มี่อิงหอบข้าวของและเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ในเรือนพักคนรับใช้ที่สกุลโจวภายในวันนั้นเพื่อเตรียมตัวที่จะเริ่มต้นทำงานในวันถัดมา
ค่ำคืนอันแสนเงียบงัน ไอเย็นสบายอ้อยอิ่งยามราตรีทำให้มี่อิงปิดม่านตาหลับสนิท พลิกกายไปมาบนฟูกนอนนุ่มนิ่มในเรือนพักคนรับใช้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงยามอิ๋น
"มี่อิง...มี่อิง..."
เสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบาดังขึ้นข้างหู
มี่อิงค่อย ๆ เปิดดวงตากลมโตขึ้นตื่น ใช้มือขยี้ตาสองสามครั้งสลัดความง่วงงุน เพ่งมองไปยังเบื้องหน้า
เงาดำตะคุ่มจางค่อย ๆ ปรากฏชัดเป็นหญิงสาวใบหน้าเล็กเรียวนางหนึ่งกำลังนั่งจ้องมองอยู่ หญิงสาวผู้นั้นคือ เจียวซือ บ่าวรับใช้คนหนึ่งในจวนสกุลโจวที่ทำงานอยู่ในจวนแห่งนี้มานานร่วมปีแล้ว
"เจ้ามีอะไรกับข้าหรือ…" มี่อิงเอ่ยถามเสียงงัวเงียอยู่ในลำคอ
"จวงมามาให้ข้ามาปลุกเจ้า"
"จวงมามา...จวงมามาคือใครกัน" มี่อิงผูกคิ้วถามด้วยความสงสัย
"เจ้าไม่รู้หรือ...ว่าจวงมามาคือหัวหน้าบ่าวรับใช้ของจวนแห่งนี้ ทุกคนต้องเคารพนาง เจ้าเองเพิ่งเข้ามาใหม่ จวงมามาคงจะเป็นผู้สอนงานให้กับเจ้า"
มี่อิงทอดถอนหายใจ หันใบหน้าอันผุดผาดเกลี้ยงเกลาทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง อะไรกัน...ท้องฟ้ายังมืดสนิทอยู่เลย เป็นบ่าวรับใช้ต้องกระตือรือร้นอยู่เสมออย่างนั้นสินะ พอต้องมาอยู่ในระเบียบเช่นนี้ มันยิ่งทำให้ข้าคิดถึงท่านย่าเหลือเกิน
หญิงสาวเลิกใคร่ครวญในใจ แล้วหันมาถามต่อ "ว่าแต่...เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างไร"
"คนเขารู้กันทั่วจวน ไฉนข้าจะไม่รู้กันเล่า"
"จะ จริงหรือ"
เจียวซือตอบอืมและเอ่ย "ทุกย่างก้าวของเจ้ายามนี้เป็นที่จับตามองทั้งนั้นแหละ"
"ทะ ทำไมกันล่ะ…"
"ก็เจ้าเป็นคนรับใช้ข้างกายของคุณชายนะสิ หากเป็นคนรับใช้ดูแลจวนทั่วไปแบบข้า ก็คงไม่ต้องโดนมองเช่นนี้"
"คนรับใช้ข้างกายคุณชาย" มี่อิงเอ่ยย้ำ ในใจพลันสับสน "บ่าวรับใช้ในจวนทุกคนไม่ใช่ว่าต้องดูแลคุณชายงั้นหรือ"
"เจ้าเอ่ยเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่คุณชายต้องมีบ่าวรับใช้ประจำตัว คอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ คอยจัดการปัญหาทุกอย่างให้คุณชาย แล้วก็...คอยเป็นที่รองรับอารมณ์ของคุณชายด้วย"
"สวรรค์! " มี่อิงอุทานเสียงหลง
"เจ้าน่ะ...ไม่ใช่คนรับใช้คนแรกที่คุณชายรับเข้ามาหรอก มีแต่คนทนคุณชายไม่ไหวจนออกกันไปก็หลายคนแล้ว"
"ขะ ขนาดนั้นเลยหรือ"
"แต่เจ้าอย่าห่วงไปเลย ยังไงเจ้าก็มีข้า หากมีอะไรร้ายแรงขึ้นมา ข้าจะรีบมาบอกเจ้า"
คำพูดและแววตาที่หนักแน่นของเจียวซือ ทำให้มี่อิงรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก การที่เข้ามาอยู่ในสถานที่แปลกถิ่นเช่นนี้ หากมีสหายที่พอจะพูดคุยกันได้ ย่อมดีกว่าอยู่ตัวคนเดียวเป็นไหนๆ
"ขอบใจเจ้ามากนะเจียวซือ ข้าจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ แล้วข้าจะรีบออกไปหาจวงมามา"
"อื้ม" เจียวซือพยักหน้าและยิ้มตอบ
