EP.07
“ถ้าติดต่อมาแล้วรุ้งตอบช้าไปบ้างอย่าว่ากันนะคะ เพราะว่ารุ้งก็ไม่ค่อยว่างเท่าไร จริงๆ แล้วไม่ค่อยใช้โซเซียลทำอะไรเลยค่ะ นอกจากลงผลงานเท่านั้น”
“ไม่ว่าเลยครับ ขอแค่คุณรุ้งตอบรับผม ผมก็ยินดีมากแล้วครับ และอย่าลืมนะครับ นั่นน่ะช่องทางติดต่อของผม” ครามมองไปที่นามบัตรในมือของปลายรุ้งซึ่งหล่อนก็ยิ้มรับ
“ค่ะ ไม่ลืมค่ะ ต้องขอบคุณคุณครามอีกครั้งนะคะ”
ปลายรุ้งยิ้มพลางก้มศีรษะให้ครามเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณและขอตัวในเวลาเดียวกัน ซึ่งครามก็รู้เวลาว่าพอสมควรแล้ว ทว่าก่อนจะเอ่ยคำลา
“คุณรุ้งคะ เอ่อ... คุณอาร์ตเชิญที่ห้องค่ะ”
ปลายรุ้งหันตามเสียงเรียกและก็เห็นว่าเป็นคุณฝ้ายเลขาของเขา ทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะมองหาเจ้านายเพราะเขาอาจอยู่แถวนี้ก็ได้ และหล่อนก็ได้เห็นเบื้องหลังสูงใหญ่ที่เดินเลี้ยวไปในโซนลิฟต์ผู้บริหาร แค่เห็นด้านหลังหัวใจหล่อนก็สะท้าน แต่นี่เขาเรียกหา หัวใจหล่อนก็ชุ่มชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ภาวนาให้เขาพูดดีกับหล่อนบ้าง เพราะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ หล่อนก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาเลย ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำงาน หวังว่าถ้าอารมณ์เขาคลายความโกรธหล่อนได้มากกว่านี้ หล่อนก็จะพูดเรื่องหย่ากับเขา และอาจต้องพูดความจริงเรื่องของแม่เพื่อให้เขายืดเวลาการใช้หนี้ จะได้ไม่ต้องมีใครทนเพราะไม่รัก
“รุ้งขอตัวก่อนนะคะคุณคราม เจ้านายเรียกแล้วค่ะ”
“ครับ คุณรุ้งอย่าลืมช่องทางติดต่อผมนะครับ”
“ค่ะ ไม่ลืม”
ดวงตาคมเข้มมองเจ้าของร่างอรชรที่เดินเคียงคู่ไปกับเลขาผู้บริหาร เขาคิดว่าหล่อนต้องเป็นคนสำคัญ เพราะถึงขนาดผู้บริหารเรียกพบก็ต้องมีเหตุที่ต้องพูดคุยกัน คงไม่ใช่เป็นเพียงพนักงานธรรมดาแน่
ผู้บริหารสูงสุดของโรงแรมนั่งประจำอยู่ในตำแหน่ง นั่นทำให้ปลายรุ้งที่ก้าวเข้ามารู้สึกขาแข็งขึ้นมากะทันหัน อยากจะหันหลังกลับ แต่ดวงตาคมวาบที่ตวัดขึ้นมองก็ทำให้หล่อนจำต้องยืนนิ่งอยู่กับที่
“จะต้องให้ตะโกนคุยหรือไง”
แค่เริ่มแรกเขาก็ออกฤทธิ์กับหล่อนแล้วและหล่อนควรรีบ “เอ่อ... ค่ะ” ปลายรุ้งรีบกระวีกระวาดเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าเขาทันที
“ใครให้เธอนั่ง”
“อ๋อ... ค่ะ” แค่นั้นหล่อนก็ลุกพรวด ใช่... ไม่มีใครเชิญให้หล่อนนั่งทั้งนั้น
“พี่... พี่อาร์ตมีอะไรจะใช้รุ้งเหรอคะ”
“ที่นี่ที่ทำงานอย่ามาใช้ความสนิทสนมส่วนตัว และฉันก็ไม่ใช่พี่เธอด้วย”
“เอ่อ... ค่ะ”
“พูดได้แต่เอ่อค่ะเอ่อค่ะ ติดอ่างหรือไง ทีพูดกับผู้ชายงี้พูดคล่องเชียว”
“คะ?”
