ยามเว่ย แสงแดดยังคงเจิดจ้า ในขณะที่ท้องฟ้าสีขาวกระจายความร้อนระอุไปทั่วทุกอณู ทว่ากลับมีผู้คนมากมายเดินออกมาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดตะวันออกกันอย่างครื้นเครง
เสี่ยวเผิงพามี่อิงเดินไปรอบ ๆ ตลาดอย่างคุ้นชินเส้นทาง จนมาหยุดที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีสองชั้น ตัวร้านกว้างขวางใหญ่โต มีโคมสีแดงชาดแขวนตระหง่านอยู่หน้าร้าน สะดุดตายิ่ง ด้านในเป็นโรงแรมพักชั่วคราว ด้านหน้าเป็นร้านอาหาร
มี่อิงช้อนสายตามองดูโรงเตี๊ยมที่อยู่ตรงหน้า ตาไม่กระพริบ มองที่ป้ายร้านและอ่านชื่อร้านเสียงดังออกมา "โรงเตี๊ยมซื่อจี้ซิงหลง"
"ใช่! โรงเตี๊ยมซื่อจี้ซิงหลง เจ้าเคยมากับข้าที่นี่...เจ้าจำได้หรือไม่" เสี่ยวเผิงเอ่ยด้วยแววตาคาดหวัง
มี่อิงขมวดคิ้วผูกแน่น ทำท่าทางครุ่นคิด "ชื่อดูคุ้นนัก แต่ไฉนข้าถึงจำไม่ได้ว่าเคยมาที่นี่"
"เจ้าจะจำได้อย่างไรเล่า ก็ตอนนั้นโรงเตี๊ยมแห่งนี้ยังเป็นโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ มีลูกค้าอยู่เพียงคนสองคนได้กระมัง ยามนี้เถ้าแก่กิจการรุ่งเรือง มิหนำซ้ำยังขยายโรงเตี๊ยมให้ใหญ่เสียจนจำแทบไม่ได้"
คำพูดของเสี่ยวเผิงทำให้มี่อิงนึกภาพในใจออก หว่างคิ้วที่พันกันแน่น ก็คลายออกเหมือนดั่งแก้ไขปริศนาได้ "ข้าจำได้แล้ว…แต่ว่าเราจะกินอาหารที่นี่จริง ๆ หรือ ร้านใหญ่ขึ้น ราคาจะแพงขึ้นด้วยหรือไม่"
เสี่ยวเผิงส่ายศีรษะ "ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก ถึงแม้ร้านจะใหญ่ขึ้น แต่ราคายังจับต้องได้เหมือนเดิม เราเข้าไปกันเถิด ท้องข้าร้องไม่หยุดแล้ว"
มี่อิงพยักหน้าพลางยิ้มตอบ ก่อนที่จะเดินตามเสี่ยวเผิงเข้าไปในโรงเตี๊ยม
เสี่ยวเอ้อร์เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าคนใหม่เข้ามาในร้าน เขาก็รีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาโดยไว “วันนี้แม่นางมากันเพียงสองท่านใช่หรือไม่”
เสี่ยวเผิงตอบใช่ เสี่ยวเอ้อร์จึงนำทางพวกนางขึ้นบันไดไปที่โต๊ะอาหารชั้นสองที่ว่างอยู่และผายมือเชิญให้นั่ง
"แม่นางทั้งสอง…วันนี้ท่านจะทานอะไรดี" เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"เจ้าอยากกินอะไรมี่อิง วันนี้ข้าจะเลี้ยงเจ้าเอง"
"จริงหรือ...ไฉนเจ้าช่างดีกับข้านัก”
มี่อิงกลอกตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันไปถามกับเสี่ยวเอ้อร์ “ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้อะไรอร่อยหรือ”
“สุราเลิศรส น้ำชาและขนมหวานจากแดนใต้ หรือจะเป็นซาลาเปานึ่งก็นุ่มละมุนลิ้นหอมอร่อยนัก” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยแนะนำรายการอาหารด้วยน้ำเสียงชัดเจน น่าฟังและคล่องแคล่ว
มี่อิงกะพริบตาสีดำขลับปริบ ๆ แววตาเป็นประกายแฝงความหนักอึ้งอยู่ในนั้น “เสี่ยวเผิง...หากให้ข้าสั่งคงไม่พ้นซาลาเปาเป็นแน่”
"ก็ได้ ๆ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้เจ้าเอง" เอ่ยจบ เสี่ยวเผิงก็พลันหันหน้าไปสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อร์ "เสี่ยวเอ้อร์...ข้าขอเป็นบะหมี่สองชามกับน้ำชาขึ้นชื่อของที่นี่ก็แล้วกัน"
เสี่ยวเอ้อร์พยักหน้ายิ้มแย้มรับคำสั่ง ก่อนที่จะหันกายเดินลงบันไดไม้มุ่งหน้าไปที่โรงครัว
“มี่อิง...เจ้ายังกังวลใจอยู่หรือไม่”
มี่อิงพยักหน้าช้า ๆ นัยน์ตาโศกและริมฝีปากบางโค้งลง ทำท่าทางเหมือนจะร่ำไห้
“ข้าเข้าใจว่าลึก ๆ แล้วเจ้าทุกข์ใจไม่น้อย แต่เชื่อข้าเถิด...เจ้าเป็นคนดี สวรรค์จะต้องมอบสิ่งดี ๆ มาให้เจ้าเป็นแน่” เสี่ยวเผิงพยายามเอ่ยปลอบประโลม
มี่อิงถอนหายใจเฮือกยาว เอ่ยเสียงเฉียบ "ข้าเป็นนักต้มตุ๋น"
".........."
