูกพีชทันที
“ใครใช้ให้เดินไม่ดูทางเองล่ะ สมน้ำหน้า” ว่าจบลูกพีชก็เดินออกไป พร้อมกับเบะปากใส่อย่างน่าชัง
“อีลูกพีชเน่า” ณิชาตะโกนด่าตามหลัง
“พอแล้วแก คนมองกันเต็มเลย เราไปกันเถอะ” ฉันรีบห้ามปรามเพื่อนรักก่อนที่เธอจะสบถคำด่าออกมามากกว่านี้
ดีหน่อยที่ณิชายอมเชื่อฟัง เธอเดินเข้ามาคล้องแขนเพื่อให้ฉันมีที่เกาะกุมและพาเดินเข้าตึกคณะไป
“แกก็ยอมมันซะอย่างนี้ มันถึงได้ใจ”
“ฉันไม่อยากมีปัญหานี่นา แกก็อย่าไปสนใจนางนักเลย เดี๋ยวประสาทจะกินเอา”
“จ้า คุณแม่พระ ประเสริฐศรีมณีเด้ง แกยอมมัน ใช่ว่ามันจะเลิกหาเรื่องแก”
ฉันลอบถอนลมหายใจ รู้สึกเหนื่อยหน่ายเหมือนกันที่ต้องทะเลาะกันมาตั้งหลายปี หนีออกมาอยู่คนเดียวแล้วก็ยังไม่พ้นอีก
วันนี้เรามีเรียนกันถึงบ่ายสาม พอใกล้เลิกเรียนฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความไปบอกให้พี่อินแจออกมารับ ป่านนี้ก็น่าจะมาถึงละมั้ง
“ฉันไปรอพี่อินแจที่หน้ามอนะ” ฉันบอกกับณิชา เธอพยักหน้ารับก่อนจะโบกไม้โบกมือล่ำลากัน
ณิชากลับบ้านพร้อมกับพี่ณัฐ ส่วนฉันก็เดินไปที่ป้ายรถเมย์หน้ามหาวิทยาลัยเพื่อนั่งรอพี่อินแจ
วันนี้ดีหน่อยที่ขาไม่ปวดมากเดินได้คล่องขึ้นกว่าเมื่อวาน ฉันค่อยๆ เดินออกมาหน้ามหาวิทยาลัยก็เห็นเข้ากับรถของพี่อินแจที่จอดรออยู่ แต่นั่น ‘ยัยลูกพีช’ เธอกำลังเดินผ่านรถของพี่อินแจไปและเขาก็กำลังเลื่อนกระจกรถขึ้น
ฉันหยุดเดินจ้องมองอยู่พักหนึ่งจนลูกพีชเดินลับตาไป จึงได้เดินเข้าไปหาพี่อินแจที่รถ ‘ยัยลูกพีชคงไม่ได้มาแวะคุยกับพี่อินแจใช่มั้ย’
“เมื่อกี้พี่คุยกับใครคะ” ฉันตัดสินใจถามออกไปทันทีที่เข้ามานั่งในรถ แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่แค่อยากรู้ว่าพี่อินแจจะตอบมาว่าอย่างไร