ภารัณพอเห็นปารารินพูดบอกเขาแบบนั้นก็ทำหน้ามองเธอแบบจดจ้อง ก่อนจะหันไปหาทาเคชิแล้วก็ยิ้มให้กับเขาไป ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปแบบจำยอม
“งั้นเราสั่งอาหารกันเลยนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ ส่วนคุณอยากทานอะไรก็สั่งนะครับที่รัก” ภารัณพูดกัดฟันออกไปก็ยิ้ม ก่อนจะหันไปหาปารารินแล้วมองเธอแบบกวนๆ
“ขอบคุณครับ งั้นผมขอรวบกวนให้แฟนของคุณภารัณช่วยสั่งให้หน่อยก็แล้วกันนะครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรอร่อยๆให้ผมทานบ้าง” ทาเคชิพูดออกไปก็ยิ้มให้กับแฟนของภารัณ เพราะต้องการทดสอบเธอและภารัณ
“อ่อ ได้เลยค่ะ ฉันก็พึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก งั้นเราก็สั่งอาหารที่แพงที่สุดของร้านมาก็แล้วกันนะคะ รับรองว่าต้องอร่อยแน่นอนค่ะ น้องคะ เอาอาหารที่แพงที่สุดของร้านมาห้าอย่างแล้วก็ขอไวน์แดงขวดที่แพงที่สุดมาด้วยนะคะ” ปารารินพูดออกไปแล้วก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะใครบอกให้เขาพาเธอมาเองล่ะ ไหนๆก็ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวแกล้งเป็นแฟนกับเขาแล้ว ก็ขอจัดเต็มหน่อยละกัน ดูสิว่าร้านอาหารหรูๆแบบนี้จะอร่อยแค่ไหนกันเชียว
ด้านภารัณก็ถึงกับหันไปมองหน้าของปารารินในขณะที่เธอสั่งอาหารแล้วก็ไวน์นั่นอย่างอึ้งๆ นี่เธอไม่คิดจะถามเขาก่อนหรือไง รู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงเธอจะผลาญเงินเขาเป็นแสนๆเลยงั้นเหรอ ยัยตัวแสบ
“ฮ่าๆ แฟนของคุณภารัณนี่ใจปล้ำหน้าดูเลยนะครับ แบบนี้ธุรกิจของเราคงจะตกลงกันง่ายขึ้น” ทาเคชิพูดออกไป แล้วรู้สึกว่าสองคนนี้หมือนจะมองกันด้วยสายตาแปลกๆ
“ครับ แฟนผมเขาชอบเอาใจทุกคนแบบนี้แหละครับ งั้นระหว่างที่รออาหารเราก็มาคุยเรื่องโครงการใหม่ของเราดีกว่านะครับ นี่เป็นเอกสารสัญญาที่เราตกลงกันไว้ ถ้าคุณทาเคชิอ่านแล้วไม่มีปัญหาอะไรก็เซ็นชื่อได้เลยครับ” ภารัณเอ่ยบอกบอกไปก็ส่งเอกสารให้กับทาเคชิไป
“โอเคครับ งั้นผมขออ่านข้อตกลงในสัญญาแปปนะครับ” ทาเคชิรับเอกสารมาก่อนจะเปิดอ่านแล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วน พร้อมกับแอบสงัเกตทั้งสองอย่างเงียบๆ
ส่วนภารัณก็หันมาหาปารารินแล้วทำปากต่อว่าเธอออกไปแบบอดไม่ได้ที่ทำอะไรโดยไม่ปรึกษาเขาก่อน แต่พอเห็นหน้าของทาเคชิเงยขึ้นมามองทั้งสองก็ยิ้มออกไป ก่อนที่ภารัณจะพยายามพูดกับเธอออกไปราวกับคนรักที่รักกันมาก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานอาหารก็ถูกนำมาวางลงบนโต๊ะอย่างพร้อมเพียง และปารารินก็มองแล้วกลืนน้ำลายทันทีกับอาหารตรงหน้า