เสี่ยวเผิงยกมือขึ้นป้องปากกระแอมไอในลำคอ มีท่าทีเก้ๆ กัง ๆ ไปต่อไม่ถูก "นะ นั่นแหละๆ เจ้าก็ไม่ได้ตั้งใจเป็นไม่ใช่หรือ"
“ก็ใช่น่ะสิ! แต่ช่างเถิด ว่าแต่…หลังจากนี้เจ้าจะทำอะไรในระหว่างรอคุณหญิงเจ้ากลับมางั้นหรือ"
“ข้าคงจะไปรับจ้างอยู่ในร้านขายผ้าอวิ๋นหยางน่ะ”
เอ่ยจบ มี่อิงก็เข้าใจในทันทีว่าเหตุใด เสี่ยวเผิงถึงอยากไปทำงานในร้านขายผ้าอวิ๋นหยางเช่นนั้น ความชื่นชอบ ความรักสวยรักงาม รสนิยมในการแต่งกายของเสี่ยวเผิง คือคำตอบของทั้งสิ้น
“ข้าเดาว่าเจ้าจะไปเรียนรู้วิชาเพื่อเอามาเปิดร้านขายผ้าเองใช่หรือไม่”
“เจ้ายังรู้ใจข้าเหมือนเดิม” เสี่ยวเผิงยิ้มตอบ พลางเอ่ยต่อ “แล้วเจ้าล่ะมี่อิง...หลังจากนี้เจ้าจะทำอะไร”
"ข้า...ข้าไม่รู้ คงไปหางานรับจ้างทั่วไปกระมัง"
“เหตุใดเจ้าไม่ลองนึกดูว่าเจ้ามีพรสวรรค์ด้านใดบ้างล่ะ”
พรสวรรค์หรือ…?
มี่อิงเม้มปากขบคิดในใจอยู่ครู่ใหญ่ แต่ยามนี้คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก จะบอกว่าดูดวงเก่งก็กระไรอยู่ เพราะที่ผ่านมาล้วนก็อาศัยความรู้สึกนึกคิดไปเองเสียส่วนใหญ่
เมื่อเห็นว่ามี่อิงนิ่งเงียบไป เสี่ยวเผิงจึงเอ่ยต่อ "ก่อนหน้านี้เจ้าทำอะไรมาบ้างล่ะ...เผื่อข้าจะช่วยเจ้าหางานที่เหมาะกับเจ้าให้ได้"
"ขอทาน เก็บของป่า โจรมือไว แล้วก็...นักต้มตุ๋น"
เสี่ยวเผิงเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย มีสีหน้าฝืดเฝื่อน "เอ่อ...งานดี ๆ ทั้งนั้นเลย"
"เสี่ยวเผิง...เจ้าประชดข้าหรือ! "
"ขะ ข้าเปล่าเสียหน่อย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ นักแสดงคณะละครล่ะ เป็นอย่างไร? ข้าว่าดูเหมาะกับเจ้าดี เจ้าเคยเป็นนักต้มตุ๋นแสดงเป็นหมอดูหยั่งรู้ไม่ใช่หรือ งานนี้เจ้าจะต้องรุ่งโรจน์แน่ ๆ "
"ไม่ดีกว่า ไปแสดงให้คนดูเยอะ ๆ แบบนั้นมีหวังข้าต้องตื่นเต้นจนเป็นลมไปเป็นแน่"
"เช่นนั้น...กายกรรมล่ะ เจ้ามีวิชาย่องเบา เป็นโจรมือไวมาก่อน ตัวของเจ้าคงจะเบาเป็นปุยนุ่นเลยใช่หรือไม่"
"เสี่ยวเผิง...แค่ปีนต้นไม้ ข้ายังตกลงมาแล้วเลย นับประสาอะไรกับการปีนป่ายกายกรรมกันเล่า"
ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ สายตาอันแหลมคมของมี่อิงก็พลันเหลือบไปเห็นสตรีหน้ายาวนางหนึ่งกำลังขยับปากเอ่ยอะไรบางอย่าง พลางโบกไม้โบกมือมาทางโต๊ะที่นางนั่งอยู่
"เสี่ยวเผิงๆ เจ้ารู้จักสตรีผู้นั้นหรือไม่" มี่อิงเอ่ยพลางใช้มือสะกิดไปที่แขนของเสี่ยวเผิงเบา ๆ
เสี่ยวเผิงหันหน้าไปมอง กะพริบตาอยู่สองสามครั้ง ก็จำได้ว่าสตรีผู้นั้นคือ จิวฝู เป็นสหายที่นางเคยทำงานด้วย จึงยกมือขึ้นกวักเรียกให้หญิงหน้ายาวผู้นั้นมาหาที่โต๊ะ "จิวฝู…มาหาข้าที่โต๊ะสิ"
