หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
ในบ้านทาวเฮาส์แถบชานเมืองแห่งหนึ่ง
ขวัญเอย สาวสวยวัยยี่สิบเจ็ดในชุดเสื้อเชิ้ตสีม่วงอ่อนให้เข้ากับวันเสาร์ เสื้อทับในกระโปรงสอบสีกรมท่า เข็มขัด เส้นเล็ก ผมดกดำยาวสลวยถูกรวบถักเป็นเปียเดี่ยวเรียบร้อย เธอกำลังหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเป็นรอบที่สิบได้กระมัง
ดวงตากลมโตภายใต้คิ้วโก่งได้รูปตามธรรมชาติมีแววกังวล ก็จะไม่ให้กังวลได้อย่างไรเล่า วันนี้เธอจะไปทำหน้าที่อาจารย์พิเศษรับเชิญให้กับวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่เพื่อนรักอย่างปานใจ หรือยัยปาน ทำงานเป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น
ที่วิทยาลัยมีโครงการชี้แนะอาชีพให้กับนักศึกษา ดังนั้น ปานใจจึงเชิญขวัญเอยไปบรรยายเกี่ยวกับอาชีพขายประกันอันเป็นอาชีพหลักที่เธอทำหาเลี้ยงชีพมาตลอด โดยการบรรยายนั้นเธอจะได้รับค่าตอบแทนครั้งละหนึ่งพันห้าร้อยบาทต่อหนึ่งชั่วโมงครึ่งสำหรับชั้น ปวช. เป็นจำนวนสองสัปดาห์เฉพาะวันเสาร์ เท่านั้นก็ได้เงินมาตั้งสามพันบาทแล้ว
นอกเหนือจากงานขายประกัน อะไรที่เป็นเงินเป็นทองขวัญเอยทำหมด ทั้งเป็นตัวแทนขายครีม ขนม น้ำหอม เสื้อผ้า สารพัดจิปาถะขายทางออนไลน์ ถามว่าทำไมต้องทำงานหนักขนาดนั้น คำตอบคือเพราะเธอมีพ่อบังเกิดเกล้าที่คอยถลุงเงินให้ละลายหายไปอยู่เสมอน่ะสิ
คิดได้ถึงตรงนี้ก็น้ำตาเอ่อคลอ หัวใจรวดร้าว หลายครั้งหลายหนที่ชีวิตของเธอเพพังก็เพราะคนที่ได้ชื่อว่าพ่อนั่นแหละ
รวมถึงตอนนี้ที่เธอมีตำแหน่ง เมียน้อย ก็เพราะพ่อเช่นกัน..
ขวัญเอยอยู่กับชัชวาลผู้เป็นพ่อ แม่เสียไปตั้งแต่เด็ก พ่อมีอาชีพนายหน้าค้าที่ดิน ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง แต่พ่อติด การพนันชนิดเข้าเส้น เลิกไม่เคยได้ มันเป็นแบบนั้นมาตลอดชีวิต ได้เงินก้อนมาจากค่านายหน้าก็เอามาถลุงลงบ่อน หมดก็ หาใหม่ วนลูปไปแบบนี้
จนกระทั่งเดือนที่แล้ว เรื่องมันก็เกิด..
พ่อไปเข้าบ่อนใหญ่แห่งหนึ่งที่เพื่อนชักชวน สองสาม วันแรกได้เงินมาก้อนใหญ่ ทำให้ความโลภเข้าครอบงำ จนเล่นมือเติบขึ้นและเริ่มเสีย ทางบ่อนก็ใจดีให้เครดิตเยอะเหลือเกิน และเมื่อยิ่งเสียพ่อก็ยิ่งลงหนักหมายจะเอาคืน แต่กลายเป็นว่าคืนนั้นเสียไปเป็นล้าน
พ่อเกือบจะถูกตัดมือเพราะไม่มีเงินจ่าย แต่มีท่านผู้ใหญ่ที่เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองท้องถิ่นวัยห้าสิบห้าคนหนึ่ง เข้าไปยื่นมือช่วย ชื่อว่าท่านเมธี เขาเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ่อน จึงช่วยเจรจาผัดผ่อนให้ก่อน และเขาเองก็ใจดีให้คนขับรถพาพ่อมาส่งที่บ้านโดยตัวท่านก็นั่งมาด้วย
ที่นั่น เมธีก็ได้พบลูกสาวแสนสวยของชัชวาล เธอสวยน่ารักกิริยามารยาทก็ดี จนทำให้เขาอยากได้เอาไว้เป็น บ้านน้อย
แน่นอนว่าเขาลองยื่นไมตรีดูแล้วเธอปฏิเสธกลับทันทีอย่างนุ่มนวล แต่คนอย่างเขาถ้าอยากได้ก็ต้องได้ ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วไม่ยอมก็ต้องเอาอำนาจเงินเข้าว่า
เขาต่อรองกับพ่อของเธอ ว่าอยากได้ตัวขวัญเอยในฐานะเมียลับ โดยแลกกับการล้างหนี้ในบ่อนจำนวนหนึ่งล้านบาทให้ทั้งหมด และจะช่วยอุดหนุนซื้อประกันประเภทเจ้าของกิจการปีละสิบล้านกับเธอ เธอจะได้ค่าตอบแทนเป็นคอมมิชชั่นถึงปีละสามแสนบาท โดยเมธีจะเช่าบ้านทาวเฮาส์ไว้ให้ที่ชานเมือง ให้เธอไปอยู่ตรงนั้น พูดตรง ๆ ก็คือเพื่อการสะดวกที่เมื่อเขาว่างเมื่อไรก็จะหนีเมียมาหาเธอนั่นแหละ
แน่นอนว่าขวัญเอยปฏิเสธทันควันด้วยความโมโห แต่พ่อของเธอก็พยายามเกลี้ยกล่อม