บทที่4. น้ำใจ

1915 คำ
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าได้ยินเสียงขลุกขลักใกล้ๆ เขารู้ได้ในทันทีว่าบนเตียงนอนนั้นว่างเปล่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่นอนเปลือยกายอย่างเดียวดาย ยามาทยิ้มเยาะตัวเองก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแล้วทอดสายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง แม้ไม่ได้มองนาฬิกา เขารู้ดีว่าแดดจัดจ้าแบบนี้คงบ่ายโมงเศษแล้ว เขาลุกขึ้นยืนทั้งเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำ ใบหน้าคมเข้มก็ระบายยิ้มออกมา เมื่อเห็นรอยจุมพิตสีแดงเพลิงบนกระจกในห้องน้ำพร้อมลงชื่อ ‘เรอิโกะ’ หากพูดไปคงไม่มีใครเชื่อว่า ผู้ชายอย่างเขาถูกผู้หญิงทิ้งให้นอนอย่างเดียวดายทั้งที่เปลือยกายล่อนจ้อนอยู่อย่างนี้! “คุณนี่ทั้งร้ายทั้งร้อนแรงจริงๆ” ยามาทพึมพำบอกกับตนเอง แล้วเปิดน้ำไหลผ่านฝักบัวชำระล้างร่างกายเพิ่มความสดชื่น เจ้าของร่างสูงโปร่งก้าวออกมาด้วยผ้าขนหนูสีขาวพันท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ ปกติเขาสวมแต่เสื้อกราวนด์จนแทบกลายเป็นชุดนอนของเขาเลยทีเดียว ‘หมอ’ อย่างเขาไม่มีเวลาพักผ่อนเหมือนคนอื่นๆ แต่มันก็เป็นงานที่ให้ความสุขกับเขาเช่นกัน เขาคงไม่สามารถพูดได้ว่าการได้สวมบทบาท ‘หมอ’ เมื่ออยู่ในบาฮาเนีย กับบทบาทนักธุรกิจหนุ่มที่ดูแลกิจการ ‘อัลบา กรุ๊ฟ’ เขาก็รู้สึกสนุกไม่แพ้กัน แต่ไม่ว่าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคุณลุงคาร์ดัล อัลบาจะเป็นเรื่องใด เขาก็ทำด้วยความเต็มใจและสำนึกในบุญคุณเสมอ ถูกแล้ว! หากไม่มีมือคู่นั้นที่ช่วยเขาจากกลางทะเลทรายและเหล่ากองโจรเหล่านั้น เขาคงไม่ได้กลายเป็นหมอยามาทอย่างทุกวันนี้! ยามาทหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่สบายๆ แต่ยังคงเรียบหรูเป็นสไตล์ของเขาโดยเฉพาะเสื้อผ้าสีโทนเข้มยิ่งทำให้ร่างสูงของเขาดูบึกบึนมากขึ้น มือใหญ่ลูบคางตัวเองพลางเอียงซ้ายเอียงขวามองใบหน้าตนเองในกระจก หนวดเคราของเขาช่างยาวรวดเร็วจนเป็นภาระหนึ่งในชีวิตเขาเลยทีเดียว แต่เมื่อนึกถึงเสียงอ้อนวอนเจียนขาดใจของเรอิโกะก็ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา เขาไม่เคยนึกโกรธเรอิโกะเลยสักครั้งที่ทิ้งให้เขาต้องตื่นมาพบความว่างเปล่าเช่นนี้ ชายหนุ่มวัยสามสิบหกอย่างเขาก็ปรารถนาหญิงคนรักที่จะอยู่ร่วมกันตราบลมหายใจสุดท้าย ทว่าจะมีหญิงคนไหนที่ ‘ทน’ อยู่ในสภาพบ้านเมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลทรายได้ และด้วยหน้าที่การงานที่เขาต้องรับผิดชอบนั้นมันแสนยิ่งใหญ่มากกว่าภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็น เขาจึงครองตัวเป็นโสดทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ และยิ่งเห็นองค์ราเฟย์ครองรักอย่างมีความสุข หัวใจเขาก็สารภาพได้อย่างไม่อายว่า ‘อิจฉา’ เสียยิ่งกว่าสิ่งใด ชายหนุ่มเดินมามาหยิบน้ำดื่มในตู้เย็นก่อนจะเดินมาที่โต๊ะทำงานเพื่ออ่านรายงานเอกสารทางการเงินและเรื่องต่างๆ ที่เลขาฯ นำมาวางไว้ให้เรอิโกะต้องการซื้อที่ดินพร้อมตึกแถวแห่งหนึ่งเพื่อทำร้านจิวเวอรี่และเขาก็ไม่เห็นว่าเงินจำนวนที่เธอเสนอมานั้นมากมายอะไรนักในความคิดของเขา เขาไม่เคยตรวจสอบการใช้เงินของเรอิโกะเลยสักครั้ง เพราะสำหรับเขาแล้วเงินเหล่านั้นมีค่าน้อยนิดหากเทียบกับ ‘น้ำใจ’ ที่เธอหยิบยื่นให้ เรอิโกะคือหญิงสาวคนแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตาตื่นฟื้นในโรงพยาบาล โชคดีว่าศีรษะที่ถูกของแข็งกระทบอย่างแรงนั้นไม่ได้ทำร้ายไปถึงส่วนของสมอง ร่างกายบอบช้ำหลายแห่งแต่ไม่มีส่วนไหนหักหรือแตก เพียงแต่ต้องนอนพักฟื้นถึงสามวันในโรงพยาบาล แม้เขาจะเป็นหมอแต่การกลายเป็นคนไข้เสียเองเป็นเรื่องชวนหงุดหงิด แต่ในระหว่างพักฟื้นนั้นเขาก็มีเรอิโกะคอยดูแลเขาแทบทุกฝีก้าว หญิงสาวสวยและแสนลึกลับปรากฏตัวในคืนที่เขาถูกลอบทำร้าย ตำรวจเป็นคนรายงานเขาเองว่าคนที่ตำรวจมาพบเป็นคนแรกนอกจากเขาที่เจ็บสะบักสะบอมก็คือเรอิโกะ หญิงสาวให้ปากคำกับตำรวจว่าตนเองบังเอิญเดินเล่นชมความงามของแม่น้ำเทมส์และได้ยินเสียงคนทะเลาะกันจึงเข้ามาดู เธอใช้ความกล้าตะโกนเรียกตำรวจเพื่อหาคนช่วย แต่เมื่อคนเหล่านั้นวิ่งเตลิดหนีไปเธอจึงเข้ามาดูอาการแล้วโทรแจ้งตำรวจ ยามาทฟังเรอิโกะเล่าเหตุการณ์คืนนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นและหลังจากที่ร่างกายของเขากลับคืนสู่ปกติ เขาก็สั่งคนของเขา ‘เคลียร์’ สถานการณ์ทันที! แม้ว่าเขาจะเป็นหมอให้การรักษาคนอื่น และแม้ว่าเขาจะไม่เคยนิยมการกระทำความรุนแรงทุกชนิด ทว่าเลือดชาวทะเลทรายที่ร้อยระอุในทุกอณูเลือดนั้นก็ทำให้เขากลายเป็นราชสีห์ได้ในพริบตา และรู้ว่ากลุ่มคนที่กล้าลอบทำร้ายเขาคือคู่แข่งทางธุรกิจนั่นเอง ฮาเซกาว่า เรอิโกะ ไม่ได้โด่งดังแค่ในฐานะลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่มารุ่งโรจน์ที่อังกฤษเท่านั้น ทว่าชื่อของเรอิโกะยังโด่งดังในฐานะ Jewelry Designer ที่ออกแบบเครื่องประดับเก๋ๆ ให้ดารานักร้องหรือคนดังในแวดวงบันเทิงอีกด้วย เรอิโกะไม่เคยเรียกร้องเอาสิ่งตอบแทนจากเขา แต่นั้นกลับทำให้เขา ‘ให้’ อย่างไม่มีขีดจำกัด