เพียงไม่นาน จิวฝูก็เดินมาหาที่โต๊ะของพวกนางและถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ทันที
"เสี่ยวเผิง...ไม่ได้เจอเจ้าตั้งนาน เจ้าสบายดีหรือไม่" จิวฝูเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้น
"ข้าสบายดี แล้วเจ้าล่ะ! เป็นอย่างไรบ้าง...เห็นการแต่งกายของเจ้ายามนี้แล้ว คงมีเงินทองสุขสบายแล้วใช่หรือไม่"
เสี่ยวเผิงไม่พลาดที่จะใช้สายตาอันเฉียบแหลมวิเคราะห์การแต่งกายของสหายเก่า
จิวฝู ในยามนี้แตกต่างจากแต่ก่อนอยู่พอสมควร เรือนกายของนางสวมเสื้อผ้าฤดูร้อนตัวใหม่เอี่ยมสีชมพูประกายส้ม ทำทรงผมมวยโบตั๋นสามห่วง ประดับประดาด้วยเครื่องเงินและไข่มุกสีขาว ที่มองปราดเดียวก็รู้ถึงฐานะการเงินของนางในยามนี้แล้ว
"ก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมายหรอกเสี่ยวเผิง" จิวฝูก้มศีรษะ คลี่ยิ้มอย่างมีจริต
"เจ้าทำงานอะไรอย่างนั้นหรือ หากข้าถามจะเสียมารยาทหรือไม่" มี่อิงยิ้มถามด้วยมิตรไมตรี
แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงการยื่นไมตรีแค่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
จิวฝูยิ้มแห้ง ๆ ช้อนหน้าขึ้นตอบแบบเลี่ยง ๆ "เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ เป็นสาวใช้เหมือนเสี่ยวเผิงหรือ"
"ข้า..จางมี่อิง ข้าไม่ได้เป็นสาวรับใช้หรอก หากจะบอกตามตรง ข้ายังไม่มีงานทำน่ะ"
จิวฝูถือวิสาสะกระชากผ้าที่ปิดดวงหน้าของมี่อิงออก เพ่งมองอย่างตั้งอกตั้งใจ
"เจ้าทำอะไรน่ะ! " มี่อิงเบิกตากว้างตกใจที่นางทำเช่นนั้น ก่อนที่จะใช้มือดึงผ้าผืนนั้นกลับมาผูกที่ใบหน้าดังเดิม
"จริง ๆ แล้วเจ้าก็หน้าตางดงามไม่น้อย หากแต่งเติมเสียหน่อยจะต้องงามกว่านี้เป็นแน่ ...เจ้าอยากจะไปทำงานกับข้าหรือไม่ล่ะ" จิวฝูเอ่ยข้อเสนอ
"ดะ เดี๋ยวก่อนจิวฝู" เสี่ยวเผิงโพล่งขัดขึ้น "สหายข้าขี้อาย นางคงไม่เหมาะกระมัง"
มี่อิงไม่เข้าใจที่ทั้งสองพูดคุยกัน นางได้แต่พยักหน้านิด ๆ และไม่เอ่ยอะไร
"งั้นหรือ...เช่นนั้น เจ้าไม่ลองพานางไปเป็นสาวใช้ที่คฤหาสน์สกุลโจวล่ะ"
"สกุลโจวหรือ” เสี่ยวเผิงเอ่ยย้ำพลางคิดตาม
“ใช่! ข้าได้ยินมาว่ายามนี้สกุลโจวประกาศหาบ่าวรับใช้ ตระกูลร่ำรวยเช่นนี้ หากไม่ติดว่าข้ามีงานที่ดีแล้วละก็...ข้าคงเข้าไปทำเองแล้ว”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ! เจ้าสนใจเป็นสาวใช้หรือไม่” เสี่ยวเผิงหันหน้าไปถามความเห็นของมี่อิง
มี่อิงครุ่นคิดในใจ ยามนี้คงไม่มีทางเลือกสำหรับชีวิตมากมายนัก นางกับย่าของนางคงไม่อาจพึ่งพาเสี่ยวเผิงได้ตลอด อีกอย่าง...เป็นสาวใช้สกุลใหญ่โต ก็คงได้เบี้ยมาประทังชีวิตไม่น้อย