“ที่รัก ถ้าคุณหิวก็ทานก่อนได้เลยนะ" ภารัณพูดบอกไปเพราะทนมองหน้าเธอที่ดูอาหารอย่างจดจ้องนั้นไม่ได้ ผู้หญิงอะไรไม่รักษาภาพลักษณ์ตัวเองเอาซะเลย สวยซะเปล่า
“ค่ะที่รัก งั้นฉันทานเลยนะคะ ขออนุญาตทานก่อนนะคะคุณทาเคชิ” ปารารินพูดบอกไปแบบพอใจ ก่อนจะเอ่ยบอกทาเคชิอย่างไม่เป็นการเสียมารยาท เพราะอาหารตรงหน้ามาล่อตาล่อใจจนเธอทนไม่ไหวแล้ว
“ฮ่าๆ ครับๆ เชิญเลยครับ ไม่ต้องเกร็งใจผมนะครับ ผมคงต้องอ่านสัญญาไปอีกสักพักเลย” ทาเคชิพูดบอกไปก็หัวเราะกับความน่ารักของเธอที่อยากทำอะไรก็ทำได้อย่างอิสระ โดยมีภารัณคอยตามใจอย่างนั้น สงสัยจะรักกันมากทีเดียว
จากนั้นปารารินก็ชิมอาหารในจานของเธออย่างพิจารณาก่อนจะทำหน้าทำตาชอบใจกับรสชาติของอาหารที่นี่ เธอก็รีบหั่นเนื้อสเต็กนี่แล้วกินต่อแบบเอร็ดอร่อย โดยที่เธอไม่ได้สนใจภารัณหรือลูกค้าของเขาแม้แต่น้อย จนมีมีเศษอาหารเลอะปากของเธออย่างไม่รู้ตัว
ภารัณที่มองเธอกินอย่างอึ้งๆ ก่อนจะใช้มือสะกิดเธอให้เงยหน้ามาสนใจเขา แล้วเขาก็ทำหน้าบอกเธอว่าที่ปากของเธอมีเศษอารติดอยู่ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจ จนเขาต้องหยิบทิชชู่ไปเช็ดให้เธอเอง
“ที่รัก ทานจนเลอะแล้วนะครับ หิวมากใช่ไหมเนี่ย” ภารัณพูดไปก็เช็ดปากให้เธออย่างแรงอย่างแกล้งๆเธอ ที่กำลังจะทำให้เขาเสียหน้า
“หึๆ ก็หิวสิคะ ฉันรอคุณตั้งนานนิคะ คุณก็คงจะหิวแล้วใช่ไหมคะ ทานหน่อยสิคะ มาค่ะ ฉันป้อน ไม่ต้องอายคุณทาเคชิเขาหรอกค่ะ ปกติคุณก็ชอบให้ฉันป้อนอาหารให้คุณทานอยู่บ่อยๆไม่ใช่เหรอคะ” ปารารินที่ถูกเขาเช็ดปากอย่างแรงก็เอาคืนเขา ด้วยการเอาซ่อมจิ้มเนื้อสเต็กบวกกับพริกที่เอามาตกแต่งในจานให้เขาไป
“อืม คุณนี่น่ารักตลอดเลยนะที่รัก งับ” ภารัณก็มองปารารินแล้วกัดฟันยิ้มออกไปอย่างจำยอม เพราะตอนนี้ทาเคชิกำลังเงยหน้าขึ้นมามองที่เขาและเธออยู่ ทำให้เขาเอามือไปจับมือของเธอแล้วก็ยอมกินสเต็กที่เธอป้อนมาก่อนจะหลับตาแบบจี๊ดเมื่อกัดเข้ากับพริกเข้าเต็มๆ
“อร่อยมากใช่ไหมคะที่รัก ดูทำหน้าเข้าสิ” ปารารินพูดตอกย้ำเขาออกไปแบบสะใจ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขำๆกับท่าทางของเขา
“อืม อร่อยมากเลยล่ะ” ภารัณพูดไปด็หยิบน้ำมาดื่มทันที เพราะเขาทานเผ็ดมากไม่ได้ ก่อนจะภาวนาให้ทาเคชิรีบเซ็นต์เอกสารสัญญาสักที ก่อนที่เขาจะทนกับยัยตัวแสบนี่ไม่ไหว
“เอาใจเก่งแบบนี้นี่เอง แบบนี้คุณภารัณไม่หอมแก้มเธอให้รางวัลหน่อยล่ะครับ” ทาเคชิพูดออกไป เพราะถ้าเป็นเขาป่านนี้คงหอมแก้มเอาใจคนรักไปนานแล้วที่เธอออดอ้อนเก่งอย่างนี้
“ห้ะ หอมแก้ม ไม่ ไม่ดีกว่าค่ะ คือฉันอายน่ค่ะ จริงไหมคะที่รัก” ปารารินรีบพูดห่มออกไปทันที ก่อนจะทำตัวเลิกลักแบบเขินๆ
“ไม่เห็นต้องอายเลยครับ ผมทำกับภรรยาของผมเป็นประจำเลย เธอจะได้รู้ว่าผมรักเธอไงครับ ทำๆไปเถอะครับไม่ต้องอายผมหรอก หอมเลยๆ” ทาเคชิพูดบอกไปก็เชียร์ให้ภารัณหอมแก้มของแฟนสาวอย่างชอบใจ จนคนที่ทานอาหารหลายๆโต๊ะเริ่มมองมาที่พวกเขา