ที่ ห้องโถงใหญ่สกุลโจว
บรรดาสาวใช้สองสามนางยุ่งง่วนทำความสะอาดห้องโถงอย่างขะมักเขม้นโดยมี จวงมามา วางมาดเคร่งขรึมคอยยืนควบคุมกำกับอยู่
มี่อิงวิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยท่าทางหอบเหนื่อยและยืนพักหายใจชั่วครู่
ดวงตารีเรียวแทบจะเป็นเส้นตรงของจวงมามาหรี่มองมี่อิงพลางเอ่ยน้ำเสียงเจือแววตำหนิ "นี่เจ้ามัวแต่ทำอะไรอยู่ จะปล่อยให้ข้ารอไปอีกถึงเมื่อไหร่! "
สุ้มเสียงเข้มดุของจวงมามาทำให้มี่อิงมีสติรู้ตัว นางรีบเดินเข้าไปหาบ่าวใช้อาวุโส ก้มหน้าก้มตาพลางเอ่ย "ขออภัยเจ้าค่ะ"
จวงมามาจ้องมองมี่อิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนที่จะแค่นเสียงหยันขึ้น "ทำอะไรชักช้า นึกว่าเข้ามาจะได้นอนสบายเป็นคุณหญิงหรืออย่างไร"
"ขออภัยเจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วเจ้าค่ะจวงมามา"
"เจ้ามีนามว่า จางมี่อิง ใช่หรือไม่"
"ใช่เจ้าค่ะ"
"เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ ว่าคุณชายไม่สามารถมองเห็นได้"
"รู้เจ้าค่ะ"
จางเยาเยาพรูลมหายใจยาว ก่อนที่เอ่ยอธิบายต่อว่า "โดยปกติแล้ว...คุณชายจะไม่ออกไปไหนในเวลากลางวันที่มีแสงอาทิตย์จ้า สิ่งนั้นทำให้คุณชายแสบตา เจ้าต้องคอยดูให้ดีว่าในแต่ละวันสภาพอากาศเป็นเช่นไร หากมีแสงแดดมาก ให้เจ้าปิดหน้าต่างทุกบานแล้วจุดตะเกียงแทน"
อย่างนี้นี่เอง…เพราะประสาทสัมผัสทางการมองเห็นของคุณชายมีปัญหา จึงทำให้ดวงตาของคุณชายไวต่อแสง
ไม่น่าล่ะ! วันแรกที่เจอกัน คุณชายถึงบอกให้เราปิดหน้าต่าง
มี่อิงผงกศีรษะเบาๆ เอ่ยถามต่อ "เจ้าค่ะจวงมามา แล้วเวลาที่คุณชายออกไปข้างนอกล่ะเจ้าคะ"
"เจ้าจงเอาผ้าสีขาวผืนบางมาผูกปิดที่ดวงตาของคุณชายเพื่อกำบังแสง เตรียมไม้เท้าให้พร้อม แล้วคอยพยุงคุณชายออกไปนอกเรือน"
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะจวงมามา"
"เรื่องอื่นข้าคงไม่ต้องพูดอะไรเยอะ เจ้าก็คงรู้ดีว่าหน้าที่ของบ่าวรับใช้คืออะไร"
"เจ้าค่ะ"
"ในจวนหลังนี้ มีพื้นที่กว้างขวางก็จริง แต่ก็มีบ่าวรับใช้ไม่มากนัก แต่ละคนล้วนทำงานหนัก หน้าที่หลัก ๆ ของเจ้าคือดูแลคุณชายโจว หน้าที่อื่น ๆ คือดูแลความสะอาดเรียบร้อยภายในเรือน อย่างปัดกวาด เช็ดถู ซักผ้า ทำอาหารให้คุณชาย"
"ทะ ทำอาหารด้วยหรือเจ้าคะ" มี่อิงเบิกตากว้างโต
"ใช่! ทำไมหรือ...เจ้าทำอาหารไม่เป็นอย่างนั้นหรือ" จวงมามาเขม่นตาดุดันถาม
"ปะ เปล่าเจ้าค่ะ ทำเป็นเจ้าค่ะ"
มี่อิงลอบถอนหายใจ ข้านึกว่าจะมีคนดูแลอาหารการกินให้คุณชายเสียอีก เรือนก็ออกจะใหญ่โตปานนี้ ยังดีนะที่ท่านย่าพร่ำสอนวิธีการดำรงชีวิตและเอาตัวรอดมาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่เช่นนั้น ข้าก็คงต้องตกม้าตายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มออกทัพเป็นแน่
"ดี! เป็นแล้วก็ดี เจ้าจงรู้เอาไว้ด้วยว่าคุณชายแพ้อาหารทุกชนิดที่ผสมถั่วเหลือง"
"เจ้าค่ะ"
"แล้วคุณชายไม่ชอบกินอาหารรสจัด เจ้าต้องกะความเผ็ดของอาหารให้ดี ห้ามเผ็ดมากเกินไป ห้ามเผ็ดน้อยเกินไป"
"เจ้าค่ะ"
"แล้วก็…."
ยังมีอีกหรือ?
"เวลาจัดเตรียมอาหาร เจ้าจงระวังให้ดี หลังจากทานอาหารมื้อหลักแล้ว เจ้าอย่าลืมต้มชาผสมขิงแก่ให้คุณชายท่านดื่มด้วยล่ะ"
"เจ้าค่ะ"
"ตอนนี้เจ้าก็เข้าครัวไปเตรียมอาหารให้คุณชายได้แล้ว พอถึงยามสาย เจ้าก็เข้าไปดูแลคุณชายในเรือนเสีย"
"เจ้าค่ะจวงมามา" มี่อิงก้มศีรษะรับคำอย่างนอบน้อม ก่อนจะเงยหน้าฉีกยิ้มถามด้วยแววตาใสซื่อ "ว่าแต่...โรงครัวไปทางไหนหรือเจ้าคะ? "
.
.
.
พอแสงอาทิตย์เริ่มเจิดจ้า ก็ถึงเวลายกอาหารไปให้คุณชายโจวที่เรือนจ้วนสือ มี่อิงและบ่าวรับใช้อีกสองสามคนเดินถือสำรับอาหารที่มีอาหารหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัดเต้าหู้มาโฝ ไก่ผัดกงเป่าและน้ำซุปผักกาดขาว ทุกอย่างล้วนผ่านการกลั่นกรองความคิดมาแล้วทั้งสิ้นว่าไม่มีถั่วเหลือง รสชาติอาหารอร่อยไม่เผ็ดจนเกินไปและยังทานง่ายอีกด้วย
เฟิ่งเจี๋ยนั่งทับส้นเท้าอยู่บนพื้นไม้ขัดเงาแวววาวด้วยท่าทางสุขุม กะพริบม่านตาเนิบช้า เพ่งมองไปยังจุดจุดหนึ่งของมุมห้องด้วยใบหน้านิ่งเฉยไม่ไหวติงราวกับก้อนหิน
“อาหารพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” มี่อิงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะยกสำรับอาหารวางลงบนโต๊ะไม้เตี้ย
“ไหนล่ะ...ชาร้อนของข้า” เฟิ่งเจี๋ยเอ่ยถามเสียงแข็ง
“ชาร้อนหรือเจ้าคะ…” มี่อิงเอ่ยด้วยใบหน้าฉงน
“ไฉนเจ้าถึงไม่ยกชาร้อนมาให้ข้า!!!” เฟิ่งเจี๋ยตวาดเสียงลั่นก้องไปทั่วทั้งเรือน
มี่อิงสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ถึงแม้ดวงตาที่นิ่งเฉยไร้ความรู้สึกของเฟิ่งเจี๋ยจะไม่อาจคาดเดาได้ ทว่าน้ำเสียงของเขาช่างมีอานุภาพแข็งกล้า ทำเอามี่อิงหัวใจหล่นตุ๊บลงไปอยู่ที่พื้น
นางหันไปมองสาวใช้ที่เหลืออีกสองคนด้วยแววตาวิงวอนขอความช่วยเหลือ แต่สาวใช้เหล่านั้นกลับพากันส่ายศริษะ ทำหน้าสลด ไม่อาจให้ความช่วยเหลืออันใดได้
มี่อิงรวบรวมสติ เอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ “ชาร้อนกำลังต้มอยู่เจ้าค่ะ มี่อิงจะไปนำมาให้คุณชายเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้าคะ”
เอ่ยจบ นางก็รีบลุกพรวด ก้าวฉับเดินออกมาจากเรือนและมุ่งหน้าตรงไปยังโรงครัวเร็วไวโดยไม่ฟังคำเอ่ยใดจากปากของคุณชายโจวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อไปถึงที่โรงครัว นางก็รีบคว้าเอากาน้ำร้อนมาตั้งไฟบนเตาถ่าน เติมน้ำ ใส่ใบชาและขิงแก่ตามลงไป ก่อนที่บ่นพึมพำถึงคุณชายโจวเสียงค่อย “ไหนบอกว่าคุณชายดื่มชาหลังอาหารยังไงล่ะ! ไฉนถึงเป็นแบบนี้ไปได้"