“ข้าว่าก็น่าสนใจดี” มี่อิงยิ้มตอบ
“ลองดูก็แล้วกัน...หากไม่ได้เป็นสาวใช้ที่นั่น เจ้าก็มาทำงานกับข้า”
เอ่ยจบ เสี่ยวเอ้อร์ก็นำบะหมี่ยกมาให้ที่โต๊ะของพวกนางพอดี พลางเอ่ย “มาแล้วๆ บะหมี่อร่อยๆ สองชามให้แม่นางสองที่”
“ขอบคุณเสี่ยวเอ้อร์” มี่อิงกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางยิ้มแย้ม
“เช่นนั้น...ข้าขอตัวก่อน วันนี้ข้ามากับคุณชายใหญ่สกุลลั่ว เดี๋ยวคุณชายจะสงสัยว่าข้าหายไปไหนนาน”
มี่อิงและเสี่ยวเผิงผงกศีรษะ ยิ้มเบา ๆ ตอบรับ
จิวฝูค่อย ๆ ลุกขึ้นด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารของนาง
เมื่อจิวฝูถึงที่โต๊ะแล้ว มี่อิงก็เอ่ยถามขึ้นเพื่อไขข้อข้องใจ “เสี่ยวเผิง...สหายเจ้าผู้นี้ ทำอาชีพอันใดหรือ เหตุใดถึงดูร่ำรวยนัก แล้วนางจะพาข้าไปทำงานอะไร ที่ไหน หากได้เงินทองเยอะ ข้าอยากจะไปทำบ้าง”
“มี่อิง...เจ้าจะไปทำได้อย่างไร ย่าของเจ้าต้องฆ่าข้าตายแน่ ๆ ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เสี่ยวเผิงโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูของมี่อิงเสียงแผ่วเบา “จิวฝูเป็นนางคณิกาในหอนางโลมน่ะสิ”
มี่อิงเผยอปากขึ้นเล็กน้อย มีสีหน้าตกตะลึง “จริงหรือ...นางไม่เห็นเหมือนเลยสักนิด”
“เจ้าจะไปรู้อะไร เมื่อก่อนนางก็เคยเป็นสาวใช้เหมือนกับข้า แต่วันหนึ่งนางเกิดไปหลงรักกับชายหนุ่มผู้มั่งคั่ง นางน้อยเนื้อต่ำใจที่เบี้ยจากการเป็นสาวใช้ไม่ทำให้นางกลายเป็นคนร่ำรวยได้ นางจึงตัดสินใจมาเป็นคณิกาสาว ไม่ว่าอย่างไร ทางเลือกนี้ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำเป็นแน่”
“โธ่...เสี่ยวเผิง เจ้าว่าข้าจะทำงั้นหรือ ข้าสนใจที่นางแนะนำเสียมากกว่า”
“งานสาวรับใช้ที่จวนสกุลโจวน่ะหรือ”
“ใช่! ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสกุลโจวมา สกุลนี้มีชื่อเสียงและเป็นตระกูลเก่าแก่ เจ้าว่าข้าเป็นสาวรับใช้เหมือนเจ้าได้หรือไม่”
“เจ้าเป็นคนมีความสามารถ ไม่ว่างานไหนเจ้าก็ทำได้ทั้งสิ้น อีกอย่างสกุลโจวให้เบี้ยตอบแทนค่อนข้างสูง ข้าว่าหากเจ้าได้เข้าไปทำงานที่นั่นแล้วเก็บหอมรอมริดดี ๆ สามารถเอาเงินทองมาตั้งตัวได้เลยล่ะ"
"จริงหรือ...ข้าสนใจๆ " มี่อิงเอ่ยด้วยแววตาเป็นประกายแวววับ พอได้ยินถึงคำว่าเบี้ยตอบแทนสูง นางก็รู้สึกมีประกายแสงแห่งความหวังปรากฏขึ้นในใจอีกครั้ง
"เช่นนั้น เจ้าเตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน วันพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปสมัครเป็นสาวรับใช้ที่สกุลโจว"
มี่อิงตอบอื้มและพยักหน้าด้วยความดีใจ