“อย่ามาทำหน้าซื่อบื้อหน่อยเลย คิดว่าฉันไม่เห็นเหรอ ว่าเธอทำอะไรไว้”
“ทำอะไรคะ รุ้งไม่ได้ทำอะไรนี่คะ”
“ไม่ยอมรับก็เรื่องของเธอ เพราะถึงเธอจะทำอะไร ฉันก็ไม่สนใจหรอก แค่จะเตือนเอาไว้จะทำอะไรรักษาหน้าฉันด้วย ไม่ใช่อยากจะอ่อยใครก็อ่อยเรี่ยราดไปหมด”
“พี่อาร์ต เอ่อ… คุณอนวัทย์พูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ”
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ยังต้องให้อธิบายอีกเหรอไง”
“ไม่เข้าใจค่ะ ยังไงก็ต้องอธิบาย”
“นี่เธอเถียงฉันเหรอ”
“ไม่ได้เถียงค่ะ แต่ไม่เข้าใจที่คุณอนวัทย์พูดจริงๆ ฉันทำอะไรคะ”
“ก็อ่อยไง”
ปลายรุ้งส่ายหน้าดิก “ไม่ได้ทำค่ะ ไม่เคยคิดจะทำด้วย”
“แล้วไอ้เมื่อกี้เรียกว่าอะไร”
“เมื่อกี้…” ปลายรุ้งพยายามนึกตามว่าหล่อนไปทำอะไรมาเขาถึงคิดว่าหล่อนอ่อย วันทั้งวันหล่อนก็อยู่แค่หน้างานจะมีก็แค่หล่อนคุยกับคุณครามเมื่อครู่เท่านั้น หรือเขาคิดว่าใช่
“ฉันไม่ได้ทำอะไรนะคะ ลูกค้าก็แค่มาสอบถามเรื่องภาพที่ฉันวาด”
“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ กะอีแค่ภาพวาดกิ๊กก๊อกจะมีคนสนใจ”
ปลายรุ้งอ้าปากหวอ ไม่เคยมีใครบอกว่าภาพวาดของหล่อนเป็น ‘ภาพวาดกิ๊กก๊อก’ มาก่อน หรือเขาคิดว่าภาพวาดจะต้องมีแต่ศิลปินระดับเดอะเบสเท่านั้น ผู้คนถึงจะชื่นชมได้ ทั้งๆ ที่ชีวิตประจำวันของทุกคนก็ผูกติดกับภาพวาด ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือแม้แต่เนกไทที่เขากำลังสวมอยู่ ทั้งหมดก็มีจุดเริ่มต้นมาจากภาพวาดทั้งสิ้น
“มองอะไร”
“ไม่มีอะไรค่ะ คุณอนวัทย์จะพูดแค่นี้ใช่ไหมคะ งั้นฉันขอตัวก่อน”
พูดจบปลายรุ้งก็หันหลังก้าวเดินเพราะประเมินจากคำพูดและสายตาของเขาแล้ว หล่อนไม่ควรอยู่ที่นี่กับเขาสองต่อสองแม้แต่วินาทีเดียว เพราะเสี่ยงที่เขาจะบีบคอหล่อนระบายอารมณ์ แต่เสียงตวาดลั่นของเขาทำให้หล่อนต้องชะงัก
“ใครบอกให้เธอไป!”
“ก็... ก็คุณอนวัทย์หมดเรื่องพูดกับฉันแล้ว”
“ใครบอกว่าหมด เธอยังไม่รับปากฉันเลย”
“รับปากเรื่องอะไรคะ”
“ก็รับปากว่าเธอจะไม่อ่อยใครอีก โดยเฉพาะลูกค้าของฉัน เธอห้ามอ่อยเด็ดขาด”
“ด้วยความสัตย์จริงค่ะคุณอนวัทย์ ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นอยู่ในสมองเลย”
“นี่เธอว่าฉันคิดต่ำเหรอ”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะ แค่จะอธิบายว่าไม่เคยคิด และก็ไม่เคยทำด้วย”
“เฮอะ! ก็เห็นทำอยู่ทุกคืน”