ปารารินก็รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก เพราะตอนนี้คนในร้านก็มองโต๊ะของพวกเธอกันแบบลุ้นๆ ยิ่งเธอหันไปมองหน้าของภารัณแล้วก็ถึงกับกลืนน้ำลายทันที
“ที่รัก คนมองเราเยอะแล้วนะ” ภารัณเองก็เริ่มจะทนกับสายตาของคนอื่นๆไม่ไหว เขาก็หันไปหาปารารินแล้วมองหน้าเธออย่างเขินๆเช่นกัน ก็พูดกัดฟันออกไป เพราะถ้าเขาไม่หอมเธอนี่สิ ทาเคชิคงไม่เชื่อว่าเขากับปารารินเป็นแฟนกันจริงๆ ละนั่นจะยิ่งทำให้เขาพลาดงานนี้
“จะรออะไรล่ะคะ รีบๆหอมสิคะที่รัก ฉันก็อายคนอื่นเขาเหมือนกันนะคะ” ปารารินกัดฟันพูดบอกไปก็ยิ้มออกไปแบบจำยอม ก็แค่หอมแก้มแค่นี้ทำไมเขาไม่รีบทำให้มันจบๆไปสักที แค่นี้ยังอายคนอื่นไม่พอหรือไง
“จุ๊บ” ภารัณก็ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มของปารารินอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอพูดอนุญาตเป็นนัยๆแล้ว แล้วเขาก็ได้สูดดมกลิ่นตัวหอมๆของเธอ
“ฮ่าๆ เป็นคู่รักที่น่ารักมากนะครับ ผมเห็นแล้วรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเลยเนี่ย คุณภารัณโชคดีนะครับที่ได้แฟนน่ารัก แบบนี้ ถ้าแต่งเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะครับ ผมจะมาร่วมแสดงความยินดีด้วย” ทาเคชิพูดชมความน่ารักของทั้งสองอย่างอดไม่ได้ และเขาก็เชื่อแล้วว่าทั้งสองเป็นคู่รักกันจริงๆ กลับญี่ปุ่นคราวนี้คงต้องบอกให้ลูกสาวของเขาทำใจแล้วล่ะ
“ฮ่าๆ ครับๆ ถ้าผมจะแต่งเมื่อไหร่ผมจะเชิญคุณทาเคชิแน่นอนครับ” ภารัณพูดไปแล้วหันไปมองปารารินแล้วทำหน้ายิ้มแห้งๆออกไป เพราะแค่คิดภาพตามก็สยองแล้ว
ทาเคชิมองแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างชอบใจ แล้วเขาก็ตัดสินใจเซ็นต์เอกสารสัญญากับภารัณไป ก่อนจะควักมือเรียกเลขาของเขามาให้มาเก็บสัญญาในฝั่งของเขาไป
“ผมเซ็นต์สัญญาให้เรียบร้อยแล้ว หวังว่าผมมาไทยคราวหน้า คุณจะเตรียมแผนสำหรับโครงการใหม่เรียบร้อยแล้วนะครับ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน จะต้องบินไปหาภรรยากับลูกสาวที่ภูเก็ตแล้วก็บินกลับญี่ปุ่นเย็นนี้เลย ยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะครับคุณภารัณ” ทาเคชิพูดบอกไปก็ลุกขึ้นแล้วส่งเอกสารให้กับภารัณไป ก่อนส่งมือไปจับจับมือกับภารัณอย่างเป็นมิตร
“แน่นอนครับ ทุกอย่างจะพร้อมทันทีที่คุณมาถึงครับ” ภารัณพูดบอกไปก็ลุกขึ้นแล้วยิ้มให้ทาเคชิ แล้วเขาก็รู้สึกโล่งอกที่ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปด้วยดี
“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณทาเคชิ” ปารารินพูดบอกไปก็ส่งมือไปทักทายเขาอย่างมีมารยาท แล้วเธอก็เข้าไปยืนชิดกับภารัณราวกับคนรักที่แทบไม่ห่างกันเลย
“ครับ งั้นขอตัวเลยนะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ด้วยนะครับ” ทาเคชิพูดออกไปก็เดินออกไปพร้อมกับเลขาของเขา
“เฮ้อ จบสักที ทีนี้ก็กินได้เต็มที่แล้วสิ” ปารารินพูดออกมาอย่างโล่งอกโล่งใจ ที่เธอไม่ต้องมาปั้นหน้ายิ้มทำตัวเป็นคนรักของเขา ก่อนจะนั่งลงแล้วมองอาหารตรงหน้าอย่างชอบใจ
“นี่ยังจะมีอารมณ์มากินต่ออีกเหรอคุณ คุณแสบมากนะที่ทำให้ผมต้องจ่ายค่าอาหารเป็นแสนๆเนี่ย” ภารัณนั่งลงแล้วก็พูดบ่นเธออกไปทันที
“เอาน่าคุณ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่คุณหอมแก้มฉันไง ฉันใจดีแค่ไหนที่ไม่โวยวายจนคุณต้องเสียงานน่ะ” ปารารินพูดบอกไปก็ตักอาหารทานอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่แคร์สายตาของภารัณที่มองเธอมาอย่างไม่พอใจ เพราะเธอไม่ได้แคร์อะไรเขาเลยสักนิด
“คุณนี่มันเห็นแก่กินจริงๆเลยนะ ผู้หญิงอะไรไร้ความเป็นกุลสตรีที่สุด เฮ้อ งั้นก็กินให้มันหมดๆ อย่าให้ผมต้องเสียเงินไปฟรีๆ” ภารัณพูดบอกไปอย่างไม่พอใจ แต่ก็ต้องรักษาภาพพจน์ของตัวเองเอาไว้
“ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะห่อไปกินที่บ้าน ไม่อยากมานั่งทานแล้วให้คุณวิจารณ์ฉันแบบนี้ น้องคะ ช่วยเอาอาหารพวกนี้ไปห่อกลับบ้านให้ทีนะคะ” ปารารินพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะภารัณคงจะเสียหน้าน่าดูที่เธอขอเอาของพวกนี้ห่อกลับบ้าน
“ค่ะ คุณผู้หญิง รอสักครู่นะคะ” พนักงานทำหน้ายิ้มแห้งๆออกปก็รีบเอาอาหารและขวดไวน์บนโต๊ะอาหารออกไปทันที
“นี่คุณ จะกินก็กินที่นี่สิ จะห่อกลับบ้านทำไมห้ะ” ภารัณพูดต่อว่าเธอไปแบบอายๆ เพราะนี่เป็นร้านอาหารหรู กินๆแล้วทิ้งมีใครเขาห่อกลับบ้านอย่างเธอบ้าง นี่เธอจะแกล้งให้เขาเสียหน้าชัดๆ
“ก็ฉันเห็นหน้าห่วยๆของคุณแล้วฉันทานไม่ลงอ่ะ ในเมื่อตอนนี้มันหมดหน้าที่ของฉันแล้ว เราสองคนก็แยกย้ายกันเลยสิ” ปารารินตอบเขาไปก็มองหน้าเขาแบบกวนๆ ใครบอกให้เขามาว่าเธอเองล่ะ ก็ต้องเจอเธอเอาคืนแบบนี้แหละ
“อืม คิดว่าผมอยากจะอยู่กับคุณแบบนี้มากหรือไงล่ะ ” ภารัณพูดไปก็มองหน้าของเธออย่างอดทนที่จะไม่โมโหกับคำพูดของเธอ
ด้านปิ่นแก้วที่มาทานอาหารพร้อมกับศิลาคู่หมั้นของตัวเอง ก็ได้ยินเสียงคนเชียร์ใครคนหนึ่งให้หอมแก้มกัน เธอก็หันไปมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะทำหน้าอึ้งๆเมื่อได้เห็นภารัณอดีตแฟนของเธอกำลังหอมแก้มผู้หญิง โดยมีคุณทาเคชิหนึ่งในผู้บริหารจากญี่ปุ่นที่ตอนนี้กำลังเนื้อหอมเพราะใครๆก็อยากจะร่วมงานด้วยนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย และมันน่าแปลกที่ภารัณกล้าหอมแก้มผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าคนอื่นๆ จนกระทั่งเขาตกลงกับคุณทาเคชิเสร็จไปแล้ว แต่เขาก็ยังใกล้ชิดกับเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ห่าง
“ดูท่าตอนนี้อดีตคนรักของคุณเขาจะมีผู้หญิงคนใหม่ซะแล้วสิ แถมยังเด็กมากด้วยนะนั่น” ศิลาพูดไปก็มองผู้หญิงที่ภารัณควงมาอย่างพิจารณา ว่าเธอน่าจะเป็นสาววัยใสที่กำลังถูกโคแก่อย่างภารัณเลี้ยงเอาไว้แน่ๆ
ปิ่นแก้วก็ใช้สายตามองอย่างพิจารณาเช่นกัน และเธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าภารัณจะคบกับเด็กวัยละอ่อนขนาดนั้น ทั้งที่เขานั้นไม่เคยคบกับใครแบบเปิดตัวเลยนับตั้งแต่เลิกกับเธอไป ซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้ว่าเขานั้นยังลืมเธอไม่ได้ แต่นี่เขากลับหอมแก้มยัยเด็กนี่ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ทั้งที่เขาก็ไม่เคยหอมแก้มหรืออะไรอย่างนี้กับเธอต่อหน้าคนอื่น มันจึ้งทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก
“อยากจะไปทักทายอดีตคนรักของคุณไหมล่ะ เผื่อจะได้รู้ว่านั่นน่ะแค่คนควงเล่นๆหรือว่าตัวจริงของเขากันแน่” ศิลาพูดออกไปแล้วมองหน้าของคนรักที่กำลังมองไปยังโต๊ะจองภารัณอยู่ด้วยรอยยิ้มร้ายๆ เพราะเขารอวันที่ปิ่นแกล้วจะลืมภารัณได้อย่างหมดใจมานานแล้ว แต่เธอยังคงทำงานอยู่กับเขา จะทำให้เขาวางใจได้ยังไงในเมื่อไอ้หมอนี่มันก็ยังครองตัวเป็นโสดอยู่ พอเขาได้มาเห็นอย่างนี้แล้วก็ทำให้เขาอดดีใจไม่ได้
“ไม่ดีกว่าค่ะ นี่เป็นวันครบรอบของเราสองคน ฉันไม่อยากทำให้คุณเสียบรรยากาศ เราอย่าไปสนใจพวกเขาเลยค่ะ ทานอาหารต่อเถอะ” ปิ่นแก้วพูดออกไปก็ทำเป็นไม่สนใจภารัณและผู้หญิงของเขา
“มาเถอะน่า ไปทำความรู้จักกันนิดๆหน่อยๆเอง ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้วก็ลุกขึ้นแล้วไปกับผม ” ศิลาพูดไปก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปหาปิ่นแก้ว
“ค่ะ” ปิ่นแก้วพยักหน้าตอบไปก็ลุกขึ้น แล้วก็ควงแขนของศิลาเข้าไปหาภารัณและผู้หญิงของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะศิลาไม่เคยไว้ใจเธอเรื่องของภารัณเลยสักครั้ง
“อ่าว คุณภารัณ จะไปกันแล้วเหรอครับ ผมกับปิ่นอุตส่าห์รีบเดินมาหาเพราะอยากจะรู้จักสาวน้อยที่คุณควงมานะครับเนี่ย เห็นหอมแก้มกันต่อหน้าคุณทาเคชิซะด้วย หวานกันจังเลยนะครับ ไม่ทราบว่าสาวน้อยคนนี้คือ” ศิลาเข้ามาแล้วเอ่ยพูดออกไปรัวๆ เพื่อตอกย้ำให้คู่หมั้นของเขาได้เห็นว่าภารัณนั้นกำลังจะมีผู้หญิงคนใหม่แล้ว
ด้านภารัณก็มองหน้าของศิลาและปิ่นแก้วแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจที่ต้องมาเจอกับสองคนนี้ในเวลาแบบนี้ แล้วสองคนนี้ก็ยังมาเห็นตอนเขาหอมแก้มปารารินอีก เขาคงต้องแกล้งเป็นแฟนของเธอต่อไปอีกสินะ ส่วนปารารินก็มองชายหญิงทั้งสองคนเข้ามาทักทายภารัณด้วยสายตาสงสัย เพราะดูเหมือนมันจะมีรังสีความไม่เป็นมิตรซ่อนอยู่
“นี่ปาราริน แฟนของผมเอง ” ภารัณพูดแนะนำปารารินออกไปแล้วเอามือโอบเอวของปาราริน ก่อนจะจมองสบตากับปิ่นแก้วที่มองมาที่เขา พอเขาจะแนะนำทั้งสองให้กับปารารินก็ดันลูกศิลาพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“จริงเหรอครับเนี่ย ตั้งแต่ผมเห็นคุณภารัณเลิกกับคู่หมั้นของผมไป ผมก็นึกว่าคุณยังลืมปิ่นเขาไม่ได้ซะอีก พอเห็นคุณมีแฟนใหม่อย่างนี้แล้วผมก็ยินดีด้วยจริงๆครับ” ศิลาพูดออกไปแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เพราะมันทำให้เขาได้ตอกย้ำเรื่องของปิ่นแก้วกับภารัณให้รู้สถานะของทั้งสอง
ภารัณก็กำหมัดแน่นอย่างเก็บความไม่พอใจ และปารารินก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังกำหมัดแน่น ทำให้เธอแลสายตาไปมองเขาอย่างสงสารกับการถูกข่มแบบนี้ นี่เขาคงจะยังรักผู้หญิงคนนี้อยู่แน่ๆ ถึงได้ยอมแบบนี้ปกติเห็นปากเก่งจะตายไป
“ศิลาคะ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะคะ ถ้าภามเขาจะมีแฟนใหม่มันก็ไม่ใชเรื่องแปลกอะไรนี่คะ เรากลับไปนั่งโต๊ะของเราเถอะค่ะ ” ปิ่นแก้วพูดออกไปก็มองไปที่ภารัณด้วยสายตาเศร้าๆ เพราะเธอยอมรับว่าเธอก็ยังรู้สึกดีกับเขาอยู่ พอเขาควงผู้หญิงคนใหม่มาแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้เธอรู้สึกจุกๆ
ปารารินที่ยืนอยู่เงียบๆก็มองดูสงครามประสาทของทั้งสาม ที่ดูเหมือนจะเป็นรักสามเศร้า เพราะคนหนึ่งก็หวงคู่หมั้น อีกคนหนึ่งก็หวงก้าง ส่วนอีกคนก็อาลัยอาวรณ์กันทางสายตา เฮ้อ เห็นแล้วไม่รู้จะสมเพชหรือสงสารดีกับเรื่องแบบนี้ แต่ดูๆไปแล้วไอ้คู่หมั้นของแฟนขานี่มันก็น่าหมั่นไส้จริงๆ พูดจากวนประสาทอยู่ได้
“เดี๋ยวก่อนสิครับปิ่น เรายังไม่ได้รู้จักแฟนใหม่ของคุณภารัณเขาเลยนะครับ คุณจะรีบไปไหนล่ะ ” ศิลาพูดไปก็หันไปมองหน้าของปิ่นแก้วแบบจดจ้อง
“ผมศิลาเป็นเพื่อนทางธุรกิจของคุณภารัณ แล้วก็นี่ปิ่นแก้วคู่หมั้นของผมเอง พอดีวันนี้เรามาฉลองวันครบรอบสามปีที่เราหมั้นกันน่ะครับ ถ้าไม่รังเกียจเชิญคุณภารัณกับคุณปารารินร่วมทานอาหารกับเราหน่อยได้ไหมครับ” ศิลาพูดออกไปแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกไป
“อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักคุณศิลาแล้วก็คุณปิ่นแก้วนะคะ แต่ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่เราคงร่วมทานอาหารกับคุณสองคนไม่ได้ เพราะเราทานอาหารกับคุณทาเคชิกันจนอิ่มแล้ว แล้วเดี๋ยวคุณภารัณเขาต้องพาฉันไปช๊อปต่อด้วยคงไม่ว่างมาทานอาหารร่วมกับคุณสองคนหรอกค่ะ จริงไหมคะที่รัก” ปารารินพูดบอกไปแล้วยิ้มอย่างสดใส อย่างช่วยๆภารัณให้เขาออกจากสถานการณ์นี้
“อืมใช่ พอดีผมต้องพาแฟนไปช็อปปิ้งต่ออีก คงทานอาหารกับคุณสองคนไม่ได้ ยังไงผมขอตัวเลยก็แล้วนะ” ภารัณเห็นปารารินช่วยเขาพูดอย่างนั้น เขาก็เอ่ยเสริมเธอออกไปทันที
“ภามคะ” ปิ่นแก้วเรียกภารัณออกไปอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะมองสบตากับเขาอย่างลึกซึ้ง
“มีอะไรเหรอปิ่น” ภารัณถามออกไปแล้วมองแววตาของธอที่มองมาที่เขา มันก็ทำให้เขารู้สึกปวดใจที่เขาไม่สามารถมีเธอได้อีกแล้ว
“ปิ่นดีใจนะคะที่คุณเจอผู้หญิงที่คุณรักแล้วคุณก็มีเวลาให้เธอแบบนี้ เธอโชคดีกว่าปิ่นมาก” ปิ่นแก้วพูดบอกไปอย่างน้อยใจ เพราะสาเหตุที่เธอเลิกกับเขาก็เป็นแพราะเขาไม่มีเวลาให้เธอ แต่ดูตอนนี้สิ เขากลับมีเวลาพาผู้หญิงคนนี้ไปช็อปปิ้งแถมยังแสดงความรักด้วยการเรียกขานกันอย่างสนิทสนม
ปารารินเห็นทั้งสองพูดกันด้วยพร้อมกับมองกันด้วยสายตาแฝงด้วยความนัยอย่างนั้นแล้ว เธอก็มองไปที่คู่หมั้นของผู้หญิงคนนี้ทันที แล้วเขาก็ทำท่าทีที่ดูจะไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน จนเธอต้องรีบเอ่ยแทรกทันที
“เรื่องที่มันเป็นอดีตไปแล้วเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกค่ะ มันคนละเวลากัน แต่ฉันก็โชคดีจริงๆแหละค่ะที่เจอผู้ชายอย่างเขา เขาเป็นคนที่ดีมากๆจนฉันแทบไม่อยากจะห่างเขาไปไหนเลยค่ะ คุยกันมานานแล้ว เราไปกันได้หรือยังคะที่รัก เดี๋ยวไม่ทันซื้อกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ให้ฉันนะคะ” ปารารินพูดออกไปก็เงยหน้ามองภารัณแล้วยิ้มออกไปแบบอ้อนๆ ทั้งที่เธอแทบอยากจะฆ่าเขาเลยต่างหาก
“ครับที่รัก งั้นผมสองคนขอตัวก่อนนะครับ” ภารัณพูดบอกไปก็ฝืนยิ้มให้ทั้งสองไป ก่อนจะค่อยเอามือที่โอบเอวของปารารินมาเลื่อนลงมาให้เหมือนจับมือกัน ก่อนที่เขาจะเดินจูงมือเธอออกไปทันที
“ไปนะคะ” ปารารินพูดบอกไปแบบรนๆ เมื่อภารัณเดินออกมาแล้วเธอที่จับมือกับเขาอยู่ก็ต้องรีบเดินตามออกมา
“คุณมองคุณภารัณแบบนั้นคงไม่ใช่เพราะหึงหรอกนะ” ศิลาถามออกไป เพราะสีหน้าและท่าทางรวมถึงคำพูดของปิ่นแก้ว มันทำให้เขาอดคิดไมได้ว่าจนถึงตอนนี้แล้วเธอก็ยังไม่ลืมภารัณ
“เปล่าค่ะ คุณอย่าคิดมากเลยค่ะ ฉันกับภามเลิกกันมาหลายปีแล้วนะคะ ถ้าฉันหึงภามแล้วฉันจะมาหมั้นกับคุณทำไมล่ะคะ เรากลับไปที่โต๊ะของเราเถอะค่ะ ถ้าคุณยังอยากจะฉลองวันครบรอบของเราอยู่” ปิ่นแก้วพูดออกไปก็เดินกลับไปที่โต๊ะของพวกเธอที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
“ผมจะทำให้คุณลืมมันให้ได้” ศิลาพูดตามร่างบางไปอย่างมาดมั่น เพราะเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ปิ่นแก้วกลับไปหาคนอย่างภารัณเด็ดขาด