ไอร้อนจากน้ำชาที่พึ่งเริ่มต้มค่อย ๆ พวยพุ่งขึ้นมาจากรูระบายกาต้มน้ำ ทำให้เกิดควันขาวขมุกขมัวเต็มไปหมด นางพยายามอดทนรอน้ำชาเดือดอย่างใจเย็นตรงข้ามกับจิตใจนางที่กำลังรุ่มร้อน
"เพราะคุณชายอารมณ์ไม่คงที่นะสิ" สาวรับใช้นางหนึ่งโพล่งเอ่ยขึ้น
มี่อิงหันมองที่สาวใช้ผู้นั้นและเอ่ยถามด้วยความสงสัย "เจ้าหมายความว่าอย่างไร คุณชายโจวเดี๋ยวก็อารมณ์ดี เดี๋ยวก็อารมณ์ร้ายอย่างนั้นน่ะหรือ"
"ใช่! เพราะอย่างนี้ยังไงล่ะ...ถึงไม่มีผู้ใดเอาใจคุณชายได้" บ่าวสาวตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
"แล้วเจ้าคือใคร มีนามว่าอะไร เจ้าทำงานอยู่ในครัวหรือ"
"เซี่ยวเซี่ยว" หญิงสาวตอบเสียงห้วนสั้น "แต่ข้าคงไม่ต้องถามชื่อแซ่เจ้า เพราะเจ้าคงอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน"
นางผู้นี้กำลังจะบอกว่าข้าทำงานที่นี่ไม่นานหรือว่าไปปรโลกกันแน่?
แต่ใครจะสนล่ะ!
"เอาเถอะ! ...แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน" มี่อิงเอ่ยเรียบ ๆ ไม่แยแส ก่อนที่จะใช้มือยกเอากาน้ำชาลงจากเตาถ่านอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็เทน้ำชาลงบนถ้วยแก้วและยกไปให้คุณชายโจวที่เรือนพักอีกครั้ง
ในเรือนจ้วนสือ
เพล้งงงง!!!!
เสียงก้องกังวานใสของถ้วยแก้วกระเบื้องที่ถูกกระแทกลงบนพื้นจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ดังขึ้นไปพร้อม ๆ กับเสียงตะคอกเข้มดุที่ดังตามมาอีกระลอก "เจ้าเอาชาอะไรมาให้ข้า! "
"ชะ ชาร้อนผสมขิงยังไงล่ะเจ้าคะ" มี่อิงตอบเสียงสั่นเครือ
"แต่นี่มันไม่ใช่ชาที่ข้าเคยกิน"
จะไม่ใช่ได้อย่างไรกัน? ก็ในเมื่อข้าจับขิงใส่ลงไปในกาน้ำเองกับมือ
เอ่ยจบ เฟิ่งเจี๋ยก็ใช้มือจับตะเกียบคีบหนีบอาหารในสำรับขึ้นมาชิมลิ้มรส แต่ยังไม่ทันได้รู้ถึงแก่นแท้ของรสชาติอาหาร เขาก็คายมันออกมาพลางเอ่ยต่อว่าเสียงดังลั่น "แล้วเจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน คิดจะฆ่าข้าเลยอย่างนั้นหรือ"
สวรรค์! คุณชายผู้นี้พูดเกินจริงไปหรือไม่ อาหารข้าไม่ได้วางยาพิษเอาไว้เสียหน่อย
ถึงมี่อิงจะคิดอย่างนั้น แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงกลับทำได้เพียงแค่กล่าวคำขอโทษออกมาเพียงเท่านั้น จะทำอย่างไรได้ล่ะ! ก็ข้าเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้ หากเป็นคนทั่วไปแล้วละก็...ข้าคงจะคีบอาหารยัดปากคุณชายผู้นี้ให้หมดไปแล้ว "มี่อิงขออภัยเจ้าค่ะ"
"ออกไป!! วันนี้ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า" เฟิ่งเจี๋ยตะคอกเสียงเย็น
"เจ้าค่ะ" มี่อิงหลุบตาลงด้วยใบหน้าสลด ในใจรู้สึกท้อแท้สุดประมาณ ทว่าในใจยังคงไม่ลดละความพยายาม