นางบำเรอตีทะเบียน แต่งโดย อัญจรี
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ผู้มีจารีตมิควรหยิบยก คัดลอก แบบหรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการถ่ายทอด ถ่ายเอกสาร สแกน ถ่ายภาพ ในรูปแบบหรือวิธีการใดๆ ทั้งปวงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
นางบำเรอตีทะเบียน
[1]
โสเภณีตีตรา
ณ โรมแรมสุดหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมืองใหญ่ ซึ่งหนึ่งในห้องบอลรูมภายในได้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงเพื่อการกุศลของมูลนิธิอุ่นใจ มูลนิธิเพื่อเด็กด้อยโอกาส เหล่าดวงดาราทั่วฟ้าเมืองไทยต่างตบเท้าเข้างานกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง หนึ่งในนั้นก็คือ ละอองดาว จตุรศิลป์ หญิงสาวไม่ใช่ดารา ไม่ใช่ไฮโซหรือผู้ดีมีสกุล แต่ละอองดาวก็อยู่ในงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย
ร่างอรชรในชุดราตรีสีฟ้าครามสามารถสะกดสายตาบรรดาหนุ่มๆ ที่อยู่ในงานได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวผ่านประตูเข้ามา แม้แต่สตรีด้วยกันเมื่อมองผ่านยังต้องเหลียวกลับมามองอีกหน ด้วยว่าชุดราตรีตัวสวยปล่อยชายยาวระพื้น ส่วนบนปกปิดช่วงคอดูมิดชิด แต่ทว่าด้านหลังเปิดเปลือยแผ่นหลังขาวๆ ตัวเสื้อคว้านลึกลงไปแทบจะถึงบั้นท้ายงอนงาม
ละอองดาวรู้ดีว่าเสียงฮือฮาจะตามหลังเธอมาทุกย่างก้าว แต่ทว่า นั่นคือสิ่งที่เธอ...ต้องการ
เวลาเดียวกันนั้น บุรุษร่างสูงใหญ่ที่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ กำลังแลหาบางอย่างบนพื้นพรม เขาคงไม่มีวันหามันเจอเพราะเจ้าสิ่งนั้นมันกลิ้งหลุนๆ มาหยุดอยู่แทบเท้าละอองดาวนี่เอง
หญิงสาวก้มลงหยิบปากกาด้ามทอง เธอลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาชายผู้นั้น ก่อนจะยื่นปากกาคืนให้ เขาควรกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถ้าจะให้ดีควรมีเครื่องดื่มกำนัลให้เธอสักแก้ว ตอบแทนที่เธอช่วยเก็บของให้ แต่ไม่เลย เขาเพียงแค่เอ่ยสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจ
“ถึงบ้านเมื่อไหร่ ชุดเธอได้กลายเป็นพรมเช็ดเท้าแน่ ละอองดาว!”
เจ้าของใบหน้าขาวสะอาด ตาคม คิ้วเข้ม และมีจมูกโด่งจนน่าใจหาย กำลังเค้นเสียงผ่านริมฝีปากหยักออกไป เพื่อขู่ขวัญให้อีกฝ่ายกริ่งเกรง
ละอองดาวยกยิ้มมุมปาก การป่วนอารมณ์ของ ‘สามี’ สำเร็จอีกหนแล้ว เธอสนุกที่ได้กวนอารมณ์เขาเช่นนี้ ก็แหม...นานๆ ทีจะได้อวดสวยบ้าง เธอขออวดเนื้อหนังเป็นอาหารตาเสือสิงห์กระทิงแรดสักหน่อย ในเมื่อวันข้างหน้าเธอต้องเลิกรากับเขา วันนี้ก็ขอโปรยทางไว้เผื่ออนาคตบ้าง คงมีหนุ่มๆ หล่อๆ และรวยๆ สักคนกระมังที่ไม่สนเรื่องในอดีตและยอมจดทะเบียนตีตรากับเธออีกครั้ง
