ด้านปารารินหลังจากเธอพบกับภารัณเรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับไปทำงานที่บริษัทของเธอต่อ แต่เพื่อนสาวคนสนิทของเธอที่อยากรู้เรื่องจนทนไม่ไหวก็ลงทุนมาส่งน้ำให้ถึงที่ ก่อนจะแวะเข้ามาหาเธอแล้วถามเกี่ยวกับเรื่องวันนี้ว่าสรุปแล้วภารัณนั้นผิดจริงหรือเปล่า และปารารินก็พูดออกไปตามความจริงพร้อมกับบอกเรื่องที่เขาจะจ้างเธอให้เป็นแฟนกับเพื่อนสาวได้รู้ด้วย
“จ้างเป็นแฟนตั้งห้าแสนบาท ยัยปราง ทำไมแกไม่ตกลงเขาไปห้ะ” ชงโคพูดออกไปเสียงดัง ก่อนจะเอามือปิดปากของตัวเองอย่างลืมตัวว่าตอนนี้พวกเธออยู่ในที่ทำงานขงเพื่อนสาว ซึ่งพี่สาวของเธอก็ทำงานอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
“ตกลงทำไมล่ะแก พวกแกก็รู้ว่าฉันน่ะเคยแอบปลื้มเขามาก่อน ขืนตกลงไปเป็นแฟนปลอมๆของเขาถ้าฉันเกิดตกหลุมรักเขาขึ้นมาฉันก็ต้องเสียใจน่ะสิถ้าฉันช่วยเขาคืนดีกับแฟนได้ ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากเสียใจ” ปารารินพูดบอกไป เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าเธอยอมเป็นแฟนกับเขา เธอจะห้ามความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขาไม่ได้
“อ่อ มันก็จริงนะแก ถ้าต้องแกล้งเป็นแฟนกันแล้วใกล้ชิดกันตลอด ยังไงมันก็ต้องมีเผลอใจให้เขาบ้างแหละ แต่แกไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีเขาอาจะเผลอใจให้แกเหมือนกัน มันก็เหมือนน้ำตาลใกล้หมดอ่ะแก” พีชญาพูดออกไป เพราะมันก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกันที่ทั้งสองคนจะตหลุมรักกันเอง
“แกอย่าทำให้ฉันกลับไปเป็นชะนีขี้มโนแบบเมื่อก่อนได้ไหม แค่เขาไม่ได้ทำผิดเรื่องทุน ใจฉันมันก็แทบจะสั่นสู้เวลาเจออยู่แล้วนะแก” ปารารินพูดบอกเพื่อนสาวไปตามตรง เพราะเธอไม่มีข้อโต้แย้งอะไรที่จะห้ามใจตัวเองม่ให้ชอบเขาแบบก่อนหน้านี้อีกแล้ว
“ใจร่านขึ้นมาเลยว่างั้น เฮ้อ ฉันก็ไม่รู้จะบอกแกยังไงอ่ะ มันก็อยู่ที่แกเลือกว่าจะรับข้อเสนอของเขาไหม แต่ฉันอยากให้แกทำตามหัวใจตัวเองนะ แล้วก็คิดดีๆ เพราะการที่แกจะได้ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้มันจะไม่มีอีกแล้วนะยัยปราง ” ชงโคพูดบอกไป เพราะเห็นว่าเพื่อนสาวชอบผู้ชายคนนี้มานานแล้ว
“เฮ้อ ฉันก็เสียดายแก แต่ฉันไม่อยากช่วยเขาทำให้คนอื่นเขาเลิกกันอ่ะ ปฏิเสธเขาไปแบบนี้แกละดีแล้ว ว่าแต่พวกแกตั้งหน้าตั้งตามาส่งน้ำถึงที่นี่ ก็เพราะอยากรู้เรื่องของฉันแค่เนี่ยอ่นะ” ปารารินพูดบอกไปแบบมาดมั่นว่าเธอจะไม่รับข้อเสนอใดๆของภารัณ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนสาวทั้งสองไป