เมื่อเธอตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน เขายิ่งให้เธอมากขึ้นเป็นทวีคูณ แม้เขาจะเคยเห็นแก่ตัวพยายามดึงเธอเพื่อไปที่บาฮาเนียแต่เขาก็รู้ดีว่าคงไม่สามารถ ‘ทำอะไรๆ’ อย่าง ‘อิสระ’ เช่นที่นี่ได้ เขาจะรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจทุกครั้งที่เปิดนิตยสารแฟชั่นหรือได้อ่านข่าวในอินเตอร์เนทซึ่งมันจะมีภาพเรอิโกะ เซเลบฯ สาวสวยเฉิดฉายตามงานปาร์ตี้ต่างๆ เขาไม่สามารถเป็นเจ้าของหรือครอบครองเธอได้เลย ยามาทดึงลิ้นชักออกมาเพื่อหยิบแฟ้มรายงานอีกชุดหนึ่ง ทว่าเขากลับคิดถึงของสิ่งหนึ่งที่เก็บได้เมื่อสองปีก่อน สิ่งนั้นอยู่ในมือของเขาและมีเพียงพยาบาลนำมาให้เมื่อเขาฟื้น สิ่งเดียวที่เรอิโกะและตำรวจไม่เคยพูดถึงคือสายสร้อยเงินเส้นหนึ่งซึ่งมีแหวนฝั่งเพชรสีชมพูเม็ดเล็กขนาดหนึ่งกะรัตแสนงามห้อยอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องส่งไปตรวจสอบที่ไหนเขาก็รู้ได้ดีว่าเพชรสีชมพูนี้น้ำงามขนาดไหนแม้ว่ามันจะเม็ดเล็กก็ตามทีใช่! ถ้าเทียบกับเพชรในบาฮาเนียแล้ว หัวเพชรแค่นี้เล็กจิ๋วเท่านั้น แต่เพชรสีชมพูนี่ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ เขาพอจะจำได้ว่า ‘เพชรสีชมพู’ มีการค้นพบครั้งแรกในโลกที่ประเทศอินเดียและบราซิลเมื่อหลายศตวรรษก่อน มนต์เสน่ห์แห่งความงามของเพชรสีชมพู เกิดจากการบิดตัวของคริสตัลเพชรเนื่องจากการผสมของก๊าซไนโตรเจน ซึ่งคุณค่าของเพชรสีชมพู อยู่ที่สีมากกว่าอยู่ที่ขนาดหรือความบริสุทธิ์ โดยเพชรสีชมพูมีหลายเฉด ไล่ตั้งแต่ชมพูอ่อนไปจนถึงชมพูเข้มซึ่งหายากมาก ด้วยความหายาก และมีจำนวนจำกัด จึงทำให้เพชรสีชมพูมีราคาสูงกว่าเพชรใส ไม่มีสี หลายสิบเท่า และได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักสะสม ขอเพียงให้ได้ครอบครองไม่ว่าจะเป็นเพชรสีชมพูจางๆ ไปจนถึงสีชมพูเหมือนแชมเปญ ยามาทระบายลมหายใจเบาๆ เขาไม่ชอบสวมเครื่องประดับ บนตัวเขานอกจากนาฬิกาข้อมือที่ใส่จนเคยชินก็มีสร้อยเส้นนั้นที่เขาคล้องคอติดตัวเสมอ เขาแตะสร้อยคอที่คล้องอยู่ น่าแปลกที่เขาไม่คิดติดตามหาเจ้าของ มันมีบางสิ่งบอกเขาว่า...เมื่อถึงเวลา เจ้าของจะมาปรากฏตัว ใบรายการสั่งซื้อตุ๊กตาหนึ่งร้อยตัวทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว สองสามวันมานี่เขาให้เวลากับเรอิโกะและทำงานอยู่กับที่พักมากกว่าจะไปตรวจงานเองที่บริษัทฯ เขาเหลือเวลาพักผ่อนไม่มากนักจึงอย่างเร่งงานทุกอย่างให้เสร็จให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นก่อนจะกลับไปลุยงานหนักและกลับคืนสู่สภาพ ‘คุณหมอยามาท’ อีกครั้ง ยามาทยกหูโทรศัพท์ต่อหมายเลขของเลขาฯ ที่อายุมากกว่าเขาเกือบสิบปี มันพอๆ กับที่หล่อนทำงานร่วมกับบริษัทอัลบากรุ๊ฟ เลยทีเดียว “คุณเจนนี่ เรื่องตุ๊กตาหนึ่งร้อยตัวของผมไม่มีปัญหาใช่ไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแปลกใจตัวเองที่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ “เรียบร้อยค่ะบอส” “ทางโน้นเรียกเก็บเงินก่อนใช่ไหม” “ดิฉันเห็นข้อเสนอของเขามีเหตุผลรับฟังได้ แต่ก็แจ้งบอสแล้วนี่ค่ะ” “ผมจำได้” แต่จริงๆ เขารู้สึกเลือนๆ ไปแล้ว อาจเพราะอยู่กับเรอิโกะ เขาจึวลืมเรื่องงานไปเสียหมด “คุณดอว์สันแจ้งว่าเป็นสินค้าแฮนด์เมด ต้องซื้ออุปกรณ์มาให้เพียงพอที่จะทำตุ๊กตาให้บอส” “ดอว์สัน? ดอว์สันไหน?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ “แบรด ดอว์สันค่ะ เขาบอกว่าเป็นคนรักของคุณ สการ์เล็ตต์ รูธ เจ้าของร้าน Once ซึ่งดิฉันโทรสอบถามกับมิสรูธ เธอก็ยืนยันว่าใช่ ดิฉันจึงจ่ายเช็คให้เขาไปเรียบร้อยแล้ว กำหนดส่งสินค้าได้ในอีกสามสัปดาห์ค่ะ” “ถึงตอนนั้นผมคงกลับบาฮาเนียแล้ว” เขาถอนหายใจเบาๆ “อ้อ!คุณเจนนี่ช่วยดูเรื่องที่ดินที่คุณเรอิโกะต้องการซื้อให้ผมด้วยนะ ตรวจสอบให้ด้วย” “ดิฉันจะจัดการให้ค่ะ” “ขอบคุณครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ หน้าที่ดิฉันอยู่แล้ว” ยามาทยิ้มกับโทรศัพท์ก่อนจะวางหูลงที่เดิม เขาเกิดความรู้สึกเสียดายน้อยๆ ที่หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีตะวันตกดินคนนั้นมีคนรักแล้ว มือหนาประสานกันก่อนจะรองที่ใต้คาง แล้วยิ้มออกมา เมื่อคิดถึงดวงตาแสนดื้อรั้นของหญิงสาวเจ้าของร้านที่ดูเหมือนจะไม่ง้อลูกค้าเอาเสียเลย ในดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส มีความเศร้าบางอย่างซ่อนอยู่ ดูเหมือนว่าความเศร้านั้น เกาะกินหัวใจเธออย่างแนบแน่นด้วยซ้ำ มันเหมือนมีความเจ็บป่วยซ่อนอยู่ภายใน เขานึกอยากเขกหัวตัวเองที่ริตัดสินว่าใครป่วยไข้สบายดี “สามอาทิตย์เลยเหรอ นานจัง” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง นึกถึงสัมผัสอบอุ่นยามได้กอดตุ๊กตาผ้าตัวนั้น คงไม่เป็นไร ถ้าเขาอยากจะได้ติดไม้ติดมือกลับบาฮาเนียก่อนสักตัวสองตัวเพื่อฝากเด็กหญิงตัวน้อยที่ต้องผ่าตัดหัวใจ เขาชอบสินค้าแฮนด์เมดแบบนี้นัก มันเปี่ยมไปด้วยความพยายามและความมุ่งมั่นเพียงแค่สัมผัสก็รู้สึกได้ในทันที ยามาทยิ้มให้กับตนเองก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกไปตามเสียงหัวใจเรียกร้องทันที.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม