ภีมพูดพร้อมยกขึ้นโอบไหล่ฉัน สิงห์จ้องมองเราทั้งคู่เพียงแว้บหนึ่ง ใบหน้าคมสันยังคงยิ้ม แต่ฉันรับรู้ได้ถึงสายตาอาฆาตมาดร้ายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยคำพูดจาน่าเตะปากขึ้น
“ ทำไมล่ะ หรือว่ามีบางคนยังลืมเรื่องครั้งก่อนเก่าไม่ลง ยังแอบมีเราอยู่ในใจ ”
“ อย่าสำคัญตัวเองผิดนักเลย ” ฉันตอกกลับ มันยิ้มยียวน
“ ถ้าไม่ใช่ก็ทำตัวให้มันเป็นผู้ใหญ่หน่อย มีน้ำใจนักกีฬา ไม่ใช่ทำตัวเป็นเด็กเจ้าคิดเจ้าแค้น ”
“ ฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ”
“ ดี งั้นเดี๋ยวเราไปเก็บของเก็บกระเป๋าแป๊บ เรามาพักด้วยนะ ” มันพูดหน้าตาเฉย ไอ้พวกเพื่อนก็เห็นดีเห็นงามด้วย
“ ดีเลย ๆ สิงห์มาอีกคนจะได้สนุกมากขึ้น ”
“ มีค่าใช้จ่ายนะ ไม่ได้มาอยู่ฟรีกินฟรี ” ภีมเอ่ยขึ้น สิงห์ยิ้ม
“ โอเค เดี๋ยวเรากลับไปนับเหรียญมาก่อน คนละเท่าไร ” พวกเพื่อน ๆ สาธยายกับสิงห์ ซึ่งฉันไม่ได้ตั้งใจฟัง เพราะภีมโอบไหล่พาฉันเดินหนีออกมา
“ ส้มโอเคไหม ถ้าส้มไม่โอเคเราไล่มันกลับไป ไม่ให้มันอยู่ก็ได้นะ ไอ้สวะเนี่ย จนก็จน ดูสารรูปมันสิ มันจะมาลักขโมยของพวกเราหรือเปล่าไม่รู้ แถมมันยังเคยทำไม่ดีกับส้มไว้ด้วย ”
ไอ้ที่ภีมพูดมันก็ถูกที่ฉันรู้สึกไม่ดีที่เจอสิงห์ และรู้สึกไม่ดีไปกว่านั้นที่ต้องมาอยู่ร่วมกับมัน แต่ไอ้เรื่องจะลักขโมยของหรืออะไรทำนองนั้น ฉันมั่นใจว่าสิงห์ไม่ทำแน่ เท่าที่คบหาในฐานะคนรักราวหนึ่งปีในตอน ม.6 สิงห์เป็นคนดีและไม่เคยจับต้องทรัพย์สมบัติของคนอื่น สิงห์เป็นคนรักเพื่อนฝูงและความยุติธรรม แม้ว่าจะเกเรไปบ้าง แต่ก็มีเพื่อนพี่น้องที่รักเคารพนับถือในน้ำใจเขามาก
แต่ก็นั่นแหละ จะไว้ใจได้ที่ไหน ขนาดพ่อฉันเขายังซัดจนหมอบมาแล้ว แถมยังพูดจาดูถูกฉันด้วย
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตัดสินใจอะไร เสียงกวน ๆ ก็ดังขึ้น
“ เดี๋ยวเรากลับมานะ หวังว่าการมาอยู่ด้วยของเราใน ครั้งนี้ คงจะไม่ได้ไปรบกวนหัวใจของใคร ในฐานะ แฟนเก่า ” มันเน้นย้ำท้ายประโยค ฉันเชิดหน้า ก่อนหันกลับไปตอบฉะฉาน
“ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าสำคัญตัวเองผิดนัก ฉันลืมมันไปหมดแล้ว ก็แค่แฟนเก่า ”
ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินหนีมาจากตรงนั้น หากฉันหันหลังไปก็คงจะเจอรอยยิ้มมีเลศนัยจากใบหน้าหล่อเหลานั้น พร้อมกับคำพูดที่เอ่ยลอดริมฝีปากที่ได้ยินเพียงคนเดียวว่า
“ ก็แค่แฟนเก่าอย่างนั้นเหรอ เดี๋ยวได้รู้กัน... ”
พาร์ทของสิงห์
หลังจากที่ผมเก็บเสื้อผ้ายัดใส่เป้สะพายหลังแล้วกลับมาที่รีสอร์ทหรู เอาของไปเก็บในเรือนพักกลางน้ำที่มีสองเตียง และเพิ่มเตียงเสริมอีกหนึ่ง เพราะผมต้องนอนรวมกับต้นและภีม
ต้นนั้นโอเคกับผมมาก แต่ภีม แม่งทำหน้าเหมือนผมเป็นเห็บหมัด แต่ผมไม่สน เอาจริง ๆ สมัยอยู่มัธยม ตัวผมเรียกได้ว่าเป็นหัวโจกของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ผมเรียนไม่เก่ง เกกมะเหรกเกเรด้วย เลยได้อยู่ห้องท้าย ๆ กินเหล้าเมายาตีต่อยกับเขาไปทั่ว แต่ผมเป็นคนรักเพื่อน ใครมีเรื่องที่ไหนผมไปช่วยหมด ดังนั้นก็ ไม่แปลกที่อยู่ที่โรงเรียนเพื่อน ๆ จะรัก เดินไปทางไหนมีแต่คนเรียก ไม่เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็ด้วย ผมเข้าได้ทุกกลุ่ม คนเกลียดผมมีแหละ แต่คนรักมันน่าจะเยอะกว่า (หรือเปล่าผมคิดเองเอง)
ผมอยู่กับแม่สองคน ไม่มีพ่อ เพราะไม่รู้ว่าพ่อคือใคร
คุณอ่านไม่ผิดหรอก ผมไม่รู้ว่าพ่อคือใคร แม่ของผมเคยทำงานเป็นผู้หญิงบาร์และขายบริการที่เมืองชื่อดังแห่งการท่องเที่ยวฝั่งตะวันออกแห่งหนึ่ง เพราะความยากลำบาก บ้านก็จะโดนยึด ยายก็ป่วยหนัก แม่ไม่มีทางเลือก พยายามหาเงินให้ไวที่สุดเท่าที่จะไวได้ก็เลยเลือกทางนี้ ความไม่ประสีประสาของแม่ก็เลยพลาดท้องกับแขก เลยเกิดมาเป็นผมนี่แหละ
ถึงแม้ผมจะดูเหมือนมารหัวขนและไม่ได้ถูกตั้งใจให้มาเกิด แต่แม่ก็เลือกที่จะเก็บผมไว้ ท่านรักและเลี้ยงดูผมอย่างดี หลังจากที่ท้อง แม่ก็เก็บเงินพอค่าไถ่บ้านและรักษายาย หัดทำขนมจากยายและทำขนมขายหาเลี้ยงครอบครัวเรื่อยมา
ผมควรจะเป็นเด็กดีให้สมกับที่แม่รัก ใช่ ผมเป็นแบบนั้น แต่ปากคนน่ะ มันยื่นยาวแส่หาเรื่องอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะพวกผู้ใหญ่หรือเพื่อนนักเรียน มันชอบล้อผมว่าแม่ผมเป็นผู้หญิงอย่างว่า หนักเข้าผมก็เลยต้องสร้างเกราะขึ้นมาคุ้มกันตัวเอง ใครปากไม่ดีผมซัดเสียหมอบ จนกลายเป็นบุคลิกส่วนตัวเหมือนนักเลงเกเร แต่ผมสาบานว่าไม่เคยรังแกใครก่อน แถมผมยังทำตัวเป็นศาลเตี้ยและผู้พิทักษ์คอยปกป้องคนที่โดนรังแกอีกด้วย เหตุนี้ผมเลยเป็นที่นิยมชมชอบของทั้งเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องในโรงเรียน
แม่ผมก็เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง แต่ผมเดาว่าคนเป็นพ่อที่ผมไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักนั้น คงจะรูปร่างหน้าตาดีมากพอสมควร เลยถ่ายทอดยีนส์มายังผมด้วย ผมรูปร่างสูงใหญ่มาตั้งแต่เด็ก หน้าคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ผิวค่อนไปทางขาวเหลือง แต่ความที่ผมเป็นผู้ชายลุย ๆ ก็เลยชอบขี่มอเตอร์ไซค์ เตะบอล ทำกิจกรรมตากแดดจนตัวเกรียม
เมื่อหน้าตาดี ก็เป็นธรรมดาที่จะดึงดูดผู้หญิงให้เข้าหา ผมยอมรับว่าผมผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่คนเดียวที่ได้ใจของผม มีเพียงเธอเท่านั้น... ส้ม
ย้อนไปเมื่อแปดปีที่แล้ว ส้มเป็นเด็กเรียนเก่ง อยู่ห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องคิง เรียบร้อยมาก ๆ ตัดผมสั้นทรงกะโปะเท่าติ่งหู เธอไม่ค่อยพูดจา ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ดูแล้วเราสองคนไม่น่ามีทางจะโคจรมาเจอกันได้ แต่ฟ้าก็เล่นตลกให้ผมกับเธอได้รักกัน
“ ไอ้ผัดเผ็ด ” คือชื่อที่ผมตั้งให้ลูกหมาที่มีคนเอาไปปล่อยวัด มันตัวเล็กที่สุดเลยโดนตัวใหญ่รังแกรุมกัดเสียจนแทบตาย แม่ผมไปเห็นแล้วสงสารก็เลยเก็บมาเลี้ยง กำลังอ้วนพีน่ารัก มันดันดื้อ ชอบแอบวิ่งออกไปเล่นบนถนนใหญ่ เคราะห์ร้ายที่เย็นวันนั้นมันวิ่งตามรถมอเตอร์ไซค์ลูกค้าที่มาซื้อขนมของแม่และชอบเล่นกับมัน เลยโดนรถเก๋งชน