“ก็เออน่ะสิ ฉันสองคนทนรอไม่ไหวนิ แต่พวกฉันก็มีเรื่องเด็ดอีกเรื่องให้แกฟังด้วย รับรองเลยว่าแกอึ้งแน่ๆ” พีชญาพูดบอกไป เพราะเธอพึ่งจะรู้ข่าวนี้มาเมื่อวานนี้เอง
“เรื่องอะไรอ่ะ ยังมีอะไรที่เด็ดกว่าเรื่องของฉันอีกเหรอ” ปารารินถามออกไปอย่างสงสัย ก่อนจะมองหน้าของเพื่อนสาวทั้งสองสลับกับ และพีชญาก็สังสัญญาณให้ชงโคเป็นคนพูด
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ไอ้คิมมันทำเจนนี่ท้องก็แค่นั้นแหละ ไม่รู้มันสองคนไปบินกันอีท่าไหนถึงป่องมาแบบนั้นอ่ะ เมื่อวานเจนนี่มันติดต่อแกไม่ได้ มันก็เลยให้พวกฉันมาบอกกับแก แล้วก็บอกให้แกอย่าพึ่งบอกแม่มันอ่ะ” ชงโคพูดบอกไปเพราะเจนนี่ไม่ต้องการปิดบังเรื่องนี้กับปารารินซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและลูกพี่ลูกน้องกัน
“ป้าฉันรู้เข้ายัยเจนนี่ตายแน่อ่ะ ท้องกับใครไม่ท้องดันมาท้องกับไอ้คิม โอ้ย ทำไมมันไม่รู้จักป้องกันเนี่ย แล้วเจนนี่มันบอกไหมว่าจะกลับไทยเมื่อไหร่” ปารารินพูดบ่นออกไปอย่างอดไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าทั้งสองแอบกินกันมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะท้องเร็วแบบนี้เลย
“น่าจะเดือนหน้าอ่ะแก ตอนนี้เจนนี่มันหยุดบินแล้ว แต่มันรอให้ไอ้คิมลาหยุดแล้วกลับมาพร้อมกับมันอ่ะ” พีชญาพูดบอกไปตามที่เจนนี่และคิมบอกเอาไว้
“โอเค เดี๋ยวฉันจะโทรไปคุยเรื่องนี้กับสองคนนั้นเอง สงสัยคงต้องคุยกันยาวเลยแหละ อยู่ๆก็มีหลานมาให้ฉันแบบนี้ ” ปารารินพูดออกไปแล้วก็ทำหน้าส่ายไปมาอย่างเหนื่อยใจ เพราะเธอต้องเจอเรื่องวุ่นวายแน่ๆ
จากนั้นสามสาวก็เม้าท์มอยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งชเอมเข้ามา แล้วไล่น้องสาวของตัวเองกลับไปที่ร้านกาแฟ ไม่ใช่มานั่งเม้าท์กันสนุกๆจนทำให้พนักงานคนอื่นมองว่าเธอนั้นปล่อยปะละเลยยอมให้คนนอกเข้ามายุ่มย่ามในบริษัทได้
หนึ่งเดือนผ่านไป
หลังจากที่ยื่นข้อเสนอไปแล้วไม่ได้รับการติดต่อจากปาราริน ภารัณก็โทรติดต่อและถามเธออีกครั้งและเขาก็ได้รับการปฏิเสธดังเดิม ทำให้เขาคิดว่าเขาคงจะใช้วิธีนี้ไม่ได้แล้วเมื่อเธอไม่ยินยอมจะช่วยเขา เขาจึงยอมล้มเลิกความคิดนี้ไป แล้วเขาก็คิดหาวิธีอื่นแทน
“ภามเรียกปิ่นเข้ามาพบวันนี้มีอะไรสำคัญหรือเปล่าคะ” ปิ่นแก้วเอ่ยถามออกไป เพราะช่วงนี้เธอยุ่งเรื่องของการเตรียมตัวเรื่องงานแต่งจนไม่ได้เข้ามาที่บริษัทของภารัณในประชุมต่างๆ จึงสงสัยว่าภารัณมีเรื่องด่วนอะไรถึงอยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว
“อ่อ พอดีผมไม่เห็นปิ่นเข้าร่วมประชุมเลยช่วงนี้ ก็เลยเป็นห่วง อ่อ ห่วงเรื่องโครงการใหม่ของเราน่ะ ผมอยากให้ปิ่นเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ไหม ไม่ใช่ส่งคนมาแทน” ภารัณพูดออกไปอย่างต้องการที่จะเจอปิ่นแก้วบ่อยขึ้น และหากเธอเป็นคนรับผิดชอบโครงการนี้ เขาก็จะได้เจอเธอบ่อยขึ้น
“อ่อ เรื่องนี้นี่เอง ปิ่นขอโทษนะคะภามที่ส่งคนมาประชุมแทน พอดีช่วงนี้ปิ่นยุ่งๆน่ะค่ะ ยังไงต่อไปปิ่นจะมาเข้าร่วมประชุมทุกครั้งนะคะ ปิ่นจะดูแลโครงการนี้ให้ดีที่สุดค่ะ ภามไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ปิ่นแก้วพูดไปก็ยิ้มใส่อดีตคนรักอย่างอ่อนโยน
“ได้ยินแบบนี้แล้วผมก็สบายใจ ไหนนี่ก็เที่ยงแล้ว ผมว่าเราไปหาอะไรทานดีไหม เอาร้านประจำที่ปิ่นชอบทานก็ได้” ภารัณพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้กับปิ่นแก้ว เพราะเขายังจำทุกอย่างที่เธอชอบได้เสมอ ถึงแม้ว่าในเวลานั้นเขาจะไม่ได้ใส่ใจเธอมากพอก็ตาม
“ได้สิคะ แต่ว่าแฟนของคุณจะว่าอะไรหรือเปล่าคะภามที่เราจะไปทานข้าวด้วยกัน” ปิ่นแก้วเอ่ยถามออกไปอย่างลองเชิงดูว่าภารัณจะตอบอย่างไร เพราะเธออยากรู้ว่าเขาไปมาหาสู่กับแฟนของเขาถึงไหนแล้ว
“อ่อ แฟนผมเหรอ เขาไม่ว่าอะไรหรอก เขาเข้าใจ” ภารัณได้ยินปิ่นแก้วถามแบบนั้นก็ตอบไปแบบข้างๆคูๆ เพราะเขามีแต่แฟนมโนเท่านั้นแหละ จะมีใครมาว่าเขาได้กัน
“ดีจังเลยนะคะที่เขาเข้าใจ คราวก่อนเจอกันปิ่นยังไม่ทันได้รู้จักอะไรเธอเลย คุณชวนเธอมาทานข้าวกับเราด้วยสิคะ ปิ่นอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้ค่ะ อยากรู้ว่าเธอทำยังไงถึงทำให้ภามกลายเป็นคนมุ้งมิ้งแบบวันนั้นได้ ต่างจากตอนที่คุณคบกับปิ่นลิบลับเลย และดูเหมือนเธอจะสำคัญกับคุณมากนะคะ ” ปิ่นแก้วพูดออกไปแล้วก็ยิ้มมุมปากออกไป ทั้งที่ในใจของเธอนั้นกำลังทดสอบภารัณอยู่ ว่าระหว่างเธอและแฟนของเขา เขาจะให้ความสำคัญกับใครมากกว่า
“เราอย่าพูดถึงอดีตเลยนะ ตอนนั้นผมโง่เองแหละที่ปล่อยคุณไปง่ายๆ แล้วมันก็ยังทำให้ผมเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ และผมอยากให้คุณรู้เอาไว้นะปิ่น ว่าคุณยังเป็นคนสำคัญสำหรับผมเสมอ” ภารัณพูดบอกไปก็มองหน้าของปิ่นแก้วอย่างจริงจัง ก่อนจะจับมือของเธอขึ้นมาอย่างแสดงความจริงใจ เพราะเขายังรู้สึกดีกับเธออยู่จริงๆ
“สำคัญมากกว่าแฟนของคุณอีกเหรอคะ” ปิ่นแก้วถามออกไปแล้วมองภารัณอย่างลุ้นว่าเขาจะตอบยังไง เพราะคำพูดของภารัณที่พูดกับเธอตอนนี้มันเหมือนว่าเขายังมีใจให้เธออยู่
ภารัณก็มองหน้าของปิ่นแก้วอย่างจดจ้อง แล้วเขาก็คิดในใจว่าถ้าเขาบอกความในใจของเขาไปตอนนี้ เธอจะยังให้โอกาสเขาได้แก้ตัวอีกไหม ภารัณคิดได้ยังไงก็ถอนหายใจแล้วก็ตัดสินใจจะพูดออกไป
“ก๊อกๆ ปิ่นผมมารับคุณไปทานข้าว” ศิลาที่รู้ว่าปิ่นแก้วมาที่บริษัทของภารัณ เขาก็รีบตามมาเพราะไม่ไว้ใจให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง และพอเขาเข้ามาในห้องทำงานของภารัณแล้วเจอทั้งสองกำลังจับมือกันอยู่ มันก็ทำให้เขาอึ้งๆไปทันที
“อ่อ ศิลา คุณมาได้ยังไงคะ” ปิ่นแก้วพูดไปอย่างตกใจ ก่อนจะรีบดึงมือของตัวเองออกมาจากมือของภารัณทันที เพราะไม่ต้องการให้ศิลาเข้าใจผิด
ภารัณก็มองปิ่นแก้วรีบดึงมือเธอกลับไปอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเธอกลัวคงไม่อยากให้นายศิลาเข้าใจผิด เขาก็รู้สึกจุกๆอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มออกไป
“ทำอะไรกัน” ศิลาถามออกไปก็เดินตรงเข้าไปหาทั้งสองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ เพราะถ่านไฟเก่าของทั้งสองมันยังคงประทุได้เสมอ
“ผมก็แค่จะชวนปิ่นไปทานข้าวด้วยก็เท่านั้น ไม่มีอะไรหรอกครับ” ภารัณพูดบอกไปอย่างตรงๆ ก่อนจะมองหน้าของศิลาที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเขาเอามากๆ
“แค่ชวนไปทานข้าว ทำไมต้องจับมือถือแขนกันด้วย คุณควรจะรู้นะว่าคุณไม่ควรจับมือถือแขนกับคู่หมั้นของคนอื่น” ศิลาพูดไปอย่างหวงๆก่อนจะเอามือโอบไหล่ของปิ่นแก้วอย่างเป็นเจ้าของ
“ไม่มีอะไรจริงๆค่ะศิลา คุณจะมารับปิ่นไปทานข้าวไม่ใช่เหรอคะ เราไปกันเถอะค่ะ อ่อ ภามคะ เรื่องทานข้าวของเราเอาไว้ครั้งหน้านะคะ” ปิ่นแก้วพูดบอกไปอย่างไม่ต้องการให้ศิลาหาเรื่องภารัณ เธอจึงรีบพูดบอกไปเพื่อนตัดปัญหาทุกอย่าง
“อืม” ภารัณพยักหน้าตอบไป เพราะเขาก็ไม่อยากให้เธอต้องลำบาก เพราะความขี้หึงของศิลาที่ดูจะไม่
“เดี๋ยวสิ ก่อนที่จะไป ผมขอเอาการ์ดแต่งงานของเราให้อดีตคนรักของคุณก่อนละกัน เขาจะได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับเราสองคน” ศิลาพูดออกไปก็ยิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะเขาตั้งใจจะเอาการ์ดมาให้ภารัณโดยเฉพาะ เพื่อที่มันจะได้รู้ว่าต่อไปปิ่นแก้วจะเป็นผู้หญิงของเขาคนเดียวเท่านั้น
