BELOVED 10
โมโหจนไม่รู้จะโมโหยังไงที่ฉันกลับไม่รู้ว่าแฟนตัวเองมีคู่หมั้นแล้ว
นี่ฉันเป็นชู้คนอื่นโดยที่ไม่รู้ตัวงั้นเหรอ โมโหไม่เท่ายัยเด็กผีนั่นมันบอกว่าชื่อฉันเหมือนหมา!! ยัยบ้า ชื่อเหมือนขนมก็ได้มั้ง เห็นหน้าแล้วไม่ถูกชะตา อยาก จะยกฝ่าเท้าลูบหน้าดูสักทีสองที
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกกี้ ดูทำหน้าเข้า”
“รู้เหรอว่าฉันคิดอะไร รีบๆขับไปถึงห้องค่อยคุยกัน”
“ฉันมีพ่อแม่เป็นพยาน เรื่องมันมีที่มาที่ไป”
แต่ฉันสังเกตดูสโนว์ก็ไม่ได้ว่าแคร์ยัยเด็กนั่นอะไรนะ ไม่งั้นคงไม่กล้าบอกหรอกว่ามีฉันเป็นแฟน เด็กนั่นก็มั่นหน้ามั่นโหนกเหลือเกินจนฉันหมั่นไส้
ก็คอยดูสิถ้าสโนว์เลือกฉันหล่อนก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เอง ฉันว่าเรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่ๆ สงสัยใคร่รู้จนแทบจะอดทนรอไม่ไหว
ตอนนี้เรามาอยู่ที่ห้องฉัน เราพากันมานั่งอยู่ที่โซฟา ฉันพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงและพร้อมจะรับฟังในทุกๆเรื่องที่สโนว์กำลังจะบอก ไม่อยากหนีปัญหาแบบไม่ฟังอะไรเหมือนตอนเรื่องสปาเก็ตตี้นั่น ฉันว่ามีอะไรต้องคุยกันเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา
“ไหนว่ามาสิ อยากอธิบายอะไรก็ว่ามาฉันรอฟังอยู่”
“คืออย่างนี้ เรื่องหมั้นนี่มันเป็นสัญญาตั้งแต่สมัยปู่ฉันน่ะ ปู่ฉันกับ
ปู่ไอซ์สัญญากันว่าถ้ามีหลานคู่ชายหญิงจะเอามาดองกันเพื่อเชื่อมสองตระกูลเราไว้ ปู่ไอซ์ช่วยชีวิตปู่ฉันจนต้องพิการอะปู่ฉันเลยดูแลครอบครัวนั้นมาตลอดเพราะเป็นหนี้บุญคุณ”
“แล้วทำไมถึงเป็นนาย ไม่เป็นพี่เรนหรอกเหรอ?”
“ก็ไอซ์เลือกฉันไง บอกว่าชอบฉันก็เลยกลายมาเป็นฉันที่ต้องเป็นคู่หมั้นตามสัญญาของปู่ ไม่ใช่ว่าชอบอะไรไอซ์นะฉันก็ปฏิเสธแล้วแต่ไอซ์ขี้โรคเกินไป พอปฏิเสธก็ร้องไห้จนล้ม บางทีก็เครียดจนเข้าโรงพยาบาล ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ทำดีด้วย”
“ดูเกิดมามีกรรมจังนะยัยเด็กนั่น สรุปคือโดนคลุมถุงชน?”
“ก็อะไรประมาณนั้นแหละ ทุกวันนี้ครอบครัวเราก็ไม่ได้ดูแลอะไรกันแล้วนะตั้งแต่คุณปู่เสีย ต่างฝ่ายต่างมีฐานะหน้าที่การงานเป็นของตัวเองไม่ต้องรับความช่วยเหลือของกันอีกแล้ว”
“พ่อแม่นายคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้”
“ก็ไม่ได้ชอบไอซ์นะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวฉันมากกว่าว่าจะเอายังไงกับชีวิต ที่แน่ๆฉันไม่หมั้นกับไอซ์แน่ๆเพราะฉันไม่ได้รักน้องเขา
คนหนึ่งอยากหมั้นอีกคนไม่ยอมหมั้นมันก็จบมั้ง”
“นายคบฉันไว้กันคู่หมั้นหรือเปล่า?”
“เอ่อ..คือ...ทีแรกก็ใช่แหละแต่ตอนนี้ฉันชอบเธอจริงๆนะเว้ย”
“ฉันก็ชอบนายและคิดว่าเรากำลังพัฒนากันไปในทางที่ดีขึ้นทุกวัน พอมีมารมาขัดเลยคิดจะแผ่เมตตาให้สักหน่อย ตกลงนี่นายเลือกฉันใช่ไหม
ขอได้ยินให้ชัดๆอีกสักรอบ”
“อืม ฉันเลือกเธอ โคตรชอบเธอเลยและคิดว่าอีกไม่นานต้องรักเธอแน่ๆ ยังยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะไม่หมั้นกับไอซ์”
สโนว์เอนหน้ามาซบกับไหล่ฉันเป็นเชิงอ้อน ว่าไปฉันจะบาปไหมเนี่ย มันเหมือนกับการที่แย่งคนรักของใครหรือเปล่านะ แต่ฉันกับสโนว์เราก็คบกันมาด้วยดี สโนว์ไม่ได้คิดอะไรกับยัยเด็กนั่น ทุกอย่างมันเป็นการคลุมถุงชนไม่ได้เกิดจากการเต็มใจของทั้งสองฝ่ายเพราะฉะนั้นฉันไม่ผิด ไม่ได้พรากคนรักจากอกใครทั้งนั้น
“ฉันจะจัดการกับคู่หมั้นนายยังไงดี หมั่นไส้อยู่เหมือนกัน ว่าแต่นายให้สิทธิฉันจัดการได้แค่ไหนกัน แตะต้องได้รึเปล่าคู่หมั้นนายน่ะ”
“เต็มที่เลย แต่อย่าถึงขั้นลงไม้ลงมือให้ต้องเลือดตกยางออกก็พอ ไอซ์เป็นเด็กขี้โรค อะไรนิดหน่อยก็เข้าแต่โรงพยาบาล”
“ฉันไม่ทำรุนแรงหรอกถ้าไม่โดนกระทำก่อน ถ้าเราไม่เลิกกันซะก่อน ยัยเด็กไอซ์นั่นก็คงถอยเองแหละมั้ง”
“ดีใจนะที่เธอเข้าใจฉัน เธอแม่งชอบทำให้ฉันหลงอยู่เรื่อยเลย”
หน้าหล่อโน้มมาหอมซอกคอฉันอย่างอ้อยอิ่งซึ่งฉันก็เอียงคอให้เขาหอมดีๆนั่นแหละ ชอบนะไม่ใช่ไม่ชอบกับสัมผัสต่างๆที่สโนว์ทำกับร่างกายฉันแต่มันยังไม่ถึงขั้นพลีกายให้เขามีเซ็กส์ด้วย
“โอ๊ะ กัดคอฉันอีกแล้วนะ!”
“มันหมั่นเขี้ยวอะ”
ถ้าวันใดวันหนึ่งเรามีเซ็กส์กันฉันว่าสโนว์ต้องมีรสนิยมซาดิสม์อยู่บ้างล่ะ ชอบมากัดมางับตามเนื้อตัวของฉันอยู่เรื่อย ถ้ามีเซ็กส์กันหวังว่าจะไม่กัด
หูฉันขาดนะ บ้าจริง เป็นสาวเป็นนางคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง
ฉันไม่ใช่ผู้หญิงง่าย แต่ถ้าถูกใจก็ได้ไม่ยาก...
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้มากพอสมควรรวมถึงเพื่อนของเขาด้วย ทุกคนเป็นมิตรกับฉันหมด เราเข้ากันได้ดีจนเป็นแก๊งเดียวกันเลยก็ว่าได้ สโนว์ บอส ท็อป วิน เหมย ฉัน เหมือนเป็นแก๊งที่มีสี่
จตุรเทพบวกกับกล้วยหอมจอมซนอีกสองคน
Rrrrrrrr
“ครับพ่อ อ้าว อะไรวะโทรมาพูดไม่กี่คำก็วางเลยพ่อนะพ่อ”
“มีอะไรเหรอสโนว์”
“พ่อบอกว่าพี่เรนกลับมาถึงคืนนี้ พรุ่งนี้ให้พาเธอไปที่บ้านด้วย”
“พี่เรนเหรอ? ไม่ได้เจอกันนานต้องหล่อมากแน่ๆอะ”
“กระดี๊กระด๊าให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ แฟนเธอยืนอยู่นี่!”
พี่เรนน่ะมีเค้าโครงหล่อมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันเล่นกับพี่เรนบ่อยเลยสนิทกับพี่เรน ส่วนสโนว์ฉันรู้นะว่าพี่เรนมีน้องชายแต่ฉันจำไม่ค่อยได้ว่าเคยเล่นกับสโนว์หรือเปล่า เวลาไปบ้านอาปกรณ์แต่ละทีก็จะเจอแต่พี่เรนพอฉันถามหาน้องเขาก็ตอบว่าอยู่ในห้อง คือไปกี่ทีเท่าที่จำได้สโนว์ก็อยู่แต่ในห้องไม่ออกมาเล่นข้างนอกเลย ฉันเลยไร้ความทรงจำสมัยเด็กกับสโนว์ไปโดยปริยาย เหมือนรู้ว่ามีตัวตนอยู่แต่ไม่เคยได้เจอกันมั้ง
“พรุ่งนี้จะเข้าไปกี่โมงล่ะ”
“สายๆเที่ยงๆแหละ แต่คืนนี้ขอนอนห้องเธอนะง่วงมากเลย”
“เดี๋ยวก่อน จะมาหลอกปล้ำฉันใช่ไหมเนี่ย”
“ถ้าฉันคิดจะทำเธอคงไม่รอดมาถึงทุกวันนี้หรอกกี้ เธอก็ไม่ใช่
ไม่น่าเอา มันน่าเอาจนฉันข่มอารมณ์ตัวเองตลอดนั่นแหละ คืนนี้ขอนอนกอดนะสัญญาว่าจะไม่เกินเลยถ้าเธอไม่ยอม โอเค้”
“เอ่อ งั้นก็ได้ แต่ตอนนี้นายไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวฉันไปเอาชุดนอนที่ห้องนายให้ หรือจะกลับไปอาบที่ห้อง?”
“อาบที่นี่แหละ”
ไม่ใช่ว่าฉันกลัวโดนสโนว์ปล้ำอย่างเดียวนะ ฉันก็กลัวตัวเองจะปล้ำ
สโนว์เหมือนกัน แพ้ผู้ชายผิวขาวๆหน้าสวยๆแบบนี้ ชอบทำท่าทางกวนประสาทน่ารักๆแบบนี้ แต่ถึงจะหน้าสวยก็เถอะพอได้รู้จักนิสัยกลับเป็น
คนแมนๆแถมยังทะลึ่งมากๆซึ่งฉันเองก็เป็นผู้หญิงทะลึ่งเหมือนกัน
ฉันเลือกชุดนอนสีเทามาให้สโนว์ หลังจากเราคบกันเป็นแฟนจริงๆจังๆก็ได้ทำการเพิ่มลายนิ้วมือเพื่อสแกนเข้าห้องของกันและกัน ฉันเข้ามาในห้องสโนว์ได้ตลอดเวลาเหมือนกับที่สโนว์เข้าห้องฉันเมื่อไรก็ได้
“สโนว์ ฉันเอาชุดนอนพาดไว้ข้างนอกนะ”
“เอามาให้หน่อยสิ”
ร่างสูงแง้มประตูแล้วโผล่หน้ามาบอก ฉันเลยหยิบทั้งชุดนอนและผ้าเช็ดตัวยื่นไปให้แต่ไม่ทันที่จะยื่นไปสุดแขนประตูกลับเปิดออกซะก่อน ปราการที่บังร่างเปล่าเปลือยเปิดออกทำให้ไม่มีอะไรบดบังอีกเลย
“แท้แด่นนนนนนน”
“กรี๊ดดดดดด สโนว์ ไอ้บ้า!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ ดูเอาไว้สิจะได้ชินตา นี่ๆๆดูลูกชายฉันสิ”
อกอีแป้นจะแตก...
มือไม้อ่อนแรงลงกะทันหันพาให้ผ้าร่วงหล่นกองกับพื้น ร่างสมส่วนของสโนว์ที่เปลือยเปล่าสะท้อนอยู่เบื้องหน้า ผิวขาวอย่างคนสุขภาพดีมี
หยดน้ำเกาะอยู่ทั่วบริเวณ เส้นผมที่เปียกลู่ลงรับใบหน้าสวย หน้าอกกว้าง
สมส่วนตามแบบผู้ชายทั่วไป ซิกแพ็คเรียงตัวกันอย่างพอดี แล้ว...ขนดำขลับที่เปียกน้ำทำให้หูฉันอื้อเหมือนคนสติหลุด ท่อนเอ็นขนาดกำลังดีกำลังขยายตัวต่อหน้าต่อตาฉันอาจจะเป็นเพราะฉันยืนจ้องมันอยู่มันเลยสู้ฉันก็เป็นได้ ไม่ใช่ว่าอยากจะจ้องนักหนาแต่สติกับแข้งขามันพากันค่อยๆหายไปจากฉันทีละนิดๆ
“กี้!!!”
นี่คือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป...
SNOW TALK
ผมแค่จะแกล้งเธอเฉยๆไม่คิดว่าเธอจะเลือดกำเดาไหลแล้วเป็นลมล้มไปแบบนี้ ก็แค่อยากอ่อยเก็บแต้มเฉยๆหรอก ผมจัดการอุ้มคนตัวเล็กมานอนที่เตียงภายในห้องนอนโดยที่ตัวผมเองก็ยังไม่ได้เอาผ้าห่อตัวไว้สักชิ้น
เดินเป็นชีเปือยอยู่ในห้องนี่แหละตัวผมน่ะช่างมันก่อน จะเป็นห่วงก็แต่เธอที่เป็นลมนี่แหละ
เลือดกำเดาเธอไม่ได้ไหลออกมามากจนน่ากลัว ผมหาผ้าขนหนูมาพันเอวไว้ลวกๆแล้วเดินไปเอาน้ำแข็งในช่องฟรีซมาห่อผ้าจากนั้นก็นำมาโปะไว้ที่จมูกเพื่อให้เลือดแข็งตัวจะได้หยุดไหล
น่ารัก...
ใบหน้าที่ดูเหมือนเด็กกว่าวัยหลับสนิท ผมเกลี่ยปอยผมที่ปิดหน้าไปทัดหูให้เธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้มใช้จมูกสำรวจผิวแก้มเนียนอย่างเนิบนาบ ผมไล้จูบคนตัวเล็กเบาๆจนมาถึงริมฝีปากบางสวยได้รูป มันอดใจ
ไม่ไหวที่จะแค่แตะกันแล้วผ่านไปได้แต่พรมจูบกับกลีบปากสวยย้ำที่เดิมซ้ำๆโดยที่เธอไม่รู้ตัวถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะทำอยู่ดี
บางทีผมก็คิดอยากจะเปิดซิงกับเธอ…
ผมเป็นคนอ่อนโยนนะแต่สำหรับรสนิยมด้านเซ็กส์นั้นมันแตกต่างจากภายนอกที่ผมเป็นโดยสิ้นเชิง มันไม่ได้อ่อนโยนเหมือนที่เธอได้สัมผัสจากผมหรอก ขนาดแค่อยู่ใกล้ๆผมยังต้องกัดเธอเพื่อระบายอารมณ์เลยอะคิดดู กับแค่กัดมันยังนับไม่ได้กับรสนิยมที่ผมชอบหรอกนะ
ถึงเวลาก็จะรู้เอง..
ว่าคนอ่อนโยนคนนี้มันจะระห่ำเซ็กส์ได้แค่ไหนกัน...