ณ บริษัทอีแลนด์กรุ๊ป
บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศที่ใครๆต่างก็รู้จัก เพราะมีผู้บริหารสุดเนี๊ยบอย่าง ”ภารัณ” ผู้ที่ไม่เคยปล่อยให้การประมูลที่บริษัทตั้งเป้าหมายเอาไว้พลาดเป้าเลยสักครั้งนับตั้งแต่ที่เขารับตำแหน่งผู้บริหารมา ทำให้งานของเขาทุกอย่างต้องเป๊ะและห้ามมีคำว่าผิดพลาด เขาจึงถูกลูกน้องในบริษัทเรียกว่า “ยักษ์หน้านิ่ง” เพราะเขาไม่เคยยิ้มให้กับพนักงานคนไหนเลย นอกจากทำหน้านิ่งๆไม่สนใจอะไรเลย
“ทุกคน ยักษ์หน้านิ่งกลับมาแล้ว เตรียมตัวเร็วเข้า” พนักงานคนหนึ่งที่เจอภารัณด้านล่างตึก จึงรีบขึ้นมาบอกเพื่อนร่วมงานทุกคนให้เตรียมตัว
“ห้ะ คุณภามมา เห้ย เก็บของเร็วเข้าพวกเรา” พนักงานหลายๆคนเอ่ยออกมาอย่างตกใจที่เจ้านายหนุ่มกลับมาจากการไปดูงานที่ต่างประเทศแล้ว ทำให้เขาพวกเขาต้องรีบเก็บทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับงานลง ก่อนจะมาทำท่าเคร่งเครียดกับการทำงาน
“คุณวิ ยืนเอ๋ออะไรล่ะ ไปรอรับไอ้ภามมันสิครับ” ปรินทร์ลูกพี่ลูกน้องหนุ่มของภารัณซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารพูดกับเลขาของภารัณออกไป ก่อนจะรีบกลับไปทำงานในห้องทำงานของตัวเอง
“ค่ะๆ คุณปรินทร์ ไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” วิชุดาพูดออกไปแบบรนๆ ก่อนจะหยิบตารางนัดหมายของภารัณตามมาด้วย แล้วเธอก็เดินตรงไปที่หน้าลิฟต์ ก่อนที่จะตกใจที่เจ้านายของเธอเดินออกมาพอดี เธอก็รีบเข้าไปหาทันที
“คุณวิ คุณมาก็ดี โทรเรียกคุณเรวัตขึ้นมาพบผมหน่อย แล้วสั่งให้คุณปภพเตรียมงานเข้าประชุมด้วย ผมต้องการดูโครงการล่าสุดของเราที่กำลังมีปัญหาอยู่” ภารัณเอ่ยพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ พร้อมกับเดินมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของเขา หลังจากที่เขาไม่ได้มาทำงานเกือบสามอาทิตย์ เพราะไปดูงานที่ต่างประเทศมา
“ดะ ได้ค่ะคุณภาม วิจะจัดการให้ทันทีเลยค่ะ” วิชุดาพูดบอกไปก็รีบเดินตามเจ้านายหนุ่มไปทันที ก่อนที่จะหันไปส่งซิกกับพนักงานคนอื่นๆ ด้วยการเอามือปาดที่คอของตัวเองแบบเม้าท์ๆเจ้านายหนุ่ม ที่กลับมาปุ๊บก็สั่งงานปุ๊บปับ
“ตุ๊บ ขะ ขอโทษค่ะคุณภาม วิไม่ทันได้มอง คุณภามมีอะไรรึเปล่าคะ” วิชุดาเดินชนหลังของเจ้านายหนุ่ม แล้วก็รีบถอยออกมาขอโทษ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปเมื่ออยู่ๆภารัณก็หยุดเดินกระทัน แถมสายตาของเขายังกวาดไปทั่วโต๊ะพนักงานในแทบนี้
“กลิ่นอาหาร” ภารัณพูดบอกไปแค่นั้นก็เดินไปที่โต๊ะพนักงานอย่างตามกลิ่นที่เหม็นนี้ไป เพื่อหาต้นตอของคนที่ขัดคำสั่งของเขา
“คะ กลิ่น กลิ่นอาหารเหรอคะ” วิชุดาพูดตะกุตะกะออกไปก็มองเจ้านายหนุ่มเดินไปหาพนักงานคนหนึ่งแล้วคิดเลยว่าวันนี้เจอฤทธิ์ยักษ์หน้านิ่งแน่ๆ
“ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเอาอาหารมาทานในนี้ แล้วกลิ่นมันอบอวนขนาดนี้ ถ้ามีแขกมาที่บริษัทเขาจะคิดว่ายังไง เก็บของแล้วออกไปซะ คุณถูกไล่ออก” ภารัณพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนจะเดินออกไปในทันที จนพนักงานหนุ่มคนนั้นถึงกับทำหน้าเศร้าออกมา
“นี่ผมถูกไล่ออกจริงๆเหรอพี่” พนักงานหนุ่มพูดออกไปก่อนจะหันไปมองอาหารเจ้าปัญหาที่เป้นตัวการให้เขาถูกไล่ออกจากงานอย่างนี้
“เฮ้อ ก็ห้องทานอาหารมีนายไม่ไปทานที่นั่นล่ะ กฎก็บอกอยู่แล้วว่าอย่าทานอาหารในนี้ ทำใจนะสุดหล่อ คุณภามเขาเป็นยังไงนายก็รู้ นายยังกล้าเอาอาหารมาทานอีก ก็ยอมรับผลเถอะ ไปรับเงินกับฝ่ายบุคคลก็แล้วกันนะ” วิชุดาพูดบอกไปแล้วถอนหายใจออกมาอย่างสงสาร แต่เธอก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะสำหรับภารัณแล้ว คำไหนคำนั้นไม่มีการพูดซ้ำสอง
จากนั้นวิชุดาก็รีบกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอแล้วรีบโทรตามคุณเรวัตผู้จัดการฝ่ายการจัดการมาพบเจ้านายของเธอด่วนที่สุด แล้วก็โทรบอกคุณปภพหัวหน้าแผนกดูแลโครงการต่างๆของบริษัทให้มาพบกับภารัณในเวลาต่อไป
“หล่อแต่ใจร้ายขนานแท้เลยอ่ะ เฮ้อ เสียดายหน้าตาหล่อๆหมด ไม่รู้จะเย็นชาไปถึงไหน ไม่น่าล่ะถึงไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าถึงเลยสักคน” ดารินพูดออกไปแล้วมองเพื่อนร่วมงานของเธอกำลังเก็บของอยู่อย่างสงสาร
“อย่ามาว่าคุณภามของฉันนะยัยดา เขาทำไปก็มีเหตุผลทั้งนั้นแหละไม่ได้ใจร้ายสักหน่อยย่ะ แกว่าผู้หญิงเข้าไม่ถึงเขาได้ยังไง แกลืมคุณปิ่นแก้วอดีตคู่หมั้นของคุณภามไม่ได้หรือไงยะ” กำพลเอ่ยพูดออกไปอย่างเข้าข้างเจ้านายหนุ่มสุดหล่อของตัวเอง เพราะต่อให้ใครว่ายังไงเขาก็ยังรักและเทิดทูนภารัณไม่เปลี่ยน
“จำได้สิแก แต่คุณปิ่นแก้วเขาจะแต่งงานกับคุณศิลาแล้วไม่ใช่หรือไง เห้ย แล้วแกมาชวนฉันพูดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย ไม่เอาๆ ห้ามพูดถึงอีกเชียวนะ ฉันไม่อยากถูกไล่ออก” ดารินพูดบอกไป เพราะไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ให้ตัวเองถูกไล่ออก หากคุณภารัณมาได้ยินเข้า
“รู้ตัวก็ดีย่ะพวกหล่อนน่ะ เดี๋ยวเถอะจะโดนไล่ออกโดยไม่รู้ตัว ไป กลับไปทำงานกันได้แล้ว อย่ามัวแต่เม้าท์เรื่องของเจ้านาย ไป” วิชุดาเดินเข้ามาเอ่ยพูดบอกไป เมื่อเธอเห็นทั้งสองกำลังซุบซิบกับพนักงานคนอื่นๆอยู่
“ค่ะ คุณแม่ ไปแล้วค่ะ ทุกคนแยกจ้า” กำพลและดารินพูดออกไปก็เดินกลับไปทำงานทันที ส่วนพนักงานคนอื่นๆก็เช่นกันเมื่อวิชุดามาไล่ให้แยกย้ายกันแล้ว วิชุดาก็มองตามแล้วส่ายหน้าไปมาทันที
ณ ร้านกาแฟฮันนี่บี
สาวน้อยหน้าหวานอย่าง “ปาราริน” ที่พึ่งเรียบจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมา ก็กำลังนั่งดูข่าวของนักธุรกิจหนุ่มด้วยสายตาหลงใหลในความหล่อและใจดีของเขา หลังจากที่เธอหลงชื่นชอบเขามาหลายปีนับตั้งแต่ที่เธอได้ทุนการศึกษาจากบริษัทอีแลนด์กรุ๊ปของเขา ซึ่งเป็นบริษัทที่มอบทุนการศึกษาให้เธอตั้งแต่เข้าเรียนมหาลัยจนกระทั่งเธอเรียนจบ และตอนนี้เธอก็กำลังชิงทุนไปศึกษาต่อด้านสถาปนิกจากบริษัทนี้อยู่ และหากเธอเรียนจบเธอก็จะได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา
“ยัยปราง แกนั่งดูเขาจนน้ำลายแกจะไหลอยู่แล้วน่ะ อะไรจะชอบเขาขนาดนั้นยะ สงสารลูกค้าของฉันบ้างเถอะที่ต้องมาเห็นภาพมโนของแกเนี่ย” ชงโคเพื่อนสาวคนสนิทของปารารินเอ่ยพูดแซวเพื่อนสาวออกไป เมื่อเห็นเพื่อนสาวนั่งดูข่าวของนักธุรกิจหนุ่มสุดหล่อที่ชื่อภารัณอะไรนั่น
“ก็แกดูสิ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ทั้งหล่อทั้งฉลาดแถมยังใจดีสุดๆอีก จะไม่ให้ฉันชอบเขาได้ยังไงล่ะ ก็ฉันจะได้ทุนไปเรียนต่อก็เพราะเขาอีกแล้วอ่ะแก ” ปารารินพูดออกไปแล้วก็ยิ้มอย่างเพ้อฝันถึงหนุ่มในฝันสุดหล่อของเธอ ที่กำลังให้สัมภาษณ์ทางทีวีอยู่
“จริงอย่างที่ยัยปรางพูดนะแก เขาดีออกจนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่ยัยปรางจะชอบ ขนาดฉันเห็น ฉันยังชอบเลยอ่ะ ฮ่าๆ” พิชญาพูดเสริมเพื่อนสาวออกไป เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสาวหลงใหลได้ปลื้มหนุ่มนักธุรกิจคนนี้ยิ่งกว่าดาราเคป๊อปซะอีก
“ปล่อยให้ยัยปรางมันชอบไปคนเดียวเถอะ แกน่ะไม่ต้องแรดไปชอบเขา” ชงโคพูดเสริมเพื่อนสาวออกไปอย่างขำๆ เพราะถ้าพิชญาชอบอีตานี่อีกคน เธอคงจะบ้าตายแน่ๆ
“ฉันไม่แย่งเพื่อนฉันหรอกน่า ว่าแต่ทุนจะประกาศวันพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่เหรอยัยปราง แกคิดว่าแกจะได้ไหมอ่ะ” พิชญาเอ่ยถามเพื่อนสาวออกไปอย่างอยากรู้ เพราะเธอเองก้ลุ้นให้เพื่อนสาวได้ทุนไปเรียนต่อ
“อาจารย์พัชแอบดูรายชื่อมาแล้ว เขาบอกว่าฉันได้นะแก ฉันก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรแล้ว เพราะฉันเคยหลุดทุนหรือไงล่ะ” ปารารินพูดออกไปอย่างมั่นใจ เพราะเกรดเฉลี่ยของเธอก็ไม่เคยตก แถมยังได้รับการยืนยันจากอาจารย์คนสนิทอีกว่าเธอได้รับทุน แค่นี้เธอก็เตรียมตัวจะไปโบยบินแล้ว
“งั้นเราต้องฉลองกันแล้วแก โทรเรียกเจนนี่กับไอ้คิมมารวมตัวกันที่ร้านดีกว่า” พิชญาพูดบอกไปก็ยิ้มอย่างสดใส เมื่อคิดว่าจะได้รวมตัวแก้งค์กันอีกครั้ง เพราะหลังจากเรียนจบก็แยกย้ายกันไปหมด เธอและชงโคมาลงทุนทำร้านกาแฟด้วยกัน ส่วนเจนนี่และคิมก็ไปสมัครเป็นแอร์โฮสเตสและสจ๊วต ยินไปนั่นยินไปนี่จนไม่มีเวลาเจอกัน
“สองคนนี้ไปบินแล้วแก คงกลับมาวันมะรืนนู้นแหละ ไว้รอฉลองพร้อมกับสองคนนั้นละกัน” ปารารินพูดบอกไป เพราะเธออยู่คอนโดเดียวกับเจนนี่ เธอจึงรู้ตารางการทำงานของเพื่อนสาว ที่ติดอยู่ที่ประตูห้องของพวกเธอ
“อ่อ งั้นเหรอ เออๆ งั้นเอาไว้รอสองคนนั้นละกัน จัดที่ร้านฉันกับยัยชงโคนี่แหละ ไม่เปลืองเงินดี ฮ่าๆ” พิชญาพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้กับเพื่อนสาวออกไป
“มันแน่นอนอยู่แล้วย่ะ ว่าแต่วันนี้มีอะไรให้ฉันช่วยไหมล่ะ ฉันว่าง” ปารารินพูดบอกไปก็มองหน้าเพื่อนสาวทั้งสอง เพราะเวลาว่างเธอก็จะมาช่วยงานที่ร้านของเพื่อนสาวเป็นประจำ
“สวยๆอย่างแกก็ต้องเสริฟ์น่ะสิ อ่ะ เอานี่ไปเลย โต๊ะหนุ่มสามคนนั้นแหละ เอาไปเลย” ชงโคพูดบอกไปก็ส่งถาดใส่กาแฟและเค้กให้กับเพื่อนสาวไปทันที
“ทีแบบนี้ล่ะรวดเร็วเลยนะยะ ใช้ฟรีนี่ชอบล่ะสิแกเนี่ย มาๆ ฉันไปเสริฟ์ให้รับรองเลยว่าลูกค้าของแกเขาต้องมาบ่อยๆเพราะความสวยและความน่ารักของฉันแน่ๆอ่ะ ฮ่าๆ” ปารารินพูดบอกไปก็พูดมโนออกไปอย่างขำๆ ก่อนจะยกถาดนั้นเดินออกไปเสริฟ์ให้กับลูกค้าอย่างสวยๆ
“แกดูมันสิยัยพีช โปรยเสน่ห์ไปทั่วแต่ไม่เอาใครเลยสักคน ใช้ความสวยเปลืองจริงๆ เฮ้อ” ชงโคพูดออกไปก็ดูปารารินกำลังเอาของให้กับลูกค้าพร้อมกับพูดคุยอย่างโปรยเสน่ห์ตามไสต์ของเธอไป
“แกก็ใช้เปลืองเหมือนกันแหละน่า ฉันเห็นนะว่าไอ้คุณหมออะไรนั่นมาจีบแกน่ะ หึๆ” พิชญาพูดแซวเพื่อนสาวออกไปแล้วมองอย่างเจ้าเล่ห์
“จีบอะไร เขาก็แค่มาทานกาแฟเท่านั้นแหละ แกอย่ามาจับผิดฉัน” ชงโคพูดบอกไปแบบเขินๆ เพราะตอนนี้เธอกำลังจีบกับลูกค้าที่เป็นคุณหมออยู่
“แน่ใจนะว่าแกกับเขาไม่ได้จีบกัน งั้นฉันจีบนะ เพราะเขามานู้นแล้ว ฉันไปรับออเดอร์ของเขาดีกว่า” พิชญาพูดบอกไปก็แกล้งยืนขึ้นแล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่ชงโครีบพูดออกมาก่อน
“เดี๋ยวฉันไปเอง แกอยู่เคาน์เตอร์นี่แหละ” ชงโคพูดบอกไปก็รีบเดินไปหาคุณหมอหนุ่มด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพาเขาไปนั่งที่โต๊ะ แล้วยืนพูดคุยกับเขาในขณะที่รอรับออเดอร์ จนพิชญายืนมองแล้วถึงกับส่ายหน้าไปมาทันที
“ทีแบบนี้ล่ะรีบเลยนะยัยชงโค ปากแข็งจริงๆเลยแกเนี่ย” พิชญาพูดไปแล้วก้ยิ้มอย่างขำๆ
“ยิ้มอะไรอ่ะแก มีอะไรเหรอ” ปารารินที่เสริฟ์ของให้ลูกค้าเสร็จแล้วก็กลับมาหาเพื่อนสาว ก่อนจะเห็นพิชญายืนยิ้มมองไปที่ชงโคและลูกค้าอยู่
“ก็เพื่อนแกนั่นแหละ ดูสิ สงสัยคราวนี้จะมีแฟนแล้วมั้งเนี่ย” พิชาญาพูดบอกไปก้มองไปที่เพื่อนสาวแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ให้มันมีเถอะ มันจะได้อ่อนหวานอ่อนโยนกับเขาเป็นบ้าง” ปารารินพูดไปก็มองไปที่ชงโคเช่นกัน และแอบหวังว่าเพื่อนสาวจะได้ลงเอยกับใครสักที
จากนั้นปารารินก็พูดคุยกับเพื่อนสาวของเธอไป พร้อมกับช่วยงานที่ร้านต่ออย่างสนุกสนาน ก่อนที่พรุ่งนี้เธอจะได้รับข่าวดีเรื่องทุนของเธอ