“การ์ดแต่งงานงั้นเหรอ” ภารัณพูดออกไปแบบอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าทั้งสองจะกำลังแต่งงานกันแล้ว
“ใช่ ผมกับปิ่นกำลังจะแต่งงานกัน และงานจะถูกจัดขึ้นเดือนหน้านี้แล้ว นี่การ์ดเชิญไปงานแต่งของเรา หวังว่าคุณจะไปนะครับ อ่อ ถ้าจำไม่ผิดคุณก็มีแฟนใหม่แล้ว ยังไงผมก็ขอเชิญเธอไปงานพร้อมกับคุณด้วยนะครับ คุณจะได้ไม่ต้องไปจับมือผู้หญิงของคนอื่นมั่วๆอีก เพราะมันคงจะดูไม่ดีถ้าผู้บริหารระดับสูงกลายเป็นชู้กับผู้หญิงของคนอื่น ”ศิลาพูดออกไปแล้วส่งการ์ดงานแต่งของเขาให้กับศิลาไปด้วยรอยยิ้มสะใจที่ได้เห็นหน้าของไอ้หมอนี่
“ศิละคะ คุณพูดแรงไปแล้วนะคะ ปิ่นกับภามเราไม่ได้ทำอะไรแบบที่คุณกำลังคิดเลยนะคะ” ปิ่นแก้วพูดออกไปอย่างทนไม่ไหวกับคำพูดของศิลาที่ดูไม่ให้เกียรติเธอเลยสักนิด
“ไม่แรงไปหรอกปิ่น คุณน่ะอยู่เงียบๆ ผมบอกกี่ครั้งแล้วห้ะว่าเวลาจะมาหาเขาให้บอกผม แต่คุณก็แอบมาเจอกันสองต่อสองทุกครั้ง จะให้ผมคิดยังไง” ศิลาพูดกัดฟันออกไปอย่างโกรธๆ ก่อนจะเอามือจับแขนของปิ่นแก้วอย่างแรงด้วยความโมโห
“อื้อ ปิ่นกับภามเราจบกันไปนานแล้วนะคะ แล้วปิ่นก็บอกคุณมาตลอดว่ามันไม่มีทางกลับไปเหมือนกันได้แล้ว ทำไมคุณยังไม่เชื่ออีก ปิ่นเลือกที่จะแต่งงานกับคุณเพราะปิ่นรักคุณ คุณอย่าทำให้ปิ่นต้องตัดสินใจผิดเลยนะคะศิลา” ปิ่นแก้วพูดออกไปแล้วมองหน้าของศิลาอย่างตัดเพ้อที่เขาหึงหวงเธอจนขาดสติ
“ผมจะเชื่อได้ยังไงในเมื่อคุณยังจับมือถือแขนกับเขาอย่างนั้นน่ะห้ะ” ศิลาพูดไปก็ยิ่งบีบแขนของปิ่นแก้วแรงขึ้น
ส่วนภารัณที่ได้ยินคำว่ารักของปิ่นแก้วที่พูดออกไปแบบนั้นก็กำหมัดแน่นอย่างจุกๆกับคำพูดของเธอ ที่มันตอกย้ำให้เขารู้ว่าเรื่องของเธอและเขามันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว ในเมื่อเธอได้เลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิตของเธอแล้ว
“อย่าทะเลาะกันเพราะผมเลย ผมมีแฟนแล้ว และผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องกลับไปยุ่งกับปิ่นในทำนองนั้น ตอนนี้เราเป็นแค่เพื่อนกัน คุณอย่าทำร้ายปิ่นอีกเลย ปล่อยมือจากแขนของเธอซะ” ศิลาพูดบอกไป เพราเขาเห็นสีหน้าของปิ่นแก้วว่าเธอกำลังเจ็บ
ศิลาพอได้ยินแบบนั้นก็จับแขนของปิ่นแก้วเบาลง และรู้สึกผิดที่ทำรุนแรงกับเธอไป แต่เวลาเขาเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไร เขาก็ห้ามความคิดหึงหวงขึ้นมาไม่ได้
“ผมจะพาแฟนของผมไปงานแต่งของคุณกับปิ่นเพื่อเป็นการยืนยันว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับปิ่นแล้ว และหวังว่าต่อไปคุณจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับปิ่นอีก เพราลูกผู้ชายเขาไม่ทำร้ายผู้หญิง คุณเข้าใจใช่ไหมคุณศิลา” ภารัณกัดฟันพูดไปแล้วก็ฝืนยิ้มออกไปอย่างอดทน เพราะถ้าปิ่นแก้วตัดสินใจจะแต่งงานกับศิลาแล้ว เขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป
“อืม ถ้าคุณทำได้อย่างที่พูด ผมจะไม่มีวันทำให้ปิ่นเจ็บตัวแน่” ศิลาพูดออกไปแล้วมองหน้าของภารัณอย่างจดจ้อง
“งั้นเรากลับกันเถอะค่ะศิลา ถ้าคุณยังอยากให้มีงานแต่งงานของเราอยู่ ปิ่นกลับก่อนนะภาม ” ปิ่นแก้วพูดออกไปก็สะบัดมือของศิลาออกแล้วเดินออกไปทันที เพราะเธอไม่ต้องการให้ศิลาพูดจายั่วโมโหอะไรภารัณอีก และถ้าเขายังไม่หยุดทำตัวแบบนั้น เธอคงต้องคิดเรื่องการแต่งงานใหม่แล้ว
ภารัณก็มองตามทั้งสองออกไปจนประตูห้องปิดลง แล้วเขาก็ก้มลงมามองการ์ดแต่งงานของทั้งสองอย่างเจ็บใจที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ แถมเขายังโดนนายศิลาพูดหยามศักดิ์ศรีจนไม่อาจยอมรับได้ สงสัยงานแต่งงานของทั้งสอง เขาคงต้องพาตัวแฟนมโนของเขาไปด้วยจริงๆซะแล้ว เพื่อยุติปัญหาทุกอย่างที่ทำให้ปิ่นแก้วต้องลำบากเพราความหึงหวงของนายศิลา
จากนั้นภารัณก็เดินไปกดเรียกให้เลขาของเขาเข้ามาในห้อง เพราตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ และเขาจะต้องใช้เด็กผู้หญิงคนนั้น และคราวนี้เขาจะไม่ทำให้เธอไม่สามารถปฎิเสธข้อเสนอของเขาได้อีกต่อไป
“คุณวิ โทรนัดผู้บริหารของบริษัทที่ปารารินทำงานอยู่ให้ผมที แล้วบอกเขาว่าผมต้องการเทคโอเวอร์บริษัทของเขาให้เข้ามาอยู่ในเครือบริษัทของเรา ให้เขาเสนอราคามาได้เลย” ภารัณพูดบอกไปด้วยเสียงเข้ม เพราะเสียเงินเท่าไหร่เขาไม่ว่า แต่เขาจะเสียหน้าไม่ได้
“เทคโอเวอร์เหรอคะ นี่คุณภามจะซื้อบริษัทที่เด็กคนนั้นทำงานมาทำไมคะ” วิชุดาถามออกไปแบบงงๆ เพราะบริษัทก็มีบรัษัทออกแบบอยู่แล้ว
“ผมให้คุณถามเหรอคุณวิ ไปทำตามที่ผมสั่งก็พอ แล้วหาวันนัดกับทางนั้นให้เร็วที่สุดด้วย” ภารัณพูดออกไปด้วยเสียงโมโห จนวิชุดาตกใจ
“ค่ะๆ ได้ค่ะคุณภาม เดี๋ยววิจะรีบติดต่อให้เลยค่ะ” วิชุดาพูดบอกไปแบบกลัวๆ ก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างว่องไว เพราะดูจากสถานการณ์แล้วเธอไม่ควรอยู่ในนี้