“ด้วยความยินดีค่ะสามี คุณคงอยากกลับไปเช็ดเท้าที่บ้านของเราบ้าง หลังจากไป ‘เช็ด’ ที่อื่นมาเป็นเดือนๆ แต่วางใจได้ค่ะ ทั้งคู่ค้า และคู่ขาของคุณ ตบเท้าเข้าบ้านของเราจนดาวต้องเอาพรมเช็ดเท้ามาซักวันละสามเวลา และคงดีกว่านี้ถ้าคุณจะกลับไปซักมันเอง ก่อนที่ดาวจะหาคนมาช่วย ซัก”
ละอองกล่าววาจาเป็นนัยดั่งใจปรารถนา และชายหนุ่มก็เข้าใจได้ไม่ยาก
“ฉันจะหักคอเธอซะ ถ้าเธอกล้าทำอย่างนั้น”
วาโย จตุรศิลป์ กำลังข่มความไม่พอใจเอาไว้แต่ในอก แล้วใช้เพียงน้ำเสียงเกรี้ยวกราดสาดใส่ภรรยาสาว
“โอ...คุณโยขา ดาวรอคุณมาหักคอทุกนาทีเลย แต่ก่อนอื่นหาทางกลับบ้านให้เจอก่อนดีกว่าไหมคะ ถ้าวันนี้ดาวไม่มางานเลี้ยงนี่ ก็คงไม่รู้ว่าคุณมาด้วย ว้า...แย่จัง หมดสนุกเลย”
หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อย ทำหน้าทำตาราวกับว่าเรื่องสนุกที่ยังไม่ได้ทำนั้น มันน่าเสียดายเสียเต็มประดา
“อย่ายั่วโมโหฉันให้มากนัก เธอก็รู้ดีว่าฉันไม่เหมือนใคร”
ใบหน้าเขากลับมาเรียบเฉย แต่นัยน์ตาสะท้อนประกายวับวาว ดุจประกายไฟจากพระเพลิงกองใหญ่กำลังเผาไหม้ในหน่วยตาคู่นั้น
“บังเอิญว่านอกจากคุณ ดาวก็ไม่เคยมีใคร เลยไม่รู้จะเทียบความเหมือนหรือแตกต่างกับใครดี เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะมารูปแบบไหน ดาวรับได้ค่ะ คุณสามี” ละอองดาวยิ้มพรายขณะเอ่ยวาจายั่วเย้า
วาโยกัดกรามดังกรอดๆ เขาไม่นึกเลยว่าภรรยาตีตราที่เหินห่างมานานจะสามารถก่อเพลิงโทสะและราคะในกายให้ลุกโชนได้ถึงเพียงนี้ เขาควรจะทำอย่างไรดีถึงจะสาสมกับวาจาไม่ลดราวาศอกของหล่อน หรือต้องให้โชว์จุมพิตดูดดื่มอวดใครต่อใครไหม หล่อนจะได้รู้สำนึก
วินาทีต่อมา ร่างท้วมของชายเชื้อสายจีนก็เดินมาหยุดตรงหน้าดวงดาราที่เจิดจรัสที่สุดในค่ำคืนนี้ บุรุษมากวัยโค้งพองามให้ละอองดาวพร้อมรอยยิ้ม
“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ ถือว่าเป็นการ ‘ทำทาน’ แรกในงานคืนนี้ก็แล้วกัน” ใบหน้าอวบอิ่มมีแววยินดี เมื่อเห็นละอองดาวยกมือปิดปากเพื่อกลั้นกิริยาที่คล้ายขบขันคำพูดของเขา
“ฉันไม่ใช่นักเต้นมืออาชีพนะคะ จะได้ทำทานด้วยการเต้นรำคู่กับคุณ” เธอยิ้มน้อยๆ อย่างไว้ตัว คำตอบก็ด้วย ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
“คุณคนสวยถ่อมตัวมากไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นช่วยผมกดเลขที่บัญชีได้ไหม ผมจะได้บริจาคสักล้านสองล้าน ให้กับเด็กผู้ด้อยโอกาส”
ชายร่างท้วมเอ่ยออกมาราวกับว่าคำว่าล้านสองล้านมีค่าเพียงกระดาษชำระใช้แล้วทิ้ง เขาหยิบมือถือราคาแสนแพงออกมายื่นให้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับมันไป